บัญชามังกรเดือด บทที่ 978 ทำกู่
ดูเหมือนฉีกงนั้นตื่นตระหนก เขาลอบเหยียดมือออกไปและดึงชายเสื้อของฉีเวย
เขาไม่ใช่แค่หนึ่งในห้าผู้อาวุโสของตระกูลฉีเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ยังเป็นอาจารย์ของฉีเวยด้วย
หลายปีที่ผ่านมา อาจารย์และลูกศิษย์นั้นเข้าใจกันเป็นอย่างดีแม้จะไม่ได้เอ่ยเป็นคำพูด
แม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียงของฉีกง ฉีเวยก็เข้าใจความหมายของเขา
นี่คือการให้เขาตอบรับด้วยความรอบคอบ อย่างไรเสียเมื่อสักครู่เซี่ยหมิง ก็ได้เผยพลังระดับปรมาจารย์แล้ว
อีกทั้งเมื่อรวมกับกองกำลังที่แข็งแกร่งของตระกูลเซี่ยแต่กลับไม่สามารถจัดการกับฉินเทียนผู้นั้นได้
สามารถพิสูจน์ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นจะต้องจัดการได้ยากลำบากมากกว่าที่พวกเขาคิดและจินตนาการไว้!
เซี่ยหมิงนั่งอยู่บนที่สูงมองเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของอาจารย์และลูกศิษย์ทั้งสองคน
เขาหัวเราะด้วยเสียงแผ่วเบาสองครา น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา “น้องเวยคิดว่ากองกำลังของตระกูลเซี่ยก็ไม่สามารถจัดการฉินเทียนได้อย่างนั้นหรือ?”
“นายคิดผิดแล้ว! หากต้องการสังหารฉินเทียน กองกำลังของพวกเรานั้นไม่ต้องสิ้นเปลืองแรงเสียด้วยซ้ำ”
“แต่ทว่าการฆ่าเขานั้นง่ายดายเกินไป ฉันต้องการให้เขาถูกทรมานเหมือนตกนรก!”
“ฉันต้องการให้เขาเห็นญาติพี่น้องและมิตรสหายตายจากเขาไปทีละคนด้วยดวงตาของเขาเอง”
“ฉันต้องการให้เขาสำนึกบาปภายในหัวใจ คุกเข่าร้องขอความเมตตาจากฉัน! ร้องขอฉันให้ชีวิตของเขาและครอบครัวของเขาตายจากไปอย่างไม่ทรมาน!”
“ฉันต้องการให้เขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง จากนั้นญาติพี่น้องและมิตรสหายของเขาจะตายจากเขาไปอย่างเชื่องช้าและทรมานต่อหน้าต่อตาเขา! ทำให้เขามีชีวิตที่เหมือนกับตายทั้งเป็น!”
“ดังนั้น ที่ฉันเชิญน้องเวยมาที่นี่ก็เพราะต้องการดูทักษะวิชากู่อันน่าอัศจรรย์ของพวกนายตระกูลฉี”
เสียงของเซี่ยหมิงดังกึกก้องไปทั่วทั้งของรับแขกขนาดใหญ่ ในทุกคำพูดเต็มไปด้วยความชั่วร้าย คนที่ได้ยินต่างก็สั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้
แม้แต่ฉีเวย แผ่นหลังของเขานั้นมีอาการขนลุกชูชันอย่างอดไม่ได้
ขณะนี้ ในที่สุดเขาก็ได้เห็นข่าวลือความร้ายกาจและความโหดเหี้ยมของเซี่ยหมิงแล้ว นับว่าโชคดีที่เขาไม่ใช่ศัตรูของตนเอง
เมื่อเทียบพลังอำนาจ ความแข็งแกร่งของตระกูลฉีของพวกเขาในตอนนี้ ไม่สามารถเทียบได้กับตระกูลเซี่ยที่ยิ่งใหญ่
แต่เมื่อพูดถึงวิธีการทำลายและหยามเหยียดใครสักคน หากวิชากู่ของตระกูลฉีของพวกเขานั้นกล้าเป็นอันดับสอง ไหนเล่าที่จะมีตระกูลไหนกล้าเป็นอันดับหนึ่ง!
ภาคใต้มีอากาศพิษมากมาย แมลงพิษต่างออกอาละวาด
ทุกคนต่างทราบดีหลังจากที่ตระกูลฉีของพวกเขานั้นถูกปราบปราม พวกเขาจำต้องหลบหนีไปยังภาคใต้
แต่กลับไม่มีใครรู้ บรรพบุรุษตระกูลฉีของพวกเขานั้นร่ำรวยมาจากภาคใต้ ด้วยฝีมือที่ร้ายกาจทำให้พวกเขาเติบโตและเข้มแข็งอย่างรวดเร็วภายในทางใต้!
ถ้าหากไม่ใช่เพราะสงครามนองเลือดในตอนนั้น ตระกูลฉีของพวกเขาจะมาประจบสอพลอต่อหน้าตระกูลเซี่ยเช่นนี้ได้อย่างไร!
“พี่เซี่ยเข้าใจผิดแล้ว เมื่อสักครู่นั้นฉันเพียงแค่กำลังครุ่นคิดว่าจะใช้วิธีไหนเพื่อทำให้ฉินเทียนตายอย่างอนาถ”
“ไม่! เขาจะต้องตายเป็นคนสุดท้าย!” เซี่ยหมิงขัดคำพูดของฉีเวย “ฉันต้องการให้เขามองดูผู้คนรอบตัวเขาเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ แต่เขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย!”
“แล้วก็ยังมีว่าที่คู่หมั้นของฉัน แม้ว่าจะรูปโฉมจะงดงามเพียงเล็กน้อย แต่กลับถูกฉินเทียนล่อล่วง”
“บนโลกใบนี้ มีเพียงแค่ฉันเซี่ยหมิงเท่าที่นั้นสามารถเบื่อหน่ายและหยามเหยียดผู้หญิงได้ ไม่มีใครกล้าดูถูกฉันแบบนี้!”
“นังแพศยานั่นไม่สามารถปล่อยเอาไว้ได้!”
เซี่ยหมิงกัดฟันแน่น ไร้ซึ่งร่องรอยของความสง่างาม
ฉีเวยนั้นมีความมั่นใจและตบหน้าอกของตนเองด้วยท่าทางรับประกัน “พี่เซี่ย วางใจเถอะ นี่คือทักษะพิเศษของตระกูลฉีของฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถฝากฝังไว้กับฉันได้อย่างแน่นอน”
“ฉินเทียนไอ้ผู้ชายคนนั้นจะต้องรับโทษที่โหดร้ายที่สุดในโลกอย่างแน่นอน! ไร้หนทางขอความช่วยเหลือ สิ้นหวังจนตาย!”
“สำหรับคู่หมั้นของพี่เซี่ย ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ ผู้หญิงน่ะก็แค่คลายความเบื่อหน่ายก็พอ ฉันมีอยู่วิธีหนึ่ง สามารถทำให้หล่อนเชื่อฟังพี่เซี่ยอย่างง่ายดาย”
“กระทั่งพี่เซี่ยเบื่อหน่ายหล่อน จากนั้นก็ค่อยส่งหล่อนไปฆ่าฉินเทียน เป็นเช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ?”
คำกล่าวของฉีเวยที่เต็มไปด้วยความจริงใจนั้นทำให้ดวงตาของเซี่ยหมิงส่องประกาย
เขาลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างตื่นเต้น “โอ้? คาดไม่ถึงเลยว่าน้องเวยจะมีกลอุบายเช่นนี้ด้วย!”
“ก่อนหน้านี้ฉันก็พอรู้มาบ้างว่ามีน้ำที่สามารถทำให้เชื่อฟังได้ ตราบใดที่แตะบนไหล่ของอีกฝ่าย สามารถทำให้คนผู้นั้นเชื่อฟังคำสั่งของตน แต่ทว่าระยะเวลาของผลลัพธ์นั้นสั้นนัก”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าวิชากู่ของน้องเวย สามารถทำให้เธอเชื่อฟังคำสั่งได้อย่างยาวนาน?”
ฉีเวยพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ถูกต้อง น้ำเชื่อฟังคำสั่งเหล่านั้นภายในท้องตลาดเป็นเพียงแค่สินค้าขยะ”
“พี่เซี่ยอย่าลืม ในปีนั้นพวกเราตระกูลฉีร่ำรวยได้ด้วยวิชากู่”
“หากว่าพี่เซี่ยไม่รังเกียจ น้องอย่างผมยินดีที่จะแสดงทักษะให้ชม”
“ดี! ฉันชอบคนที่องอาจกล้าหาญ! ใครอยู่ด้านนอกบ้าง เรียกนักเต้นเข้ามาสักสองคน!”
เซี่ยหมิงแผดเสียงตะโกนดังลั่น นัยน์ตาของเขาส่องประกายความคลุ้มคลั่งและกระหายเลือด
เขาได้ยินมาเนิ่นนานแล้วว่าตระกูลฉีนั้นเก่งกาจในด้านการสร้างพิษกู่ พวกเขาใส่แมลงมีพิษ เช่น งู แมงป่องและแมงมุมลงในภาชนะ จากนั้นปล่อยให้พวกมันฆ่ากันเอง สัตว์ชนิดใดเหลือรอดเป็นตัวสุดท้ายก็จะนำมาทำกู่
มีหลายประเภทและซับซ้อน เขานั้นเคยได้ยินมากู่งู กู่แมงป่อง กู่หนอนฯลฯ
และกู่เหล่านั้น ราวกับว่าเป็นสิ่งของจับต้องได้ แต่กลับสามารถบินและเปลี่ยนแปลงไปมาได้ ไร้ร่องรอยเหมือนภูตผีปีศาจ
ตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้ที่มีอำนาจต่างก็หวาดกลัวกู่ หลายครั้งถูกสั่งให้แขวนคอ ผู้ทำกู่นั้นถูกลงโทษประหาร
แต่ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่อาจกวาดล้างได้ทั้งหมด
ตระกูลฉีถูกหลายตระกูลปราบปรามร่วมกับมังกรซ่อนรูป แต่ก็ยังไม่ถูกทำลายจนหมดสิ้น เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขามีทักษะที่ไม่ธรรมดา
ในไม่ช้า นักเต้นในชุดวาบหวามก็เดินเท้าเปล่าเข้ามาด้านใน
พวกเธอจ้องมองเซี่ยหมิงด้วยสายตาหวาดกลัว คุกเข่าลงกับพื้นแล้วเคลื่อนตัวไปด้านหน้า “คุณชาย พวกเรามาแล้ว”
น้ำเสียงอันอ่อนช้อยไพเราะราวกับระฆังเงิน
ไม่ว่าผู้ชายจะแข็งแกร่งและอดกลั้นมากเพียงใด ภายในหัวใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรักใคร่เอ็นดู
เซี่ยหมิงหัวเราะเสียงดัง จากนั้นออกคำสั่งให้นักเต้นสองคนนั้นเดินไปหาฉีเวย “พวกเธอไปหาคุณชายฉีเถอะ”
“รับทราบค่ะ”
นักเต้นทั้งสองไม่กล้าฝ่าฝืน พวกเธอไม่กล้าลุกขึ้น ต่างก็คุกเข่าและคลานเข่าไปยังด้านหน้าของฉีเวย “คุณชายฉี ”
มุมปากของฉีเวยยกยิ้มเล็กน้อย เหยียดมือทั้งสองข้างออกไปบีบใบหน้าที่เรียบเนียนของนักเต้นทั้งสอง เขาส่งเสียงจุ๊ปากพลางส่ายศีรษะ “น่าเสียดาย ความงดงามที่น่าทะนุถนอมเช่นนี้”
ใบหน้าของนักเต้นทั้งสองซีดลงด้วยความตกใจ พวกเธอคุกเข่าลงร้องขอความเมตตาทันที “คุณชายฉี ไว้ชีวิตพวกเราเถอะ!”
พวกเธอทั้งสองคนเติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูของตระกูลเซี่ยได้เห็นเพื่อนของเธอหลายคนเสียชีวิตลงอย่างน่าอนาถ
ความหวาดกลัวที่มีต่อเซี่ยหมิงนั้นฝังลึกอยู่ภายในกระดูกมาเนิ่นนานแล้ว
คำพูดของฉีเวยในตอนนี้ สำหรับพวกเธอแล้วนั้นเท่ากับว่าเป็นการประหารพวกเธอทั้งสอง
สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอด ทำให้พวกเธอต้องคุกเข่าลงกับพื้นและร้องขอความเมตตาให้ไว้ชีวิตพวกเธอ
เขาเป็นคนมีอำนาจชี้ต้นตายชี้ปลายเป็น แต่ฉันนั้นคือเนื้อบนเขียง
คนที่ตกอยู่ภายใต้ความสิ้นหวังและร้องขอความเมตตาจากผู้อื่น ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ไม่สามารถเข้าใจได้
อย่างไรก็ตาม เซี่ยหมิงโหดเหี้ยมและกระหายเลือด ฉีเวยผู้ที่เปล่งประกายอยู่ตรงหน้านั้นก็เป็นตัวละครที่เหี้ยมโหดไม่แพ้กัน
ดูเหมือนเขาจะเพลิดเพลินไปกับการคุกเข่าขอร้องของนักเต้นทั้งสองคน เฝ้าดูพวกเธออย่างเฉยเมยจนกระทั่งเลือดรินไหลออกมาจากหน้าผาก ทันใดนั้นเม้มริมฝีปากของเขาและส่งเสียงน่ากลัวออกมา
วินาทีถัดมา นักเต้นทั้งสองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเมื่อสักครู่ ตอนนี้สายตาของพวกเธอนั้นเริ่มเหม่อลอย
เลือดบนหน้าผากของพวกเธอรินไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ไหลลงมาตรงดั้งจมูก ไหลไปยังปากและหยดลงมาบริเวณคางอันบอบบางของพวกเธอ
แต่เหมือนกับว่าพวกเธอนั้นจะไม่รู้สึกตัวเลย เพียงแค่ยกมือขึ้นและจ้องมองฉีเวยอย่างว่างเปล่า
ฉีเวยพ่นลมหายใจเยือกเย็นและดีดนิ้วหนึ่งครั้ง “ฆ่าหล่อน”
ทันทีที่คำพูดของเขาสิ้นสุดลง นักเต้นหญิงทั้งสองต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง
ในมือของพวกหล่อนนั้นไม่มีอาวุธ เพียงแค่ใช้กำปั้นฟาดฟันกันไปมาโดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
ในไม่ช้า จากการถูกต่อยด้วยกำปั้น ฟันก็หลุดร่วงออกมาพร้อมกับเลือด ผมเงางามถูกดึงทึ้งจนกระจายไปทั่วพื้น
ยังมีแม้กระทั่งชิ้นเนื้อที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ชิ้นเนื้อเหล่านั้นเกิดจากการกัดโดยใช้ฟันของฝ่ายตรงข้าม
นักเต้นสองคนที่งดงามและมีเสน่ห์เมื่อสักครู่นี้ ตอนนี้กลับกลายเป็นคนคลุ้มคลั่ง
บาดแผลเหล่านั้นเผยให้เห็นถึงชั้นของกระดูก แต่กลับไม่มีใครยอมหยุด