ตอนที่ 2727 จักรพรรดิดาบ

เมื่อซือเฟิงแยกร่างออกมาอีกแปดร่าง ทั่วทั้งสนามรบและเหล่าผู้ชมที่ชมอยู่ต่างก็เงียบลงไปทันที

“Doppelgangers ?”

“อึก !!! นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยงั้นหรอ ?!!”

หัวใจของผู้ชมเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจที่ไม่อาจจะอธิบายได้ ขณะที่พวกเขามองไปยังร่างทั้งเก้าของซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศ

หากเป็นคนอื่นใช้สกิลเรียก Doppelgangers ของตัวเองออกมา พวกเขาจะไม่คิดมากเลย อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นเป็นคนที่มีความสามารถในการจะต่อสู้กับผู้เล่นครึ่งมังกรเจ็ดคนที่มีความแข็งแกร่งระดับเดียวกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้ด้วยตัวคนเดียว ….

แต่ตอนนี้ซือเฟิงก็ได้เรียก Doppelgangers อีกแปดคนออกมา ….

ในขณะเดียวกันลีน่าและผู้เล่นครึ่งมังกรคนอื่นๆก็หน้าซีดเมื่อเห็นร่างทั้งเก้าของซือเฟิงตรงหน้าพวกเขา ตอนนี้หัวใจของพวกเขาเริ่มจะจมดิ่งลงสู่ความสิ้นหวังอย่างมาก

พวกเขาต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อจะจัดการกับซือเฟิงแค่คนเดียว อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกับมีซือเฟิงอีกแปดคนปรากฎตัวขึ้น แม้ว่า Doppelgangers เหล่านี้จะมีค่าสถานะที่อ่อนแอกว่าร่างหลักของซือเฟิงอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็ยังคงยากอยู่ดีสำหรับพวกเขาที่จะรับมือให้ได้

“มาเริ่มรอบสองกันเลย !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขามองไปที่กลุ่มของลีน่า และในช่วงเวลาต่อมา Doppelgangers แปดคนของซือเฟิงก็ได้แยกตัวออก และพุ่งเข้าใส่ผู้เล่นครึ่งมังกรท้งหมดอย่างรวดเร็ว ซึ่งความเร็วของพวก Doppelgangers นั้นมันก็แทบจะไม่ได้ช้าไปกว่าซือเฟิงเลย

“มันก็แค่ Doppelgangers !! คุณคิดว่าแค่นี้จะทำให้ฉันหวาดกลัวได้งั้นหรอ ?!!”

แซนด์สตอร์มได้จัดการใช้กริชแทงเข้าใส่ Doppelgangers ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา ซึ่งทันทีที่เขาทำแบบนี้กริชของเขาก็เปลี่ยนเป็นเงางูนับโหล ….

เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูง Rampant Bites!

เมื่อเห็นเงางูกำลังใกล้เข้ามา Doppelgangers ก็ชักดาบของตัวเองออกมาและเริ่มฟาดฟัน

Six Extreme Slashes!

วินาทีต่อมาลำแสงดาบหกเส้นก็ตัดผ่านเงางูทั้งหมด และทำให้มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ขณะเดียวกันลำแสงดาบเส้นหนึ่งก็ผ่านทะลุเงางูไปได้และพุ่งไปโดนที่บริเวณไหล่ของแซนด์สตอร์ม

หลังจากลำแสงดาบผ่านไป ร่องรอยบาดแผลลึกก็ปรากฎขึ้นบริเวณไหล่ของแซนด์สตอร์ม ขณะที่ร่างของแอสซาซินก็ถึงกับปลิวกระเด็นไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างจะตกกระแทกลงบนพื้น และสำหรับเรื่อง HP นั้น HP ของแอสซาซินผู้นี้ก็ลดลงไปมากกว่าหนึ่งในแปดเลยทีเดียว

นอกเหนือจากแซนด์สตอร์มแล้ว ผู้เล่นครึ่งมังกรคนอื่นๆก็มีสภาพไม่ได้ต่างกันมากนักเลย พวกเขาถูก Doppelgangers ของซือเฟิงโจมตี และทำให้ปลิวกระเด็นไปแบบเดียวกันจนมันทำให้ HP ของพวกเขานั้นลดลงอย่างมาก พวกเขาไม่สามารถจะต้านทานหรือโต้ตอบ Doppelgangers ได้เลย และพวกเขาก็ทำได้แค่เฝ้าดู HP ของพวกเขาลดลงอย่างต่อเนื่องเท่านั้น

จากผู้เล่นครึ่งมังกรทั้งเจ็ดคน มีเพียงลีน่าที่เปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตขั้นสามของเธอที่ทำให้ความเสียหายที่เธอได้รับลดลงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่อยู่ในสภาพดีกว่าคนอื่นๆนิดหน่อย อย่างไรก็ตามในขณะที่เธอต้องรับมือกับ Doppelgangers สองคนของซือเฟิงนี้ HP ของเธอก็ยังคงลดลงเรื่อยๆ และมันจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เธอจะถูกฆ่า

“Doppelgangers เหล่านั้นแข็งแกร่งมากๆ !!!”

“นี่ Doppelgangers เหล่านั้นมันจะไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยหรอ ? ฉันรู้สึกได้ว่าแค่หนึ่งใน Doppelgangers ของแบล๊คเฟรม มันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไป !!!!”

เหล่าผู้ชมทั้งหมดที่เฝ้าดูอยู่แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง เมื่อพวกเขาเห็น Doppelgangers ทั้งหมดของซือเฟิงกำลังปราบปรามกลุ่มของลีน่า

ทุกคนในปัจจุบันนั้นเคยเห็น Doppelgangers มาก่อน อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่พวกเขาได้เห็นว่ามันมี Doppelgangers ที่สามารถปราบปรามผู้เล่นครึ่งมังกรที่มีค่าสถานะพื้นฐานและร่างกายทางกายภาพเทียบเท่ากับขั้นสี่ได้

“ไม่แปลกใจเลย !!! สาเหตุนี้สินะที่ทำให้แบล๊คเฟรมกล้าที่จะยั่วยุไมโทโลจี้ !!!” อัน
ยีลดิ้งฮาร์ทมองไปยังซือเฟิงอย่างชื่นชม เมื่อเห็นซือเฟิงค่อยๆได้เปรียบกลุ่มของลีน่ามากขึ้นเรื่อยๆ

มันเป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีใครกล้าท้าทายห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรมเกมเสมือนจริง

อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะกล้าท้าทาย แต่เขายังมีพลังมากพอที่จะเอาชนะผู้เล่นครึ่งมังกรเจ็ดคนที่มีค่าสถานะพื้นฐานและร่างกายทางกายภาพเทียบเท่ากับขั้นสี่ได้ด้วยตัวคนเดียว …. ซึ่งเรื่องนี้มันก็แทบจะเป็นการการันตีเกือบหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เลยว่าซือเฟิงจะสามารถแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งนี้มาจากไมโทโลจี้ได้แน่นอน

ในสนามรบตอนนี้ ลีน่าและผู้เล่นครึ่งมังกรคนอื่นๆทำได้แค่มอง HP ของพวกเขาลดลงไปเรื่อยๆจนถึงระดับวิกฤตเท่านั้น และด้วยการปะทะกันอีกราวสามถึงสี่ครั้ง พวกเขาก็จะตายลงภายใต้เงื้อมมือ Doppelgangers ของซือเฟิงแน่นอน อย่างไรก็ตามก่อนที่การต่อสู้จะทันได้ไปถึงสถานการณ์แบบนั้น ลำแสงดาบหลายเส้นก็พุ่งเข้าใส่พวก Doppelgangers

ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !

เหล่า Doppelgangers ของซือเฟิงรีบป้องกันการโจมตีที่เข้ามาทันที ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดการระเบิดและความสร้างรอยแตกขนาดใหญ่ไปทั่วพื้นดิน

“รองผู้บัญชาการ ?”

ลีน่าและคนอื่นๆเต็มไปด้วยความสุข เมื่อได้เห็นต้นกำเนิดของลำแสงดาบนี้

ซึ่งคนที่พึ่งใช้ลำแสงดาบออกมานี้ มันก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Prosciutto รองผู้บัญชาการหนึ่งในกองกำลังหลักของไมโทโลจี้

อย่างไรก็ตามร่างของ Prosciutto ในตอนนี้ก็ดูเปลี่ยนไปอย่างมาก ในเวลานี้มันมีรูนปรากฎขึ้นทั่วชุดเกราะสีดำสนิทของเขา และตอนนี้มันก็มีวงเวทย์ที่ซ้อนทับกันจำนวนหนึ่งปรากฎขึ้นที่บริเวณหน้าผากกับดวงตาของเขา นอกจากนี้เขายังแผ่ออร่าอันรุนแรงที่ชวนให้นึกถึงเทพปีศาจออกมา และแม้แต่โดเมนมานาของซือเฟิงก็ไม่สามารถจะปราบปรามเขาได้

วงเวทย์การต่อสู้ระดับทองแดงงั้นหรอ ? ดวงตาของซือเฟิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปยังการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของ Prosciutto อย่างไรก็ตามในไม่ช้าเขาก็ส่ายหัวและปฎิเสธความคิดนี้ ไม่ มันไม่น่าจะใช่วงเวทย์การต่อสู้ระดับทองแดง เพราะท้ายที่สุดวงเวทย์การต่อสู้ระดับทองแดงมันไม่ควรจะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นขั้นสามสามารถเปิดใช้งานได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นไปไม่ได้เลยที่วงเวทย์การต่อสู้ระดับทองแดงจะปรากฎขึ้นในระยะนี้ของเกม

ก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้วิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดโดยละเอียดได้ Prosciutto ก็ได้ยกดาบใหญ่สีม่วงที่เขาถืออยู่ขึ้นมาและมาปรากฎตัวต่อหน้าซือเฟิงทันที โดยออร่าที่ Prosciutto แผ่ออกมานั้น มันสามารถจะทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายหวาดกลัวได้เลยด้วยซ้ำ

“ไม่ !! เป็นไปไม่ได้ !!! เขาเป็นผู้เล่นขั้นสามจริงๆงั้นหรอ ?!!”

“ออร่าของเขาดูแข็งแกร่งแม้แต่มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย !!!” ทุกคนที่เฝ้าชมอยู่ต่างอ้าปากค้างให้กับการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ของ Prosciutto ขณะเดียวกันมู่ฉินที่ยืนอยู่ในสนามรบก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่ Prosciutto ด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง เธอไม่สามารถจะทำให้ตัวเองไปเชื่อได้เลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นมันเป็นเรื่องจริง

ก่อนหน้านี้ลีน่าและคนอื่นๆก็ได้แสดงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวมากๆออกมาแล้ว ดังนั้นมู่ฉินจึงไม่เคยคิดเลยว่า Prosciutto จะยังคงมีความแข็งแกร่งที่มากกว่าลูกน้องของเขามาก

ในตอนนี้ Prosciutto ไม่ควรจะถูกพิจารณาว่าเป็นผู้เล่นขั้นสามอีกต่อไป เขาดูเหมือนกับมังกรในคราบมนุษย์มากกว่า ออร่าที่น่ากลัวที่เขาแผ่ออกมานั้นมันทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามในปัจจุบันถอยหลังกลับไปอย่างไม่ตั้งใจ และไม่มีใครกล้าสบตาเขาด้วยซ้ำ

ครั้งเดียวที่มู่ฉินรู้สึกได้ถึงออร่าที่น่ากลัวแบบนี้ มันก็เป็นตอนที่เธอเผชิญหน้ากับมังกรขั้นสี่

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณทำให้ฉันประหลาดใจมากจริงๆ ….” Prosciutto กล่าว ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงอย่างพินิจพิเคราะห์ ตอนนี้น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้มากๆ “คุณเป็นคนแรกเลยที่บังคับให้ฉันใช้ร่างนี้ได้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้คนต่อไปของคุณเอง !!!”

ทันทีที่ Prosciutto พูดจบ เหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่ต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“อึก ! นี่ล้อกันเล่นรึปล่าว ? แม้แต่ Prosciutto ก็ตั้งใจจะเคลื่อนไหวงั้นหรอ ?!”

“การต่อสู้ระหว่าง Prosciutto ที่น่าเกรงขาม กับแบล๊คเฟรมที่ไม่อาจหยั่งถึงได้ …. นี่มันถือเป็นการต่อสู้ระดับสุดยอดมากๆใน God domain เลย !!!”

“นี่มันเป็นมากกว่าการต่อสู้ระดับสุดยอดด้วยซ้ำ !! ถ้าทั้งสองต่อสู้กันแบบเอาจริง มันอาจจะทำให้ทั้งเกาะพินาศได้เลย !!!”

“สัตว์ประหลาด ! สองคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริงเลย !! เพียงแค่ได้รับโอกาสในการชมการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสอง มันก็จัดว่าคุ้มค่าตั๋วมากแล้ว !!!”

ในเวลานี้นอกเหนือจากเหล่าผู้ชมทั่วไปที่ชมอยู่ผ่านที่นั่งปกติแล้ว เหล่ามหาอำนาจต่างๆที่ชมอยู่ในห้อง VIP ต่างก็รู้สึกตกตะลึงและตื่นเต้นกับคำประกาศของ Prosciutto มากๆ และตอนนี้พวกเขาก็รีบให้สมาชิกของพวกเขามุ่งความสนใจไปที่ Prosciutto กับซือเฟิงทันที รวมทั้งพวกเขายังออกคำสั่งให้หลายคนบันทึกการต่อสู้ของทั้งสองคนไว้ด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรวบรวมข้อมูลนี้ได้ในโลกภายนอก มันมีเพียงแต่เฉพาะในสถานที่จัดการแข่งขันแบบนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะมีโอกาสทำเช่นนี้ได้

อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของ Prosciutto ซือเฟิงก็หันไปทันที “คุณสองคนจะไม่เข้ามาพร้อมกันหรอ ?” ซือเฟิงถามเสียงดัง ขณะที่เขามองไปยังท้องฟ้าที่ว่างเปล่า

คำพูดของซือเฟิงทำให้ทุกคนสับสน ….

“เขากำลังพูดกับตัวเองรึปล่าว ?”

“มีอะไรบางอย่างที่ท้องฟ้าบริเวณนั้นงั้นหรอ ?”

“เป็นไปไม่ได้ !!! หน้าจอของฉันไม่ได้แสดงอะไรเลยนะ แบล๊คเฟรมต้องมองเห็นอะไรผิดไปแน่ๆ !!!”

อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้บทสรุปจากข้อสงสัยของพวกเขา เสียงที่ทุ้มลึกก็ดังมาจากความว่างเปล่า และมันก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า

“มหัศจรรย์มากๆ !!! ตามที่คาดไว้จากคนที่ Prosciutto และโคลท์ชาโด้วสนใจ !!!”

วินาทีต่อมาเงาดำก็ค่อยๆปรากฎขึ้นในอากาศ

เมื่อเงาดำนี้เผยตัวออกมา ทุกคนก็เห็นว่าเงานี้เป็ยชายในชุดคลุมสีขาวที่ไม่อาจคาดเดาอายุได้ ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าชายคนนี้จะยืนอยู่กลางอากาศอย่างชัดเจน แต่มันก็เหมือนกับว่าจะไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาได้ ทุกคนที่มองเขาไปต่างลืมตัว และละความสนใจจากเขาไปโดยอัตโนมัติ

“อึก !! เขาคือตำนานที่ยังมีลมหายใจของไมโทโลจี้ไม่ใช่หรอ ?!”

“บ้า ! นี่มันบ้าชัดๆ !! ไมโทโลจี้ให้คนๆนี้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วยจริงๆงั้นหรอ ?! นี่ไมโทโลจี้ต้องการจะทำให้ตัวเองได้อันดับหนึ่งอย่างแน่นอนเลยงั้นหรอ ?!!”

เหล่าผู้ชมที่อยู่ในที่นั่งทั่วไปนั้นต่างไม่คุ้นเคยกับชายในชุดคลุมสีขาวคนนี้ ในทางกลับกันตอนนี้คลื่นแห่งคำอุทานกวาดผ่านไปทั่วห้อง VIP เมื่อเหล่าผู้เล่นในห้อง VIP เห็นชายคนนี้

เพราะท้ายที่สุดแล้วชายในชุดคลุมสีขาวคนนี้เป็นหนึ่งในตัวตนที่น่ากลัวที่สุดของไมโทโลจี้ที่ได้ไปถึงขอบเขตโดเมนขั้นสูงแล้ว มันไม่มีใครรู้อายุที่แท้จริงของเขา สิ่งเดียวที่หลายคนรู้ก็คือชายคนนี้มีชื่อว่าโอดิน และเขาเป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสสูงสุดของไมโทโลจี้ โดยแม้แต่หัวหน้ากิลของไมโทโลก็ยังต้องปฎิบัติกับเขาด้วยความเคารพ

“ท่าน !! ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ ?!” Prosciutto กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพมากๆทันทีที่เขาเห็นชายในชุดคลุมสีขาวคนนี้ ซึ่งมันราวกับว่าเขาเพิ่งได้เห็นเทพตัวจริง

“ฉันมาที่นี่เพื่อจัดการกับบางเรื่องเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้แล้ว” โอดินกล่าวขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง จากนั้นเขาก็กล่าวต่ออย่างใจเย็นว่า “เก็บของ เราจะละทิ้งพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งนี้”

“เราจะละทิ้ง … งั้นหรอ ?” Prosciutto ตกตะลึง “แต่ … ทำไมกัน ?”

นี่เป็นโอกาสที่ดีมากๆสำหรับเขาในการจะกำจัดซือเฟิง เขาจะยอมแพ้ในเวลาแบบนี้ได้ยังไง ?

ในขณะนี้ Prosciutto ไม่ใช่แค่คนเดียวที่ตกตะลึงกับคำสั่งนี้ของโอดิน แม้แต่เหล่าผู้ชม และผู้เล่นที่อยู่ในสนามรบโดยรอบบริเวณก็ตกตะลึงเช่นกัน

ไมโทโลจี้ใจกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?

“เพราะ ….” เมื่อมองไปที่ซือเฟิงอีกครั้ง โอดินก็หัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “เขาเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่แล้ว !!”