ตอนที่ 97-1 ถูกขังในอาณาเขตลับ

จารใจรัก

หลังเซี่ยม่อหานออกเดินทางในช่วงกลางคืน ฉินอวี้ก็เรียบเรียงจดหมายฉบับหนึ่งโดยด่วน สั่งคนขี่ม้าเร็วนำจดหมายมาส่งที่เมืองหลวงด้วยความเร็วสูงสุด

 

 

           วันที่สอง กระแสข่าวเซี่ยฟางหวาได้รับบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากการตามหาสมุนไพรดำม่วง รวมถึงวิกฤตการณ์ในเมืองหลินอันคลี่คลายลงแล้วก็แพร่กลับมาถึงเมืองหลวงหนานฉิน

 

 

           ภาคราชสำนักและประชาชนต่างดีอกดีใจเกรียวกราว

 

 

           วิกฤตการณ์ในเมืองหลินอันคลี่คลายลงแล้ว รัชทายาทปลอดภัย ผู้ที่ดีใจที่สุดย่อมเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายโดยไม่ต้องสงสัย เขาเข้าวังไปทูลรายงานข่าวดีต่อฮ่องเต้ตั้งแต่เช้าตรู่

 

 

           ฮ่องเต้ทรงได้ยินว่ารักษาโรคห่าในเมืองหลินอันได้แล้ว วิกฤตการณ์คลี่คลายลงก็เกิดความสุขเกษมเช่นกัน ทว่าเมื่อทรงทราบว่าสมุนไพรดำม่วงได้เซี่ยฟางหวาเป็นคนหาพบก็อดย่นพระขนงมิได้ ตรัสถามเสนาบดีฝ่ายซ้าย “ข่าวได้รับการยืนยันแล้วหรือ สมุนไพรดำม่วงได้เซี่ยฟางหวาเป็นคนหาพบจริงรึ”

 

 

           “ทูลฝ่าบาท คุณหนูฟางหวาเป็นคนหาพบพ่ะย่ะค่ะ ฟังว่าคุณหนูฟางหวากับรัชทายาทร่วมมือกัน กำจัดผู้อยู่เบื้องหลังก่อเหตุวุ่นวายในเมืองหลินอันที่ภูผาวกวน สมุนไพรดำม่วงถูกขนส่งไปที่เมืองหลินอันทางน้ำผ่านธาราคดเคี้ยวก่อนแล้ว แผนการหลอกล่อแยบยล กล้าหาญดีเดือด รัชทายาทมิได้รับบาดเจ็บ ปลอดภัยไร้กังวล ฟังว่าคุณหนูฟางหวาได้รับบาดเจ็บสาหัส จนถึงตอนนี้ยังไม่ฟื้นพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าว

 

 

           ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ ก่อนแค่นหัวเราะแผ่วเบา “เห็นแก่เซี่ยฟางหวาช่วยเหลือเมืองหลินอัน ความผิดที่ผ่านมาเราก็จะไม่สืบสาวเอาความแล้วกัน”

 

 

           “ทำถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายดีใจจนไม่เป็นตัวเอง

 

 

           “รัชทายาทไม่ทำให้เราผิดหวัง” ฮ่องเต้ทรงเดินรอบตำหนักสองรอบ ทันใดนั้นก็ตรัสถามขึ้น “ไม่ถูกต้อง ฉินเจิงกับชุยอี้จือเล่า พวกเขาออกไปตามหาสมุนไพรดำม่วง ตอนนี้มีข่าวคราวบ้างหรือไม่“

 

 

           “ทูลฝ่าบาท ยังไม่มีข่าวคราวของท่านอ๋องน้อยเจิงกับรองราชเลขาชุยพ่ะย่ะค่ะ ทั้งสองคล้ายกับว่ามิได้ไปเมืองหลินอัน” เสนาบดีฝ่ายซ้ายส่ายหน้า

 

 

           “แล้วสองคนนั้นไปที่ใด” ฮ่องเต้มีพระพักตร์เคร่งขรึม

 

 

           “คนของกระหม่อมลอบติดตามทั้งสองออกเดินไปอย่างลับๆ พบว่าร่องรอยหายไปในผาไน่เหอ

 

 

พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าว “ด้วยเหตุนี้จึงไร้ซึ่งข่าวคราว”

 

 

           “ผาไน่เหอ” ฮ่องเต้ทรงมองเสนาบดีฝ่ายซ้าย

 

 

           “เป็นผาไน่เหอ ผาไน่เหอที่ตกจากตรงนี้ก็ทำอันใดมิได้แล้ว วิญญาณดับสู่สรวงสวรรค์ชั้นเก้า มีความสูงหมื่นจั้ง ขนาดนกยังบินผ่านลำบาก พวกสัตว์ล้วนมิกล้าอาศัยตรงนั้น ไม่ว่าคนหรือสัตว์หากตกลงไปใน

 

 

ผาไน่เหอ ตายหมื่นครั้งก็มิอาจรอดชีวิต” เสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าว

 

 

           “ฉินเจิงกับชุยอี้จือไปทำอันใดที่นั่น หากพวกเขาไปเมืองหลินอัน ไม่จำเป็นต้องผ่านผาไน่เหอกระมัง” ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็มีพระพักตร์เคร่งขรึมเล็กน้อย

 

 

           “หากจะไปเมืองหลินอันมิจำเป็นต้องผ่านผาไน่เหอ แต่จุดมุ่งหมายที่พวกเขาออกเดินทางก็เพื่อสมุนไพรดำม่วง ทั้งหนานฉินมีเพียงเซี่ยอวิ๋นหลานแห่งจวนแหล่งธัญพืชเท่านั้นที่มีสมุนไพรดำม่วงอยู่ในมือ พวกเขาต้องหาตัวเซี่ยอวิ๋นหลานและจ้าวเคอซึ่งเป็นคนติดตาม” เสนาบดีฝ่ายซ้ายเองก็สงสัย “แต่กระหม่อมเดามิออกว่าเหตุใดถึงไปผาไน่เหอ หรือว่าเซี่ยอวิ๋นหลานอยู่ที่นั่น แต่คุณหนูฟางหวากับรัชทายาทได้สมุนไพรดำม่วงมาจากที่ใด”

 

 

           “ผาไน่เหอมีคนอาศัยอยู่หรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสถาม

 

 

           “เมื่อครู่กระหม่อมบอกไปแล้ว อย่าว่าแต่คนเลย รัศมีหลายลี้โดยรอบผาไน่เหอไม่มีแม้แต่สัตว์สักตัวเลยพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายส่ายหน้า

 

 

           “แล้วพวกเขาไปทำอันใดที่ผาไน่เหอ เซี่ยอวิ๋นหลานจะไปอยู่ที่ผาไน่เหอได้อย่างไร” ฮ่องเต้ทรงฉงนใจ

 

 

           “นี่ต้องรอจนกว่าจะติดต่อกับท่านอ๋องน้อยเจิงได้ หลังเขากลับมาถึงจะทราบพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกเช่นกัน

 

 

           “ท่านพี่เล่า เขาได้ข่าวคราวบ้างหรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสถามอีก

 

 

           “ท่านก็ทราบว่ากระหม่อมเป็นห่วงรัชทายาท หลังท่านอ๋องน้อยเจิงกับรองราชเลขาชุยออกเดินทาง สองวันนี้กระหม่อมก็อยู่กับท่านอ๋องตลอดเวลา ท่านอ๋องน้อยเจิงมิได้ส่งข่าวกลับมาหาท่านอ๋องเลยพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายตอบ

 

 

           “ช่างเถอะ ในเมื่อวิกฤตการณ์ในเมืองหลินอันคลี่คลายแล้ว รัชทายาทเองก็ปลอดภัยดี เท่านี้เราก็สบายใจแล้ว ส่วนฉินเจิงกับชุยอี้จือถ้ายังติดต่อไม่ได้ก็ไม่ต้องสนใจก่อน” ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็โบกพระหัตถ์

 

 

           เสนาบดีฝ่ายซ้ายพยักหน้า สำหรับเขาแล้วขอเพียงรัชทายาทปลอดภัยก็อามิตาพุทธแล้ว

 

 

           จักรพรรดิกับขุนนางสนทนากันต่ออีกพักหนึ่ง เมื่อเวลาว่าราชการยามเช้ามาถึง เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ไปยังตำหนักจินหลวนพร้อมกับฮ่องเต้

 

 

           บรรดาขุนนางเองก็ทราบข่าววิกฤตการณ์ในเมืองหลินอันคลี่คลายได้แล้วเช่นกัน ต่างส่งเสียงอวยพรด้วยความดีใจว่าขอฝ่าบาทกับรัชทายาททรงเกษมล้ำยิ่งฟ้า

 

 

           ความอึดอัดกลัดกลุ้มที่ทรงเก็บไว้ในพระราชหฤทัยของผู้เป็นฮ่องเต้ที่สุดแล้วก็คลายลง ตรัสว่าเมื่อ

 

 

รัชทายาทเสด็จกลับเมืองแล้วจะจัดงานเลี้ยงฉลองและปูนบำเหน็จรางวัลให้ ทั้งชื่นชมองค์ชายแปดว่าดูแลราชสำนักได้อย่างมั่นคงในหลายวันนี้ การทำงานมีความพัฒนา ทำได้มิเลว ควรประกาศยกย่องสรรเสริญ

 

 

           องค์ชายแปดฉินชิงซับเหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก สองวันนี้เขาอกสั่นขวัญแขวนตลอดเวลา กลัวว่าทั้งในและนอกเมืองหลวงจะเกิดเหตุร้ายขึ้นอีก โชคดีที่เสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวา อิงชินอ๋อง และหย่งคังโหวกับทุกคนคอยช่วยเหลือ ประคับประคองไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอีก ยามนี้วิกฤตการณ์ในเมืองหลินอันคลี่คลายลงแล้วเขาก็เบาใจลง ก้าวออกมาเอ่ยขึ้น “เสด็จพ่อ ลูกมิกล้ารับคำชมเชยหรอก หากไม่มีขุนนางทุกท่านคอยช่วยเหลือลูกอย่างเต็มที่ ลูกยังเด็กอ่อนประสบการณ์ ยังไม่เหมาะที่จะรับผิดชอบดูแลการบริหารราชสำนัก”

 

 

           ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็พยักพระพักตร์ “องค์ชายแปดไม่ถือว่าเป็นความดีความชอบของตน เราปลื้มใจมาก เจ้ายังเด็กอ่อนประสบการณ์ก็จริง ยังต้องฝึกฝนการบริหารราชสำนักมากกว่านี้” ตรัสจบก็ปรายพระเนตรมองบรรดาขุนนาง “หลายวันนี้เราร่างกายไม่แข็งแรงพอ ลำบากขุนนางทุกท่านช่วยบริหารราชสำนักแล้ว วันนี้วิกฤตการณ์ที่เมืองหลินอันคลี่คลายลง ยามอู่*เราจะจัดงานเลี้ยงที่อุทยานหลวง ขอเชิญขุนนางทุกท่านด้วย”

 

 

           “ขอบพระทัยฝ่าบาท” บรรดาขุนนางค้อมศีรษะแสดงความขอบคุณ

 

 

           หลังว่าราชการยามเช้าจบลง ข่าวว่าฝ่าบาททรงจัดงานเลี้ยงที่อุทยานหลวงก็แพร่ออกไป ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักล้วนอยู่รอในวังหลวง มุ่งหน้าไปยังอุทยานหลวงเพื่อรอให้ยามอู่มาถึง

 

 

           กระทั่งถึงยามอู่ งานเลี้ยงเพิ่งเริ่มต้นขึ้น นางรำเพิ่งเริ่มทำการแสดง พลันมีคนก็ถวายการรายงาน

 

 

“ฝ่าบาท จดหมายเร่งด่วนพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

           เสียงนี้ดังอย่างยิ่ง ขุนนางทั้งหมดผงะตกใจ

 

 

           ฮ่องเต้ทรงนั่งบนตำแหน่งสูงสุด สิ้นเสียงก็เผยพระพักตร์เคร่งขรึม “นำขึ้นมา”

 

 

           “พ่ะย่ะค่ะ” คนผู้นั้นนำจดหมายราชการด่วนถวายต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้

 

 

           อู๋เหยียนพักรักษาตัวหลายวันจนขยับตัวได้บ้างแล้ว เขาเดินกะเผลกลงบันได รับจดหมายราชการด่วนมาถวายให้ฮ่องเต้

 

 

           ฮ่องเต้ทรงเปิดจดหมายอ่าน พระพักตร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

 

           บรรดาขุนนางมองฮ่องเต้ นางรำหยุดร่ายรำ ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงขึ้นในอุทยานหลวง

 

 

           พักใหญ่ถัดมาฮ่องเต้ก็ตรัสขึ้นด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม “รัชทายาทส่งรายงานด่วนมาว่า กองทัพเป่ยฉีมีการโยกย้ายทหาร” ตรัสจบพระองค์ก็ทรงยื่นจดหมายกลับไปให้อู๋เฉวียน “นำลงไป ส่งให้ท่านพี่กับขุนนางทุกท่านอ่าน”

 

 

           อู๋เฉวียนรับคำ นำจดหมายยื่นไปให้อิงชินอ๋อง เมื่ออิงชินอ๋องอ่านจบก็ส่งให้เสนาบดีฝ่ายขวา เมื่อเสนาบดีฝ่ายขวาอ่านจบก็ส่งให้เสนาบดีฝ่ายซ้าย เมื่อเสนาบดีฝ่ายซ้ายอ่านจบก็ส่งให้หย่งคังโหว เมื่อหย่งคังโหวอ่านจบแล้วก็ส่งต่อไปตามลำดับ

 

 

           บรรดาขุนนางพากันเงียบกริบ บรรยากาศที่เคยรื่นเริงอันตรธานหายไปโดยพลัน อุทยานหลวงตกอยู่ในความเงียบสงัด