บทที่ 543 จัดการแกด้วย

The king of War

หยางเฉินมองดูอย่างเงียบๆ

ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากออกหน้า แต่เพราะเขารับรู้ได้ถึงความจริงใจ ที่เย่ม่านมีให้ฉินซี ถ้าเป็นไปได้ เขาหวังว่าสองแม่รู้จะกลับมาคืนดีกัน

ในเวลาเดียวกัน ก็ถือเป็นการทดสอบเย่ม่าน ว่าเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเย่หรือเปล่า

ในตอนนี้ ถึงเย่ม่านอาจดูซื่อไปหน่อย แต่ก็ทำให้หยางเฉินพอใจมาก

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นช่วยตระกูลเย่ ก็ไม่เห็นเป็นอะไรไม่ใช่หรือไง

“เธอว่าอะไรนะ”

หลินเป้าโมโหมาก เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “เธอกล้าสงสัยการมาของฉันเหรอ”

“พ่อเธอเพิ่งตาย เธอก็จะทำลายความสัมพันธ์ ระหว่างตระกูลหลินกับตระกูลเย่ ที่มีมากว่าหลายสิบปีเหรอ”

“นังเด็กอกตัญญู ฆ่าพ่อเพื่อแย่งตำแหน่ง กล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ”

หลินเป้าพูดอย่างเดือดดาล ความอาฆาตอยู่ในแววตาของเขา

เย่ม่านไม่กลัวสักนิด เธอมองหน้าหลินเป้า และพูดอย่างเย็นชา “คนที่จะทำลายความสัมพันธ์ ระหว่างตระกูลเย่กับตระกูลหลิน ที่มีมากว่าหลายสิบปี แท้จริงคือตระกูลหลิน ไม่ใช่ตระกูลเย่!”

“ถ้าตระกูลหลินต้องการทำลายความสัมพันธ์ งั้นก็เชิญ! ความสัมพันธ์ที่หวังเพียงผลประโยชน์ ตระกูลเย่ของฉัน ไม่ต้องการ!”

เย่ม่านตวาดขึ้น

ประโยคที่หลินเป้าพูดว่าฆ่าพ่อเพื่อแย่งตำแหน่ง สะเทือนใจเย่ม่านมาก

การตายของเย่จี้จงเกี่ยวข้องกับเธออยู่แล้ว ซึ่งเธอเจ็บปวดมาก หลินเป้ายังพูดแบบนี้ ต่อหน้าทุกคนอีก

ไม่ว่ายังไง ตอนนี้เธอเป็นเจ้าบ้านตระกูลเย่ หลินเป้าไม่ไว้หน้าเธอสักนิด

ทุกคำพูดและการกระทำของเธอ คือตัวแทนตระกูลเย่ ถ้าเธออ่อนข้อให้หลินเป้า ก็เท่ากับว่าตระกูลเย่อ่อนข้อให้ตระกูลหลิน

“ผู้หญิงชั่วช้าอย่างเธอ กล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอ” หลินเป้าเบิกตาโต และขึ้นเสียงใส่เธอ

ตอนแรกเขาคิดว่าเมื่อเย่จี้จงตาย ตระกูลเย่ก็ไม่มีใครอีกแล้ว ผู้หญิงอย่างเย่ม่าน รับแรงกดดันจากเขาไม่ได้แน่นอน แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเย่ม่านจะแข็งแกร่งเช่นนี้

“คุณ……คุณ……”

เย่ม่านก็โกรธไม่น้อย หลินเป้าด่าเธอว่าเป็นผู้หญิงชั่ว ต่อหน้าทุกคน เธอชี้หน้าหลินเป้า จะด่ากลับ แต่ก็ด่าไม่ออก

“แค่คนแก่เลวๆ ที่ไม่รู้จักให้เกียรติตัวเอง จะทนไปเพื่ออะไร”

ทันใดนั้น เสียงอันเย็นชา ดังก้องคฤหาสน์ตระกูลเย่

ทุกคนหันไปมองหยางเฉินเป็นตาเดียว

หลินเป้าเบิกตาโต โดนเย่ม่านเถียงต่อหน้าทุกคน ก็ทำให้เขาโมโหแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีชายหนุ่ม มาด่าว่าเขาเป็นคนแก่เลว ที่ไม่รู้จักให้เกียรติตัวเองอีก

“ไอ้กระจอก กล้าด่าฉันเหรอ”

หลินเป้าพูดอย่างโมโห

ในแววตาของหลินซง เต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาจึงพูดอย่างโมโหว่า “ไอ้กระจอก แกก็รู้ว่าปู่ฉันเป็นใคร แกยังกล้าว่าเขาอีก ถ้าแกไม่คุกเข่าขอโทษ ตระกูลหลินไม่ปล่อยแกไว้แน่!”

“ดูเหมือนที่ฉันสั่งสอนแกก่อนหน้านี้ คงน้อยไปสินะ”

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้ายียวน “หม่าชาว ทำให้มันเงียบสักหน่อยสิ!”

“ครับ พี่เฉิน!”

หม่าชาวได้ยิน จึงรีบเข้าไปทันที

“แกจะทำอะไร”

เมื่อเห็นชายรูปร่างบึกบึนอย่างหม่าชาว กำลังเดินเข้ามาหาตัวเอง หลินซงหน้าเปลี่ยนสี

“เพียะ!”

บอดี้การ์ดของตระกูลหลินยังไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือของหม่าชาว ฟาดลงไปบนหน้าหลินซงแล้ว

ขณะที่ทุกคนกำลังตะลึง ร่างของหลินซงกระเด็นออกไป เมื่อตัวเขาหล่นลงบนพื้น ก็สลบไปทันที

“แก……แก แกกล้าตบหลานฉันเหรอ”

หลินเป้าเบิกตาโต สีหน้าของเขาแทบไม่อยากจะเชื่อ

“ถ้าแกยังกล้าพูดไร้สาระอีกเพียงประโยคเดียว ฉันจะจัดการแกด้วย แกเชื่อไหมล่ะ”

หม่าชาวพูดอย่างยียวน

ตอนนี้หม่าชาวอวดดีเป็นอย่างมาก

ทุกคนตกตะลึงไปหมด หลินเป้าโมโห เจ้าบ้านตระกูลหลินรุ่นก่อนอย่างเขา อายุปาไป 80 ปีแล้ว ยังไม่เคยมีใครกล้าเหิมเกริมต่อหน้าเขาขนาดนี้

คนหนุ่มอายุแค่ 20 กว่าปี กล้าขู่เขาว่าถ้าพูดไร้สาระอีกเพียงประโยคเดียว จะจัดการเขาด้วย

หลังจากบอดี้การ์ดของหลินเป้าอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็เข้ามายืนหน้าหลินเป้า จากนั้นจึงจ้องหม่าชาว และพูดว่า “ไอ้กระจอก แกกล้าใช้กำลังเหรอ”

หม่าชาวมองบอดี้การ์ด เหมือนมองคนโง่ เขาพูดเยาะเย้ยว่า “แกพูดไร้สาระอะไร คุณชายใหญ่ตระกูลหลิน โดนฉันตบจนสลบไปแล้ว แกยังมาถามฉันว่ากล้าใช้กำลังเหรอ”

“ฆ่ามัน!”

ความอาฆาตฉายขึ้นในแววตาหลินเป้า เขาพูดสั่ง

บอดี้การ์ดพุ่งเข้าไปหาหม่าชาวอย่างไม่ลังเล

“แกโง่ขนาดนี้ คิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมถึงได้เป็นเจ้าบ้านตระกูลหลินรุ่นก่อน”

หม่าชาวมองหลินเป้าอย่างเฉยชา จากนั้นจึงขยับเท้าอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นเงา และพุ่งเข้าไปหาบอดี้การ์ด

“พลั่ก!”

หม่าชาวปล่อยหมัดออกไป เกิดเสียงดังสนั่น บอดี้การ์ดกระอักเลือด และกระเด็นถอยหลัง หลังจากหล่นลงบนพื้น เขาก็สลบไปทันที

คนตระกูลเย่เคยเห็นความเก่งกาจของหม่าชาว ตอนนี้บอดี้การ์ดของหลินเป้า กระเด็นออกไป เพราะหมัดของหม่าชาวเพียงหมัดเดียว พวกเขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจอะไร

แต่หลินเป้ายังไม่เคยเห็น ตอนนี้เขาทำท่าเหมือนเห็นผี ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม

เขามาตระกูลหลิน เดิมทีกะว่าจะไม่ใช้กำลัง จึงพาคนมาไม่เยอะ

จากที่เขาคิดเอาไว้ เย่จี้จง ตายไปแล้ว ตระกูลเย่ไม่มีอะไรให้กลัวอีก ต้องไม่มีใครกล้าใช้กำลังกับเขาแน่นอน

แค่ใช้วิธีกดดันตระกูลเย่สักหน่อย ก็สามารถทำให้เย่ม่าน แต่งเข้ามาในตระกูลหลินอย่างว่าง่าย

เมื่อถึงตอนนั้น ตระกูลเย่ต้องเชื่อฟังตระกูลหลินทุกอย่าง

แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึง ท่าทีของเย่ม่านแข็งแกร่งก็เรื่องหนึ่ง ขนาดบอดี้การ์ดของตระกูลเย่ ยังกล้าใช้กำลังกับคนของเขา

ในสายตาของเขา หม่าชาวเป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดของตระกูลเย่

“ตาเฒ่า พี่เฉินพูดไปแล้ว แกแค่คนแก่เลวๆ ที่ไม่รู้จักให้เกียรติตัวเอง ไม่จำเป็นต้องทน ตอนนี้ ถึงคิวแกแล้ว”

หม่าชาวยิ้มตาหยี และเดินเข้าไปหาหลินเป้า เขาเดินพลางถามอย่างยียวน “แกว่าอายุปูนนี้แล้ว จะรับฝ่ามือของฉันไหวหรือเปล่า”

พูดพลาง เขาหันไปมองหยางเฉิน จากนั้นจึงยิ้มและถามว่า “พี่เฉิน พี่ว่าถ้าผมใช้กำลัง ตาเฒ่านี่จะตายหรือเปล่า”

คนตระกูลเย่สีหน้าตกตะลึง นั่นหลินเป้า เจ้าบ้านตระกูลหลินรุ่นก่อนเชียวนะ เป็นคนเก่าคนแก่รุ่นเดียวกับเย่จี้จง

ตอนนี้กลับโดนเล่นงานแบบนี้

มีความคิดที่น่าตกใจ ผุดขึ้นมาในหัวคนตระกูลเย่ ในสายตาของหยางเฉินกับหม่าชาว แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู เป็นเพียงแค่ตระกูลเล็กๆ ที่สามารถทำลายได้ทุกเมื่อสินะ

เมื่อคิดได้ดังนั้น พวกเขายิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่ หยางเฉินมีเบื้องหลังที่น่ากลัวขนาดไหนกัน เขาถึงมีความกล้าและพละกำลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้

หยางเฉินไม่รู้ว่าคนตระกูลเย่คิดอะไร เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยของหม่าชาว เขาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “วันนี้เป็นพิธีศพของเจ้าบ้านเย่ ไม่ควรเกิดการนองเลือด ปล่อยตระกูลหลินไปสักครั้งแล้วกัน”

“ถ้าพี่เฉินพูดอย่างนี้ งั้นผมไม่จัดการไอ้แก่นี่ก็แล้วกัน”

หม่าชาวหัวเราะ เขาเพิ่งเดินมาถึงหน้าหลินเป้า จู่ๆ เขาก็หันหลังเดินกลับไป ราวกับว่าในสายตาของเขา หลินเป้าเป็นเพียงคนแก่คนหนึ่งเท่านั้น

หลินเป้าโกรธจนแทบบ้า เขาเคยเจออะไรแบบนี้ซะที่ไหนกันล่ะ