[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื่อน] ตอนที่ 4 องค์หญิงแห่งความทุกข์ทรมาน

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

นับตั้งแต่มาสู่โลกใบนี้ ทุกๆ คน ทุกๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นล้วนแต่ท้าทายขีดจำกัดของเขาอยู่ตลอด หลังจากที่เขาอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าอดทนไม่พอ คนพวกนี้ไม่เคยมีขีดจำกัด ขอแค่มีประโยชน์ต่อตัวเอง ก็ไม่เคยสนใจว่าจะมีคนต้องตายกี่คน และก็ไม่สนใจผลที่จะตามมาด้วย 

 

 

ยิ่งเป็นผู้ที่สูงส่งก็ยิ่งไม่สนใจเรื่องศีลธรรมความดี ยิ่งเป็นผู้ที่ต้อยต่ำก็ยิ่งสูงส่ง นี่มันคือเหตุผลอันใด 

 

 

เหตุใดคนดีถึงถูกกำหนดมาให้ถูกคนชั่วปกครอง เหตุใดความเมตตาถึงไม่สามารถต่อต้านความเลวทรามได้ 

 

 

“สวรรค์และพื้นโลกล้วนแต่มีความชอบธรรม ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นรูปร่างต่างๆ” อ่านบทประพันธ์ ‘ลำนำปณิธาน’ เสร็จ อวิ๋นเยี่ยก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยวผิดปกติ ตัวหนังสือที่ไร้ความรู้สึกไม่สามารถทำให้คนตื้นตันได้ แม้กระทั่งตัวเองก็ยังไม่รู้สึกตื้นตัน 

 

 

สุดท้ายชีวิตก็ทำให้เขาเข้าใจนักบุญในสมัยก่อนที่ล่วงลับไปแล้ว พวกเขาต้องโดดเดี่ยวเพียงใด แทบจะไม่มีที่ยืนสำหรับคนที่มีความดีเพียงเท่านี้ พวกนักบุญในสมัยก่อนจะโศกเศร้ามากเพียงใด 

 

 

โต้วเยี่ยนซานตบไหล่อวิ๋นเยี่ยและพูดว่า “อยู่กับข้า ต่อสู้ในแคว้นหนานจ้าวไปด้วยกัน ดูสิว่าเราจะมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้หรือไม่ ที่แห่งนี้ทุรกันดาร ถึงแม้ว่าจะไม่อุดมสมบูรณ์ แต่สำหรับเจ้าและข้า มันคือพื้นที่เดียวที่อุดมสมบูรณ์ 

 

 

ในเมื่อบรรพบุรุษยังสามารถก่อตั้งประเทศขึ้นมาได้ด้วยมือเปล่า แล้วเหตุใดเจ้ากับข้าจะก่อตั้งประเทศของตัวเองขึ้นมาในแคว้นหนานจ้าวไม่ได้ ตระกูลหลี่เป็นชนเผ่าหู เป็นพวกชอบขโมยอำนาจ เจ้ากับข้าเป็นชนเผ่าฮั่นแท้ๆ นามสกุลโต้วของข้ามีมาแต่โบราณ ตระกูลอวิ๋นของเจ้าก็เช่นกัน การรื้อฟื้นอำนาจของตระกูลฮั่นคือหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของเจ้ากับข้า” 

 

 

“ข้าคิดมาตลอดว่าความสูงส่งมาจากจิตวิญญาณ ไม่ได้มาจากอำนาจ โต้วเยี่ยนซาน เจ้ากับข้ามีความคิดที่แตกต่างกัน ราวกับรถม้าสองคันที่วิ่งสวนทางกัน วิ่งไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทางที่จะได้เจอกัน ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการของเจ้าเข้าใกล้เส้นทางผิดมาตั้งแต่แรก เจ้าเป็นคนมีความรู้ เคยได้ยินเรื่องอาศัยดอกไม้ลืมทุกข์ในการก่อตั้งประเทศหรือไม่ อย่าบอกว่าเจ้าพึ่งจะเคยได้ยิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าของสิ่งนี้ถูกนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคในอาณาจักรโรมันอันห่างไกล และก็ไม่มีประโยชน์อื่น ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่ค้นพบประโยชน์ของมัน แต่เป็นเพราะว่าไม่มีจักรพรรดิคนใดกล้าที่จะใช้มัน ของสิ่งอื่นน่ากลัวที่สุดก็แค่เอาชีวิตคน แต่ของสิ่งนี้เอาจิตวิญญาณคน ระหว่างสองสิ่งนี้ เจ้าจะเลือกเช่นไร” 

 

 

โต้วเยี่ยนซานหัวเราะขึ้นมา ชี้ไปที่อวิ๋นเยี่ยและพูดว่า “เขาว่ากันว่าเป็นลูกผู้ชายต้องเลวทราม แต่เจ้ากลับมีจิตใจราวกับผู้หญิง เพียงแค่เป้าหมายสำเร็จก็เป็นเรื่องที่ดี ข้าให้เวลาแก่เจ้า แล้วเจ้าจะเข้าใจเอง ตอนนี้จะยังไม่เอ่ยอะไร ข้าเชิญเจ้ามาเยี่ยมชมประเทศของข้า ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังจะไม่ใหญ่โตพอ แต่มันก็จะแข็งแกร่งขึ้นในไม่ช้า” 

 

 

ดูเหมือนโต้วเยี่ยนซานจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาไม่เคยท้อถอย ความยากลำบากทำให้เขามีพลังที่แข็งแกร่ง 

 

 

ความยากจนอาจจะทำให้คนผิดหวัง แต่สิ่งที่ทำให้คนหมดหวังจริงๆ คือการที่มองไม่เห็นความหวัง 

 

 

ผู้ชายในหมู่บ้านต่างพากันนอนหาเหา อ้าปากหาวจนน้ำตาไหลอยู่ที่มุมกำแพง คนที่มีจิตสำนึกหน่อยก็จะกอดแขนผู้หญิงที่ผอมแห้งแรงน้อยเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กน้อย ล้วนแต่มีสายตาเย็นชา มีแค่ตอนที่ได้เจอกับคนรับใช้ของตระกูลโต้วเท่านั้น สายตาถึงจะเป็นประกายขึ้นมา ยืดแขนที่ซีดเซียวออกมา ท่าทางเหมือนจะขออะไรบางอย่าง 

 

 

โยนครีมยาขนาดใหญ่ออกไป ผู้ชายทุกคนรีบวิ่งเข้ามาราวกับหมาป่าที่หิวโหย มีเพียงเด็กที่ล้มลงบนพื้นเท่านั้นที่ส่งเสียงร้องไห้อย่างรุนแรง 

 

 

“เหล่าโต้ว เจ้าคิดจะอาศัยเพียงสิ่งของไร้ประโยชน์พวกนี้พิชิตความฝันของเจ้าน่ะหรือ” 

 

 

โต้วเยี่ยนซานสะบัดมือ ยิ้มแล้วพูดว่า “ปีที่แล้วข้าส่งคนกลุ่มหนึ่งไปแย่งเสบียงในพื้นที่อื่น ใครจะรู้ว่าพวกมันถูกพวกสัตว์ป่ากินไปแล้วเกือบครึ่ง หากรู้ก่อนข้าจะส่งคนไปสักสามร้อยพร้อมด้วยอาวุธ ตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ข้าก็ไม่เคยหวังอะไรจากพวกเขาอีกเลย พวกเขาก็แค่กลุ่มคนที่รู้จักแค่กินข้าว นอนหลับ ช่างไร้ประโยชน์ หากไม่ใช่เพราะว่าฆ่าพวกผู้ชายไปหมดแล้วประเทศของข้าจะพังจะพินาศ ข้าคงจะกวาดล้างพวกไร้ประโยชน์พวกนี้ไปนานแล้ว 

 

 

อวิ๋นโหว ท่านก็รู้ว่าผู้ชายสามร้อยคนพร้อมด้วยอาวุธ ควรจะเป็นราชาแห่งสัตว์ร้ายในป่าเขา มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่ควรได้ทานเนื้อ มีที่ไหนกลับถูกพวกสัตว์ป่ากินหมด” 

 

 

โต้วเยี่ยนซานพูดจาง่ายดาย แต่เขายังคงไม่เข้าใจเรื่องของป่าเขาจริงๆ ในป่าเขาที่รกร้าง มีเพียงสัตว์ป่าเท่านั้นที่เป็นเจ้าป่า เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว ความกล้าหาญก็ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด 

 

 

ตัวอย่างเช่นปลิงและมด แล้วยังมีแมลงชนิดหนึ่งที่สามารถวางไข่ใต้ผิวหนังของมนุษย์ มันกินเลือดของมนุษย์เป็นอาหาร เมื่อมันเติบโตเต็มที่ มันก็จะกัดผิวหนังของมนุษย์ มุดออกไปหาคู่ของมัน และหาเป้าหมายใหม่ต่อไป 

 

 

สำหรับคนที่ถูกยืมใช้ร่างกาย ไม่ต้องคิดเรื่องของผลที่จะตามมา เพราะแมลงชนิดนี้สามารถวางไข่ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าครั้งละเป็นพันฟอง 

 

 

นี่ก็คือแมลงตัวแรกที่ผู้คนพูดถึงมานานหลายพันปี และแน่นอนว่า เป้าหมายของพวกมันไม่จำเป็นต้องเป็นมนุษย์ ยังมีพวกสัตว์ป่าอีกมากมาย เป็นกฎเกณฑ์ระหว่างสวรรค์และโลก สัตว์ที่ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ จำนวนก็จะยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น อย่างเช่นเสือ อย่างเช่นสิงโต หรืออย่างเช่น หลี่ซื่อหมิน? 

 

 

โต้วเยี่ยนซานอดไม่ได้ที่จะพาอวิ๋นเยี่ยไปดูทรัพย์สินของตัวเอง หลังจากประสบความหิวโหยที่น่ากลัวครั้งนั้นมา หมูที่อ้วนท้วนทุกตัวก็กลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของเขา 

 

 

ถ้าในคอกหมูมีแต่หมูที่อ้วนท้วน เห็นสิ่งมีชีวิตที่กลิ้งไปมา อวิ๋นเยี่ยก็คงจะรู้สึกพอใจ แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ มีคนที่ถูกมัดด้วยโซ่เหล็กอยู่ในคอกหมูหนึ่งคน แล้วยังเป็นผู้หญิงที่แทบจะเปลือยเปล่า 

 

 

ผู้หญิงคนนี้ต้องเคยอ้วนมาก่อนแน่ๆ เพราะนางมีหน้าอกใหญ่สองข้างที่เ**่ยวห้อยอยู่ตรงหน้า โซ่เหล็กที่ผูกคอของนางเป็นสนิม ผู้หญิงคนนี้มีโครงกระดูกที่สูงใหญ่กำยำ แต่ตอนนี้กลับมีสภาพราวกับปลาที่ถูกโยนทิ้งบนชายหาด อ้าปากที่มีฟันอยู่แค่ไม่กี่ซี่ ไม่รู้ว่านางกำลังพูดอะไรอยู่ เห็นเพียงดวงตาสีดำและความเกลียดแค้นที่อยู่ในดวงตาคู่นั้น 

 

 

อวิ๋นเยี่ยถึงกับรู้สึกเวียนหัว ภาพพวกนี้คือสิ่งที่เขาไม่อยากเห็นที่สุด เขายอมเห็นศพตัวเป็นๆ ดีกว่าที่จะต้องมาเห็นคนถูกทรมานเช่นนี้ 

 

 

“เหล่าโต้ว เอาผู้หญิงคนนี้ให้ข้าเถอะ เจ้าเสนอราคามา ข้ายอมรับ” 

 

 

โต้วเยี่ยนซานที่กำลังล้างมืออยู่ที่อ่างข้างๆ รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินอวิ๋นเยี่ยพูดเช่นนี้ สะบัดน้ำในมือออกแล้วหันหน้ามาถามว่า “เจ้าไม่ได้รักสะอาดเช่นเดียวกันกับข้าหรือ เหตุใดถึงได้ต้องการผู้หญิงคนนี้ ข้ารู้ว่าจิตใจที่อ่อนแอของเจ้ากลับมาอีกครั้ง เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตอนนั้นผู้หญิงคนที่อ้วนราวกับหมูคนนี้กล้ามาจับแขนข้าแล้วบอกว่าชอบข้า นึกถึงแล้วข้าก็อยากจะตัดมือนางทิ้ง ข้าจงใจให้นางมีชีวิตอยู่ ก็เพื่อที่จะบอกนางว่า นางมีค่าแค่อยู่กินกับหมูเท่านั้น แต่เจ้ากลับทนมองนางได้เนี่ยนะ” 

 

 

อวิ๋นเยี่ยเริ่มหงุดหงิด เขาตะโกนขึ้นมาว่า “ข้าอยากจะฆ่านางให้ตายมิได้หรือ เจ้าจะให้ข้าหรือไม่” 

 

 

โต้วเยี่ยนซานแตะที่คางและพูดว่า “ข้าให้เจ้าได้ แต่ว่าผู้หญิงคนนี้มีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่ มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาซ่อนกลองสำริดและเครื่องบวงสรวงไว้ที่ใด เครื่องบวงสรวงพวกนั้นล้วนแต่ทำมาจากทองคำ ข้าอยากรู้เป็นที่สุด แต่ข้าทำหมดแล้วทุกวิถีทาง นางก็ไม่ยอมบอก หากเจ้า…” 

 

 

“โต้วเยี่ยนซาน เจ้าช่างไร้ซึ่งอารยะธรรม ทองคำเก่าแก่เป็นร้อยเป็นพันเช่นนี้เจ้าก็สนใจ? ตอนแรกที่เจ้าเหมาหอเอี้ยนไหลโหลวจัดงานสังสรรค์ก็ใช้เงินทองไปไม่น้อย ตอนนี้เห็นเงินกลับหน้ามืดตามัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ” 

 

 

พูดจนโต้วเยี่ยนซานหน้าแดงหูแดง ความมั่งคั่งที่เขาปลูกฝังมาตลอดหลายปี ทำให้เขารู้สึกอับอายที่จะพูดถึงเรื่องเงิน ถ้าตระกูลโต้วไม่ล้มละลาย เขาก็คงจะไม่สนใจเงินเล็กๆ น้อยๆ ในมือของคนป่าเถื่อนพวกนั้นจริงๆ แต่ปัญหาคือตอนนี้ล้มละลายแล้ว ขาของยุงก็ยังมีค่า 

 

 

“อวิ๋นเยี่ย เจ้าคิดว่าข้าอยากได้เงินพวกนี้หรือ ซื้อเสบียง ซื้อม้า ซื้ออาวุธ ล้วนแต่ต้องใช้เงิน ข้าไม่สนใจเงินพวกนี้ก็จริง แต่ข้าต้องการเงินพวกนี้มาช่วยเหลือ ตอนนี้ข้าอยู่ในที่ทุรกันดารเช่นนี้ จะให้ข้าไปหาเงินมาจากที่ใด นอกจากว่าจะบอกข้ามาว่าทองคำอยู่ที่ใด มิเช่นนั้นคนไร้ประโยชน์คนนี้ก็แย่งอาหารหมูกินต่อไป ไร้ประโยชน์ แค่แย่งอาหารหมูยังแย่งไม่ได้ ยังจะมีหน้าเรียกตัวเองว่านักรบ” 

 

 

อวิ๋นเยี่ยหันหน้าไปพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า “บอกข้าว่าทองคำอยู่ที่ใด กลับไปข้าจะทำเครื่องร่อนทองที่ดีกว่าเดิมให้” 

 

 

ผู้หญิงคนนั้นพยายามดิ้นรนอยู่ตั้งนาน นางสำรอกเสมหะออกมา แต่นางไม่มีแรง ถ่มไปไม่ถึงเขาแต่กลับตกลงที่หน้าอกของนางเอง 

 

 

โต้วเยี่ยนซานปิดปาก หันหน้าไปทางอวิ๋นเยี่ย บอกว่าเขาเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร 

 

 

“เหล่าโต้ว เจ้าเสนอจำนวนมา ข้าจะหาทองคำมาให้เจ้า เจ้ารู้ว่ามันอยู่ที่ใดใช่หรือไม่” 

 

 

“ข้าเคยเห็น มันใช้ตะกร้ากับกระเป๋าหนังในการหาทอง แต่กว่าจะได้ วันหนึ่งได้เพียงเศษๆ ข้าออกไปหาเงินข้างนอกยังจะดีกว่า” 

 

 

โต้วเยี่ยนซานรีบเดินเข้ามา เข้ามาอยู่ใกล้อวิ๋นเยี่ย ถ้าหาทองคำจำนวนมากบนเขาได้ มันจะช่วยเขาได้มากทีเดียว 

 

 

“รีบบอกมาว่าจะเอาเท่าไหร่ ทองคำไม่เหมือนกับโลหะทั่วไป เจ้าจะโลภมากไม่ได้ มิเช่นนั้นเจ้าจะพบเจอกับความโชคร้าย” 

 

 

ตอนนี้โต้วเยี่ยนซานไม่สนใจเรื่องโชคดีโชคร้ายอะไรทั้งนั้น เอาทองคำมาอยู่ในมือก่อนคือเรื่องสำคัญ 

 

 

อ้าปากบอกว่าหนึ่งแสน แต่เห็นสีหน้าดูถูกของอวิ๋นเยี่ย เขาถึงได้เปลี่ยนคำพูดว่า “ห้าหมื่น น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว” 

 

 

“เช่นนั้นเจ้าเอาผู้หญิงคนนี้ไปให้หมูกินซะเถอะ ข้าจะบอกเจ้าให้ หมูเป็นสัตว์กินพืช แต่อย่าคิดว่ามันกินแค่หญ้า หากเจ้าเอาเนื้อไปให้มันกิน มันก็ไม่ปฏิเสธ” 

 

 

“เช่นนั้นเอาหมื่นเดียว น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว” 

 

 

“เหล่าโต้ว ห้าพัน ข้าช่วยเจ้าหาได้แค่ห้าพัน ที่เหลือเจ้าคิดวิธีไปหาเอาเอง” 

 

 

โต้วเยี่ยนซานตบมือให้อวิ๋นเยี่ยสามครั้ง ถือว่าตกลงตามนี้ โยนกุญแจให้เขา หลังจากนั้นเขาก็หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา คำสัญญาระหว่างตระกูลมักจะมีผลมากกว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกัน แต่โต้วเยี่ยนซานคิดว่าตัวเองเป็นตระกูลใหญ่โตในดินแดนที่ทุรกันดารแห่งนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักโทษแหกคุก แต่เพื่อศักดิ์ศรีของบรรพบุรุษ เขาก็ให้ความสำคัญกับหน้าตาของตัวเองมากกว่าคนอื่นๆ 

 

 

อวิ๋นเยี่ยกระโดดเข้าไปในคอกหมู บีบจมูกไปด้วยขณะผลักหมูพวกนั้นออกไป คอกหมูของตระกูลอวิ๋นยังไม่เต็มไปด้วยขี้หมูขนาดนี้ คอกหมูของพวกชาวบ้านก็ไม่ขนาดนี้ จะมีคนคอยโกยออกและเอาดินถมทันที แล้วยังสามารถใช้เป็นปุ๋ยได้อีกด้วย 

 

 

ลูบคลำอยู่นาน เขาถึงได้หากุญแจบนผิวหนังที่เละเทะของผู้หญิงคนนั้นเจอ กุญแจเป็นสนิมรุนแรงมาก อวิ๋นเยี่ยใช้เวลาธูปหนึ่งก้านเต็มๆ ถึงได้ไขกุญแจให้ผู้หญิงคนนั้นได้ 

 

 

เมื่อประคองนางขึ้นมา ได้กลิ่นเหม็นที่ทำให้คนแทบจะหยุดหายใจ ก่อนที่โซ่เหล็กเย็นๆ จะรัดเข้าที่รอบคอของอวิ๋นเยี่ย