อวิ๋นเยี่ยตกใจ กำลังจะดิ้น แต่โซ่เหล็กกลับหลุดตกลงมาเอง ผู้หญิงที่ราวกับสัตว์ป่าคนนั้นล้มลงกับพื้น หายใจหอบ สีหน้าดูผิดหวัง
ทันใดนั้นอวิ๋นเยี่ยก็เข้าใจความหมายพฤติกรรมของนาง นางอยากตาย นางอยากใช้โอกาสนี้แสวงหาความตาย
เมื่อกี้อวิ๋นเยี่ยบอกว่าหมูก็กินคน ทำให้นางตกใจ ชะตากรรมที่ทรมานเช่นนี้เป็นเรื่องที่นางยอมรับไม่ได้ โดนแทงตาย ยังโชคดีกว่าต้องมาถูกหมูกินตาย
หลังจากรู้สาเหตุ ความโมโหในใจก็บรรเทาลง เขายองๆ และพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า “ข้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าเจ้ามากนัก เจ้าเป็นนักโทษ ข้าก็เป็นนักโทษ ถูกเขาจับมาเหมือนกัน ผ่านวันนี้ไป ยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ยังจะได้เห็นแสงอาทิตย์หรือไม่ เพราะฉะนั้นเจ้าอย่าได้เป็นศัตรูกับข้า คิดดูแล้ว เราควรจะเป็นเพื่อนกันมากกว่า”
“ในต้าถังไม่มีคนดี พวกเขาทั้งหมดเป็นปลิงที่คอยดูดเลือดของพวกเรา เจ้าก็เช่นกัน” ใครจะคิดว่าลำคอที่ใหญ่ราวกับผู้ชายก็สามารถส่งเสียงกังวานใสราวกับกระดิ่งเช่นนี้ หรือว่าอาหารหมูสามารถเปลี่ยนเสียงคนได้ด้วย?
ตอนนี้ยังอธิบายอะไรให้นางฟังไม่ได้ แบกนางออกมาจากคอกหมู ทั้งสองคนเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น วั่งไฉเดินเข้ามา อวิ๋นเยี่ยไม่อยากให้มันติดกลิ่นเหม็นไปด้วย ก็เลยผูกเปลบนตัวมัน ให้มันลากออกไปจากคอกหมู
มีบ้านไม้ไผ่ให้อยู่ ไม่เลวเลยทีเดียว มีลมตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือพัดผ่านได้ วางผู้หญิงคนนั้นลงบนเตียงไม้ไผ่แล้วพูดกับนางว่า “ข้าจะอาบน้ำให้เจ้า อย่าคิดว่าข้าจะแต๊ะอั๋งเจ้า เพราะเจ้าก็ไม่ได้มีอะไรให้ข้าแต๊ะอั๋ง”
พูดเสร็จก็กำลังจะเอาเสื้อหนังที่เน่าเปื่อยตรงเอวของนางถอดออก มีหลายส่วนที่ติดไปกับผิวหนังของนางแล้ว อวิ๋นเยี่ยใช้มีดตัดออกด้วยความระมัดระวัง กว่าเสื้อผ้าที่เน่าเปื่อยจะแยกออกจากผิวหนังของนาง เอวของนางก็เต็มไปด้วยเลือด ไม่กล้าแตะต้องมันอีก รอให้แผลไม่มีเลือดออกแล้วค่อยทำความสะอาดให้นางภายหลัง
หากโต้วเยี่ยนซานไม่ให้ยาจินช่วง[1] พวกชาวพื้นเมืองที่โง่เขลาพวกนั้นก็ปรุงยาไม่เป็น บอกว่าพวกเขาเป็นลูกของป่าเขาไม่ใช่หรือ ทำไมแค่เรื่องพวกนี้ถึงไม่รู้
แขวนหม้อไว้บนกองไฟ นี่คือข้อเสนอที่ดีที่สุดที่โต้วเยี่ยนซานให้กับอวิ๋นเยี่ย คนที่หิวโหยมาเป็นปีจะกินข้าวสุกไม่ได้ เติมน้ำและเทข้าวลงไปในหม้อ ทำเป็นข้าวต้ม
โยนก้อนหินสองสามก้อนใส่เตาไฟ เผาหินจนร้อนแล้วก็ใส่มันเข้าไปในหม้อดิน ใส่หินเข้าไปสักห้าหกก้อน น้ำในหม้อก็จะกลายเป็นน้ำอุ่น จากนั้นเขาก็หยิบผ้ามาทำความสะอาดร่างกายให้กับผู้หญิงคนนั้น
“เราควรจะเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร ทำเช่นนี้มันไม่ค่อยมีมารยาท”
ร่างกายของนางสกปรกเป็นอย่างมาก บางครั้งก็ต้องถูแรงๆ ถึงจะเช็ดสะอาด เห็นกล้ามเนื้อของผู้หญิงคนนี้เจ็บปวดจนเต่งตึง อวิ๋นเยี่ยถึงได้พูดออกมาเช่นนั้น หวังว่าจะสามารถทำให้นางไปสนใจเรื่องอื่น
“ข้าเป็นองค์หญิงของดินแดนนี้แห่งนี้ ทั่นเกออ๋อง ข้าได้สืบทอดอำนาจมากจากท่านแม่ของข้า ข้าเป็นอ๋องของที่นี่ ชาวถังคนนั้นเป็นคนนอก เป็นแขกที่น่ารังเกียจที่สุด”
“เจ้าเป็นองค์หญิงที่พ่ายแพ้ ทั่นเกอ เจ้าปกป้องประชาชนของเจ้าไม่ได้ ปล่อยให้พวกเขาจมลงไปในส่วนที่ลึกที่สุดของนรก เจ้าคิดว่าอย่างไร เจ้ายังต้องการดอกไม้ลืมทุกข์หรือไม่”
ไม่จำเป็นต้องบอก องค์หญิงเคราะห์ร้ายคนนี้คงจะสูบฝิ่น ถึงได้ถูกโต้วเยี่ยนซานควบคุม และผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ที่สุดของนางก็คงจะสูบสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน โต้วเยี่ยนซานถึงได้สามารถตั้งหลักปักฐานที่ดินแดนแห่งนี้ได้
พูดถึงดอกไม้ลืมทุกข์ ทั่นเกอก็หดตัวด้วยความกลัว ดูเหมือนว่าเส้นทางชีวิตของนางคงจะเป็นเรื่องราวที่น่าสังเวช ความผิดพลาดเพียงอย่างเดียวของโต้วเยี่ยนซานก็คือเขาไม่ควรขังทั่วเกอไว้ในคอกหมูเพราะความโมโห เพราะสิ่งนี้มันทำให้นางยังมีชีวิตรอด มิเช่นนั้น ผ่านช่วงนี้ไป ดอกไม้ลืมทุกข์จะฉีกแนวป้องกันสุดท้ายของนางออกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน เช่นนี้ โต้วเยี่ยนซานก็จะได้เครื่องบวงสรวงมาอย่างง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องเสียแรง
พระเจ้า อวิ๋นเยี่ยไม่เคยเห็นร่างกายที่สกปรกมากถึงเพียงนี้ น้ำสกปรกสีดำไหลลงมาตามช่องว่างระหว่างไม้ไผ่ แน่นอนได้ว่า ปีนี้ต้นหญ้าใต้บ้านจะต้องเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์แน่นอน
คนเราจะต้องมีพวกพ้อง แต่เป็นพวกพ้องของโต้วเยี่ยนซานไม่ช้าก็เร็วคงจะต้องตาย อวิ๋นเยี่ยต้องการเพื่อนพ้องคนใหม่ อย่างเช่นทั่นเกออ๋องคนนี้ ก็เป็นเพื่อนพ้องที่ไม่เลวเลย
ตราบใดที่องค์หญิงคนนี้มีสติปัญญามากพอ นางก็จะกลายเป็นมือขวาของเขา อวิ๋นเยี่ยไม่เชื่อว่าอดีตอ๋องจะไม่มีความสามารถอะไรเลย
แต่การหาเพื่อนพ้องโดยการเริ่มต้นจากการอาบน้ำให้นาง มันเป็นการบังคับให้เขาทำในสิ่งที่ยากเย็น โต้วเยี่ยนซานพูดถูก อวิ๋นเยี่ยไม่สามารถยอมรับองค์หญิงทั่นเกอคนนี้ได้ ตอนนี้ท้องของเขาพะอืดพะอมไปหมด
เทน้ำสุดท้ายล้างลงไป ในที่สุดก็ไม่มีสิ่งสกปรกสีดำที่น่ารังเกียจหลงเหลืออยู่ เช็ดตัวของนางให้แห้ง อวิ๋นเยี่ยก็หยิบผ้าผืนใหญ่ออกมาฉีกรูตรงกลาง แล้ววางไว้บนหัวขององค์หญิงทั่นเกอ เย็บถุงผ้าตรงใต้ซี่โครงทั้งสองข้าง สุดท้ายมัดเชือกไว้ที่เอว ดีมาก ทำถุงผ้าที่ได้มาตรฐานขึ้นมาได้แล้ว
ในความเป็นจริงสำหรับทั่นเกอแล้ว เสื้อผ้าเป็นส่วนเกิน พวกผู้หญิงคนอื่นห้อยถุงหนังสัตว์ไว้ที่เอวทุกคน วิ่งเปลือยกายไปทั่วโลก อวิ๋นเยี่ยทำเช่นนี้ก็เพื่อตัวเอง กลัวว่าต่อไปถ้าเขาเห็นร่างกายของผู้หญิงคนอื่น เขาจะนึกถึงร่างกายที่น่าหวาดกลัวของทั่นเกอขึ้นมา
วั่งไฉได้กลิ่นหอมของข้าวต้ม ยืนอยู่ข้างนอกและยื่นหัวเข้ามามองที่ประตู มันไม่ได้กินข้าวต้มมาหลายวันแล้ว วั่งไฉที่น่าสงสาร เมื่อก่อนมันไม่ชอบกินข้าวต้ม ข้าวต้มที่ใส่เห็ดก็ไม่กิน มันเคยชิมข้าวต้มที่ใส่เห็ดและเม็ดบัวที่เตรียมไว้ให้อวิ๋นเยี่ย รู้สึกไม่อร่อย มันชอบกินเหล้าข้าวเหนียวมากที่สุด แต่น่าเสียดายที่ที่แห่งนี้ไม่มี แม้แต่ข้าวต้มยังเป็นความคิดที่หรูหรามากเกินไป
ข้าวต้มร้อนๆ กำลังเดือดปุดๆ ในหม้อ จมูกของทั่นเกอพองโตไม่หยุด วั่งไฉแลบลิ้นออกมาเลียไม้ไผ่ น้ำลายสีขาวไหลออกมาจากมุมปากของมัน
ทั่นเกอไม่พอใจอย่างมากที่อวิ๋นเยี่ยแบ่งข้าวต้มครึ่งหม้อให้กับวั่งไฉ และอวิ๋นเยี่ยให้ข้าวต้มนางแค่ถ้วยเดียว ข้าวต้มถ้วยนั้นไม่เพียงพอให้นางยาไส้ แต่ม้าตัวนั้นกลับกินข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อย
อวิ๋นเยี่ยเทข้าวต้มของตัวเองให้ทั่นเกอ เขาทำเช่นนี้ ทำให้ทั่นเกอรู้สึกถึงความอบอุ่น กินข้าวต้มเสร็จ ทั่นเกอก็ห่มผ้านอนหลับไป ราวกับนางได้เจอท่านแม่ของตัวเองในความฝัน ผู้หญิงที่เข้มแข็งเช่นเดียวกับนาง…
อวิ๋นเยี่ยถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกมา เอาแช่น้ำแล้วเอาออกมาดม กลิ่นขี้หมูยังคงติดอยู่ราวกับล้างไม่ออกตลอดไป เขาโยนเสื้อทิ้งบนพื้นอย่างหงุดหงิด เตรียมที่จะซักอีกครั้ง
“ปัดโธ่ อวิ๋นโหวซักเสื้อผ้า? นี่มันช่างเกินความคาดหมายของข้าน้อย เดิมทีคิดว่าเจ้าเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนรักสะอาด แต่ดูแล้วน่าจะเป็นความจริง เจ้าซักเสื้อไปแล้วแปดครั้ง หากยังซักมันต่อมันคงจะเละกันพอดี หรือสหายอวิ๋นอยากจะใส่หนังสัตว์เหมือนคนป่าเถื่อนพวกนั้นล่ะ?”
“โต้วเยี่ยนซาน อย่ามาพูดเยาะเย้ยข้า มีสบู่จ้าวเจี่ยว[2]ก็เอามาให้ข้า มิเช่นนั้นข้าจะใส่แค่เสื้อข้างในเดินไปให้ทั่ว”
โยนสบู่จ้าวเจี่ยวถุงใหญ่ไปตรงหน้าอวิ๋นเยี่ย โต้วเยี่ยนซานนั่งยองๆ มองดูอวิ๋นเยี่ยซักเสื้ออยู่ด้านข้าง ยิ้มจนปากแทบจะฉีกไปถึงหู แค่อวิ๋นเยี่ยลำบาก เขาก็รู้สึกพอใจ แล้วตัวเองค่อยแกล้งทำเป็นเทพเจ้ามาช่วยเหลือ คนรับใช้ของตระกูลโต้วต่างพากันชอบวิธีนี้
ในที่สุดก็ซักเสื้อเสร็จ อวิ๋นเยี่ยล้างทำความสะอาดร่างกายของตัวเองอีกครั้ง สบู่จ้าวเจี่ยวขีดข่วนลงบนผิวหนังอย่างเจ็บแสบ สบู่นี้ลื่น ไม่สะดวกที่จะจับ เป็นหนามไม้บางๆ เลยทำให้การอาบน้ำครั้งนี้ไม่ค่อยจะสบายตัวสักเท่าไหร่
โต้วเยี่ยนซานยืนมองอยู่ใต้ต้นไทรริมแม่น้ำ เดิมทีอวิ๋นเยี่ยอยากจะไล่เจ้านี่ออกไป แต่เขาเห็นรากของต้นไทรที่เต็มไปด้วยปลิงที่ได้กลิ่นตัวของเขา เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะไล่เขาไป เป็นผู้ชายเหมือนกัน มองหน่อยจะเป็นอะไรไป ว่าแต่โต้วเยี่ยนซานคงจะเสียเลือดไปไม่น้อยล่ะงานนี้
เสื้อผ้าที่พาดอยู่ด้านบนหินที่ถูกแสงแดดแผดเผา เอามาสวมใส่ทำให้รู้สึกสบายตัว โต้วเยี่ยนซานที่มีปลิงสองสามตัวเกาะอยู่ที่หลังหูกำลังจะเดินเข้ามาพูดกับอวิ๋นเยี่ย ปลิงทุกตัวต่างดูดเลือดอย่างเต็มอิ่ม ราวกับว่าโต้วเยี่ยนซานมีเนื้องอกขึ้นมา
ปลิงเป็นแวมไพร์ดูดเลือดที่เรารู้จักกันดี ถ้าดูดเลือดได้ไม่มากพอมันก็จะไม่ยอมปล่อย มันดูดเลือดทีหนึ่งก็จะคายน้ำลายทีหนึ่ง น้ำลายชนิดนี้จะไปทำลายเส้นประสาท และป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัว คนที่ถูกดูดเลือดจะไม่รู้ตัว อย่างเช่นโต้วเยี่ยนซานในเวลานี้
“สหายโต้ว ที่หูของเจ้ามีเนื้องอกออกมาสองสามก้อน ทำให้เจ้าดูสง่างามขึ้นมาไม่น้อย”
โต้วเยี่ยนซานแปลกใจที่อวิ๋นเยี่ยพูดเช่นนี้ ลูบไปที่หูของตัวเอง จับโดนปลิง เขาก็เลยใช้แรงดึงมันออกมา มือของเขาเต็มไปด้วยเลือด ดึงปลิงออกมาได้แค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งยังคงจ้องมองอยู่ที่หลังคอของเขา
โต้วเยี่ยนซานร้องตะโกนและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว หายไปในบ้านไม้ไผ่ของตัวเองในพริบตา
เมื่อพาวั่งไฉมาอยู่ที่ที่โต้วเยี่ยนซานยืนอยู่เมื่อครู่ ก็ชี้ไปที่พวกปลิงพวกนั้นที่กำลังบิดตัวเหมือนหนอนให้วั่งไฉดู สัญชาตญาณตามธรรมชาติของสัตว์ทำให้วั่งไฉเดินถอยห่างออกไปไม่หยุด จนถึงที่ที่ปกคลุมไปด้วยลำต้นของต้นไทร มันถึงได้หยุดถอย
ดีมาก ตอนนี้วั่งไฉแยกแยะปลิงออกแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้อีก ถ้ากลับไปได้ เอาปลิงพวกนี้ไปให้ซุนซือเหมี่ยวด้วยดีหรือไม่ เหล่าเต้าจะสมองแตกกับการคิดวิธีแก้ปัญหาการแข็งตัวของเลือดอยู่แล้ว บางทีเขาอาจจะรู้อะไรจากปลิงพวกนี้บ้าง
กลับมาที่บ้านไม้ไผ่ของตัวเอง อวิ๋นเยี่ยวางแพไม้ไผ่ตรงทางเข้า วั่งไฉจะได้เข้าบ้านได้ง่ายๆ กลางคืนของที่นี่อันตราย ยุคหลังมีค้างคาวแวมไพร์มากมาย และถึงแม้ว่าจะไม่มีพวกนี้ แค่ยุงก็ทำให้วั่งไฉต้องทนทุกข์ทรมานได้ กระเป๋าใบเล็กที่ซ่านอิงเอาให้ยังคงอยู่ สมุนไพรที่อยู่ข้างในก็ยังมีประสิทธิภาพ แค่พกติดตัวไว้ ในบ้านก็จะไม่มียุง
สภาพอากาศของแคว้นหนานจ้าวแปลกประหลาด หนึ่งพันปีภายหลังอบอุ่น แต่นี่พึ่งจะเดือนมีนาคม ที่หุบเขาเทียนเหอก็ร้อนมากแล้ว แต่บนยอดเขาไกลๆ ก็ยังคงมีหิมะสีขาว ยิ่งขึ้นไปข้างบนก็จะยิ่งหนาว
มัดเส้นไหมรอบประตูแล้วยึดเข้ากับเสาอย่างแน่น เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องนี้ อวิ๋นเยี่ยกับวั่งไฉจะไม่ไปไหนขณะที่เธอนอนหลับอยู่ แต่ในทางกลับกันไม่ว่าองค์หญิงทั่นเกอจะไปที่ไหนก็เป็นเรื่องของนาง
นึกถึงโซ่เหล็กที่รัดคอของเขาในตอนกลางวันแล้ว อวิ๋นเยี่ยก็ดึงไหมที่ข้างเตียงของตัวเองสองสามครั้ง
——
[1] ยาจินช่วง ยาจีนชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับรักษารอยฟกช้ำและแผลต่างๆ
[2] สบู่จ้าวเจี่ยว ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Gleditsia sinensis เป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายฝักถั่วฝักสามารถนำมาใช้ทำยาและสบู่ได้