ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 587 กลัวจนตัวสั่น
สมองของเธอมีปัญหาหรือยังไง?
แสนรักไม่เคยพูดว่า การที่แสงดาวหลงรักเพื่อนรักของเขาแล้วทำให้เขาขายหน้า? ขอแค่เธออยากมีความรัก เขาพร้อมที่จะให้เจเคหรือเปรมไตรมาแต่งกับเธอก็ได้
แสนรักหัวเราะ หึหึ “พี่แสงดาว พี่ยังมีสมองอยู่หรือเปล่า? พี่รู้หรือเปล่าว่าม็อกโกเขาเป็นใคร?”
“อะไรนะ?”
“ก่อนจะเกิดเรื่องคุณพ่อ เขาช่วยจัดการเรื่องการรักษาตัวของผม ให้ผมได้เข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลทหารในเมืองหลวง อีกซ้ำวันที่เราแถลงข่าว ยังมาเป็นพยานให้บริษัทเรา เพื่อให้ซาจากรุ๊ปของญี่ปุ่นโอนหุ้นของตระกูลคืนมาให้เราทั้งหมด พี่เคยคิดไหมว่าเพราะอะไรเขาถึงทำได้ขนาดนี้?”
แสนรักถามพี่สาวของเขาทีละข้อๆอย่างละเอียด
ใช่สิ! เรื่องนี้ ถึงแม้แสนรักจะดูแลบริษัทที่ใหญ่โตขนาดนี้ แต่เรื่องนี้ถือว่ายากเกินกว่าคนในวงธุรกิจสามารถจัดการได้
เรื่องนี้ถึงแม้แสนรักอยากจัดการด้วยตัวเอง แต่ก็เกินความสามารถที่เขาจะทำได้ “อำนาจ” สิ่งนี้ ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้
เหมือนอย่างม็อกโกที่ทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ
ตอนนี้แสงดาวยืนนิ่งอยู่กับที่
ผ่านไปสักพัก เธอได้ยินเสียงตัวเองถามว่า: “ทำไม?เขา……เป็นใครกันแน่?”
แสนรักฝืนยิ้ม “เขาเป็นคนที่พี่ไม่มีวันเอื้อมถึง เขาเป็นถึงคนในตระกูลใหญ่ของทหารหลวง พี่รู้ไว้ซะ!”
“……”
“ถึงแม้ผมจะมีเงิน แต่เงินกับอำนาจมันช่างต่างกันสิ้นเชิง โดยเฉพาะตระกูลเชื้อเจ้าอย่างเขา ที่มีอำนาจคับฟ้า พี่คิดว่าเขาจะเหลียวมองผู้หญิงที่เกิดในตระกูลธรรมดาอย่างพี่ไหมล่ะ”
“……”
ตอนนี้ ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ แสงดาวยืนอึ้งไป
สีหน้าของเธอ ขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษ
“แต่ว่า เขาเคย…. เคยช่วยชีวิตฉัน”
“พี่พูดอะไรนะ?”
แสนรักได้ยินไม่ชัด
ขณะเดียวกัน เขาได้ยินเสียงดัง “เพล้ง!” ดังมาจากข้างนอก เขารีบออกมาจากห้อง
สิ่งที่เขาเห็นคือ มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าห้อง ไม่รู้ว่าเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ในมือเธอถือถาดใส่อาหารที่มีถ้วยซุปร้อนๆอยู่ ที่ตอนนี้ตกแตกอยู่บนพื้น
“ที่รัก เกิดอะไรขึ้น?” ทำไมถ้วยชามหล่นแตกแบบนี้? คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?
แสนรักที่ยังไม่ทันคุยกับแสงดาวจบ ก็รีบวิ่งออกมาดูเส้นหมี่
ผู้หญิงคนนั้น คือเส้นหมี่
ม็อกโก?
ข้างกายเขา มีคนของตระกูลเทวเทพมาตั้งนานแล้ว!!
ตอนนี้ เส้นหมี่รู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มลงมา……
——
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แสงดาวก็ไม่ออกจากห้องอีกเลย
เธอขังตัวเองอยู่แต่ในห้องทั้งวันทั้งคืน ไม่มีใครได้เจอเธอ
เส้นหมี่เห็นเฉกเช่นนั้น วันนี้ เธอเลยไม่ไปทำงาน เธอคุยกับแสนรัก ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เธอกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับ
แสงดาว ต้องมีคนคอยดูแลเธออยู่ห่างๆ
แสนรักก็เห็นด้วยเช่นกัน
วันนี้ แสนรักเลยออกไปทำงานเพียงลำพัง
เส้นหมี่รู้สึกโล่งอก กลัวจะถูกสงสัยเหตุผลที่แท้จริงที่ไม่ได้ไปทำงาน เธอรีบตรงดิ่งไปที่ห้องแสงดาว
แต่วันนี้ เธอไม่ได้ไปเพื่อปลอบใจแสงดาวที่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง เธอไปนั่งอยู่ใต้ต้นหอมหมื่นลี้หน้าห้อง
คิดทบทวนเรื่องราวเป็นครึ่งวัน
ทำอย่างไรดี?
คนในตระกูลเทวเทพอยู่ใกล้เธอแค่เอื้อม ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้มาก่อน?
มันเป็นเพียงระเบิดเวลา เธอจะทำอย่างไรดี? ถึงจะหยุดยั้งระเบิดลูกนี้ได้ ?
เธอคิดจนแทบจะบ้า!
“ลูกสะใภ้ อยู่นี่เองเหรอ”
ภารานิน คุณแม่สามีของเธอที่วิ่งเข้ามาพอดี พร้อมผมเผ้าเธอยุ่งเหยิงและในมือถือดอกไม้ช่อโตไว้ด้วย
“ค่ะ แม่ หนูอยู่นี่ค่ะ คุณแม่มีอะไรไหมคะ?”
“ดอกไม้ สวย!” หลังจากเธอเป็นโรคประสาท ภารนินก็เหมือนกลายเป็นเด็กน้อย เธอรีบยื่นดอกเหมยในมือให้เส้นหมี่
เส้นหมี่เห็นภาพนี้แล้ว ทำให้เธอรู้สึกหดหู่จนอยากร้องไห้
คุณน้าเนติเคยบอก เพราะเหตุนี้แสนรักเลยถูกอุปการะโดยคุณธนากร และเพราะตระกูลเทวเทพไม่ยอมรับแม่ลูกคู่นี้
ตอนภารานินท้อง พวกเขาแทบอยากจะฆ่าแม่ลูกสองคนทิ้ง!
แต่ตอนหลัง คุณพ่อของคุณเนติก็ได้เปลี่ยนใจไป
ถึงแม้เป็นเช่นนั้นก็ตาม ความอำมหิตโหดร้ายนั้นยังคงอยู่
แม่ลูกคู่นี้ ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับของตระกูลเทวเทพ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอ ในสายตาของตระกูลเทวเทพ เธอเป็นสิ่ง
แปดเปื้อนที่ทำลายศักดิ์ศรีของครอบครัว และเกินกว่าที่ตระกูลของเธอจะรับได้
เธอทำลายคุณพ่อเขา และทำลายความหวังของตระกูล
ถึงแม้…… เธอจะตายแล้วเกิดใหม่เป็นหมื่นครั้ง ก็ไม่สามารถลบล้างความเกลียดชังนี้ไปได้!
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ถ้าตระกูลเทวเทพรู้ว่าสองแม่ลูกนี้ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะปล่อยแสนรักและแม่รึ? ตระกูลที่มีอำนาจล้นพ้นแบบนั้น การฆ่าคนๆหนึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่าย
แล้วจะเทียบอะไร เมื่อเด็กคนนั้น ที่ตอนนี้มีครอบครัวของตัวเอง และมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว
นิ้วมือของเส้นหมี่เย็นจนสั่นไปหมด
“แม่ แม่…ชอบพี่นายของแม่หรือเปล่าคะ?”
“พี่นาย?” เมื่อภารานินได้ยินชื่อนี้ แววตาไร้เดียงสาของเธอกลับเปลี่ยนเป็นประกายลุกวาว
“ดอกไม้ ฉันจะมอบให้พี่นาย เขาชอบดอกไม้”
เธอลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป เร็วจนเส้นหมี่คว้าตัวเธอไว้ไม่ทัน
เส้นหมี่มองดูความไม่ประสีประสาของเธอ ทันใดนั้น เหมือนเธอครุ่นคิดอะไรบางอย่าง พร้อมกัดฟันกร่อนแล้วมุ่งตรงไปที่ห้องที่ปิดอย่างแน่นหนาของแสงดาว