เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 901
“ฮ่าฮ่า มีราชากระบี่ใต้อยู่ ไอ้พวกกระจอกเหล่านั้นก็คงจะไม่เป็นปัญหาแล้ว การเดินทางในครั้งนี้ พวกเราสามารถสบายใจกันได้แล้ว”

“ใช่เลย ฉันคิดว่าฉันจะขอตัวไปนอนหน่อยแล้ว ไม่แน่เมื่อตื่นขึ้นมา ก็ถึงเมืองหลวงแล้ว”

ทุกคนพากันประจบประแจงปู้เฟยราชากระบี่ใต้อย่างสบายอกสบายใจ

แต่ก็มีคนพบว่า ในบริเวณมุมหนึ่งของห้อง มีคนผู้หนึ่งกำลังหลับตาอยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะลุกยืนขึ้น เหมือนกับกำลังนอนหลับอยู่อย่างไรอย่างนั้น

คนผู้นี้ก็คือลู่ฝาน แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาก็ยังไม่สนใจเลย

เขากำลังสงบจิตใจรวบรวมพลัง เพื่อขับเคลื่อนปราณชี่

สิบสามที่อยู่ด้านหลังเขานั้นมีสีหน้าท่าทางที่เฉยเมย ทำเหมือนว่าไม่ได้สนใจเรื่องราวอะไรเลย

เฝิงอิ่งเห็นลู่ฝานแสดงท่าทางแบบนี้ จึงแอบดุด่าขึ้นว่า: “ไอ้หนุ่มคนนี้ ช่างไร้มารยาทเสียจริง”

ปู้เฟยราชากระบี่ใต้เองเมื่อเห็นท่าทางของลู่ฝานแล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

นักบู๊หลายคนที่ยืนอยู่ด้านข้างของปู้เฟยก็มองไปตามสายตาของราชากระบี่ใต้จนพบเห็นลู่ฝาน จึงขมวดคิ้วขึ้นทันทีพร้อมพูดว่า: “ไอ้คนที่ชอบง่วงเหงาหาวนอนนี้มาจากไหนกัน ไปที่ไหนก็นอนหลับที่นั่น! ”

กลุ่มคนพากันหัวเราะเหอะเหอะเหอะยกใหญ่

เวลานี้เฝิงอิ่งก็พลันพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ: “ฉันว่าทำเป็นแกล้งนอนหลับต่างหาก”

ตอนนี้ลู่ฝานได้ลืมตาขึ้น และค่อย ๆ หันมองไปที่เฝิงอิ่ง

เฝิงอิ่งไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวอะไร และจ้องเขม็งไปที่ลู่ฝานเช่นกัน ในท่าทีที่ว่าหากนายแน่จริงก็ลงมือจัดการฉันเลยสิ

เวลานี้ราชากระบี่ใต้ได้ส่ายมือไปมาและพูดว่า: “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ก็แค่คนรุ่นหลังที่ไม่รู้จักเคารพสัมมาคารวะต่อผู้อาวุโสก็เท่านั้นเอง”

คำพูดที่ถากถางนี้ หากว่าหานเฟิงอยู่ที่นี่ ก็คงจะออกตัวดุด่าไปแล้ว

แต่ลู่ฝานไม่ใช่หานเฟิง คำพูดถากถางหล่านี้ เขามักจะทำเป็นหูทวนลม แล้วก็ค่อย ๆ หลับตาลงอีกครั้ง เพื่อสงบจิตใจและพักผ่อนต่อไป

สภาพท่าทางที่เฉยชาแบบนี้นั้นกำลังบ่งบอกว่า พวกนายไม่ต้องมาสนใจฉัน ดำเนินการต่อไปตามสบายเลย

ปู้เฟยราชากระบี่ใต้เห็นลู่ฝานเป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก แล้วก็เดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ท่ามกลางกลุ่มคนที่รายล้อม

การแสดงออกของลู่ฝาน ทำให้ถูกหลายคนตำหนิติเตียน และต่างก็กำลังสืบเสาะกันอยู่ว่าคนผู้นี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ขนาดพบเจอกับยอดฝีมือแดนปราณดินแล้ว ก็ยังไม่แสดงความเคารพอีก ช่างเป็นคนรุ่นหลังที่กำเริบเสิบสานยิ่งนัก!

ทางฝ่ายนี้ เฝิงอิ่งได้พูดขึ้นว่า: “นายดูเขาสิ ไม่สะทกสะท้านอะไรเลย ถึงขนาดได้ล่วงเกินยอดฝีมือแดนปราณดินแล้วก็ยังไม่รู้ตัวอีก คนประเภทนี้ หากว่าไปที่เมืองหลวงแล้ว คาดว่าคงจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงหนึ่งเดือน”

หยวนเลี่ยมองไปทางซ้ายทีมองไปทางขวาที โดยที่ไม่ได้พูดอะไร

เซี่ยงจู้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดว่า: “เฝิงอิ่ง พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ เพราะถึงอย่างไรทางเขาก็เชิญพวกเรามาทานอาหารแล้ว แบบนี้มันไม่ค่อยดีนัก”

เฝิงอิ่งจึงปิดปากลง ไม่พูดอะไรอีก

เจ้าดำหมอบอยู่บนโต๊ะ และมองไปยังปู้เฟยราชากระบี่ใต้ที่อยู่บนชั้นสอง พร้อมกับกัดฟันทำหน้าดุใส่

เจ้าดำนั้นมองว่า แดนปราณดินจะมีอะไรที่พิเศษยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน ก็เคยฆ่ามาแล้วไม่ใช่เหรอ?

ลู่ฝานเองไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เลยจริง ๆ เขากำลังปรับสภาพปราณชี่ของตนเองอยู่ เพราะปราณชี่ในร่างกายไหลเวียนวนไปวนมา จนกลายเป็นกระแสน้ำวนแล้ว

ในทุกกระแสน้ำวน ก็เช่นเดียวกับตันเถียน ที่ดูดซับพลังฟ้าดินภายนอกได้อย่างรวดเร็ว และยังไม่ส่งผลกระทบต่อพลังฟ้าดินรอบด้านแม้แต่น้อยอีกด้วย

นี่ก็คือการทะลุขั้นในขณะที่เขาอยู่ในคุกใต้ดิน นี่ก็คือผลสำเร็จที่เขาแลกมาด้วยความเป็นความตาย

ทุกครั้งที่หายใจเข้าออก พลังความสามารถก็จะเพิ่มมากขึ้น ลำพังแค่อาศัยการหมุนเวียนของชี่ทั้งเก้า ก็สามารถรับรองได้ว่าความรวดเร็วในการบำเพ็ญฝึกฝนของเขานั้น เทียบได้กับเก้าเท่าของผู้อื่น

นี่ก็คือหนึ่งในผลลัพธ์ความสามารถของพลังความเป็นความตายวนเวียน

ไม่รู้ว่าบำเพ็ญฝึกฝนอยู่นานเท่าไร พลันก็มีเสียงดังผ่านเข้ามาที่ข้างหู

“ทุกท่าน พวกเราใกล้จะถึงรังหนอนแล้ว ทุกคนเตรียมพร้อมกันได้แล้ว! ”

เวลานี้ลู่ฝานก็ได้ลืมตาสองข้างขึ้น พร้อมกับแววตาที่ประกายสว่างไสว แล้วก็เก็บสายตาขึ้นอย่างรวดเร็ว

ลู่ฝานรีบเดินตามทุกคนออกมาจากห้อง

สภาพเบื้องหน้าที่เห็นกันอยู่นี้ ทำให้ลูกตาของเขาเบิกกว้าง

นี่ก็คือรังหนอนที่ขวางกั้นอุโมงค์ข้ามมิติอย่างนั้นเหรอ?

ช่างยิ่งใหญ่งดงามเป็นอย่างมากทีเดียว!