ไหมยักษ์สีแดงกองพะเนินเทินทึก อยู่เต็มไปทั่วอุโมงค์ข้ามมิติ

ไหมทุกตัวมีความสูงสามสิบกว่าเมตร กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับหัวใจ เมื่อมองไปแล้ว มากมายจนนับจำนวนไม่ได้

นอกจากไหมยักษ์แล้ว ก็ยังมีหนอนอากาศธาตุที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ ตัวมันมีหกขาและมีดวงตาสีเขียว ลักษณะคล้ายกับตั๊กแตน ร่างกายใหญ่โต มีกระดองสีแดงปกคลุมด้านนอก เมื่อมองจากระยะไกลแล้ว จะสะท้อนให้เห็นเป็นสีสันมากมายอยู่ภายในอุโมงค์ข้ามมิติ

หนอนทุกตัวนั้น มีขนาดใหญ่อย่างน้อยหกเมตร เมื่อกวาดสายตามองไป ก็ไม่รู้ว่ามีหนอนยักษ์จำนวนมากมายเท่าไร กองพะเนินอยู่เต็มสายตาไปหมด

พวกมันสามารถพ่นหลอดยาวที่คล้ายกับลูกปัดออกมาได้ โดยพุ่งเสียบเข้าไปในอุโมงค์ข้ามมิติ

จากนั้น พลังฟ้าดินที่บริสุทธิ์ท่ามกลางอุโมงค์ข้ามมิติ ก็ถูกดูดซับเข้าไปในร่างกาย ไม่นานนัก พวกหนอนแต่ละตัวก็เริ่มมีร่างกายพองโตขึ้น ช่วงท้องสีแดงได้ขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหนอนตัวนี้มีลำตัวพองโตอย่างที่สุดแล้ว มันจึงจะหยุดการดูดซับ แล้วก็คลานกลับไปที่ข้างรังไหม พร้อมกับนำพลังที่ตนเองดูดซับมาได้นั้น พ่นใส่เข้าไปภายในรังไหมทั้งหมด

หนอนแทบจะทุกตัวต่างก็กำลังทำการแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอด

มีเพียงหนอนยักษ์ขนาดใหญ่ไม่กี่ตัวในรังไหม ที่เหมือนจะเป็นผู้ตรวจสอบ มองดูหนอนตัวอื่นอยู่

หนอนตัวที่ค่อนข้างใหญ่เหล่านี้ กระดองบนตัวของมันนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวแดงแล้ว ซึ่งมีร่างกายที่ใหญ่โตกว่าสิบห้าเมตร

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ก็อดที่จะสูดหายใจลึกไม่ได้

แม้แต่ลุงชางเองก็ยังตื่นตกใจเลย เขาแทบจะคิดไม่ถึงว่า จะมีหนอนจำนวนมากมายขนาดนี้

“มากมายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยะ? ในข้อมูลรายงานไม่ใช่บอกว่า จะมีหนอนเพียงแค่ห้าถึงหกตัวขวางทางอยู่ไม่ใช่เหรอ? นี่มันมีตั้งห้าหกสิบตัวเห็นจะได้! ”

ลุงชางร้อนใจจนเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผาก จำนวนหนอนที่มากมายขนาดนี้มันเกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้อย่างมากเลยทีเดียว

ไม่เพียงแต่เขา นักบู๊คนอื่นในที่แห่งนี้ ต่างก็ตื่นตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน

ลุงชางตะโกนเสียงดังขึ้นว่า: “หยุดก่อน ทุกคนหยุดก่อน! ”

หลังจากที่ลุงชางได้ตะโกนขึ้นนั้น ทุกสิ่งที่เดินทางผ่านมิติต่างก็หยุดลงกันทั้งหมด

อุโมงค์ข้ามมิติก็ยังคงเคลื่อนตัวต่อไป ลู่ฝานและคนอื่น ๆ ก็กำลังมองมาที่พวกหนอนยักษ์เหล่านั้นจากระยะไกล

โดยที่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะพวกหนอนเหล่านี้มีประสาทสัมผัสรับรู้ที่ย่ำแย่กว่ามนุษย์มากหรืออย่างไร พวกมันถึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีมนุษย์อยู่ในระยะที่ไกลออกไป จึงได้เอาแต่ยุ่งทำการในเรื่องของตนเองอยู่อย่างเดียว

ลุงชางหันหน้ามองไปที่ทุกคน พร้อมกับยกมือแสดงความเคารพและพูดว่า: “ยอดฝีมือทุกท่าน สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง ทุกท่านลองดูสิว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี”

ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน ฉันมองนายนายมองฉัน โดยที่ไม่ได้พูดอะไร ทันใดนั้นก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า: “ต้องขอโทษด้วย เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินทางในเส้นทางนี้ ใครสามารถที่จะแนะนำไอ้พวกหนอนนี้ให้ฟังหน่อยได้ไหม? พวกมันมีพลังความสามารถมากแค่ไหน ซึ่งฉันสังเกตเห็นว่าพวกมันมีร่างกายที่ใหญ่โต แต่ก็ไม่มีจุดใดที่ผิดปกติ ตกลงพวกมันมีพลังความสามารถที่ธรรมดา? หรืออย่างไรกันแน่? ”

ที่ชายวัยกลางคนถามขึ้นนั้นก็ตรงกับสิ่งที่ลู่ฝานต้องการจะสอบถามขึ้นพอดี
ลุงชางเห็นว่าคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ที่นี่ต่างก็มีสีหน้าที่สงสัย จึงพูดอธิบายขึ้นว่า: “ขอโทษด้วย ต้องขอโทษด้วย ที่ฉันลืมพูดเรื่องพวกหนอนเหล่านี้กับทุกคนเลย หนอนนี้มีชื่อว่าหนอนเกราะอากาศธาตุ หรือมีอีกชื่อว่าหนอนเลือดเขียว ถือกำเนิดขึ้นในอากาศธาตุ อาศัยพลังฟ้าดินเป็นอาหาร มีกระดองที่แข็ง ในเลือดมีพิษ และมีพลังความแข็งแกร่งอย่างมาก ซึ่งพลังความสามารถของหนอนเกราะอากาศธาตุหนึ่งตัวนั้น เทียบเท่าได้กับนักบู๊แดนปราณนอกเลยทีเดียว”

ทุกคนพลันถอนหายใจยาว เพียงแค่เทียบเท่ากับนักบู๊แดนปราณนอก ก็ยังสามารถที่จะต่อสู้ได้

เวลานี้เฝิงอิ่งพูดขึ้นว่า: “นักบู๊ที่ร่วมเดินทางมากันในครั้งนี้ ขั้นต่ำจะต้องอยู่ในแดนปราณนอก ถ้าหากเป็นหนอนแดนปราณนอกแล้ว ก็คงจะสามารถต่อกรได้อย่างสบาย แน่นอนว่า มีบางคนที่แอบลักลอบ หรือแอบจ่ายเงินแล้วมาเข้าร่วมนั้น ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งไป เพราะพวกเขาไม่ได้วัดที่พลังความสามารถในการต่อสู้”

ขณะที่พูด เฝิงอิ่งก็ได้แกล้งทำเป็นเหลือบมองไปยังทิศทางที่ลู่ฝานอยู่

คำพูดของเฝิงอิ่งได้รับการตอบรับเห็นด้วยจากผู้คนจำนวนไม่น้อย ซึ่งทุกคนต่างก็พากันพยักหน้า