ลุงชางพูดขึ้นว่า: “ทุกท่าน อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ดีเกินไปนัก พวกหนอนธรรมดาเหล่านี้มีพลังความสามารถเพียงขั้นแดนปราณนอกนั้นก็ใช่อยู่ แต่พวกท่านลองดูไปที่พวกหนอนที่มีเกราะสีเขียวแดงเหล่านั้นสิ พวกนั้นได้ถูกขนานนามว่าเป็นจอมพลหนอน ซึ่งพลังความสามารถของพวกมัน สูงขึ้นไปอีกหนึ่งระดับขั้น เทียบเท่าได้กับนักบู๊แดนปราณชีวิตเลย”

เวลานี้ปู้เฟยราชากระบี่ใต้ก็ได้เดินขึ้นมาด้านหน้า และพูดขึ้นว่า: “พวกหนอนเหล่านี้ มอบให้เป็นหน้าที่ของฉันก็แล้วกัน พวกเราจะถูกปิดกั้นเส้นทาง เพราะพวกหนอนเหล่านี้ได้อย่างไร คุณชาง ยังมีอะไรที่จะต้องกำชับอีกไหม? ”

ลุงชางครุ่นคิดอย่างละเอียดและพูดขึ้นว่า: “น่าจะไม่มีอะไรแล้ว ฉันก็แค่มีความกังวลใจอยู่บ้างก็เท่านั้น”

ดวงตาของลุงชางประกายแสงที่ผิดปกติขึ้น จึงหันหลังกลับมา และพูดขึ้นว่า: “แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น หากทุกท่านต้องการที่จะต่อสู้จริง ๆ ล่ะก็ สามารถทดลองก่อนได้ ฉันแนะนำให้โจมตีในระยะไกลดูก่อน”

“มีเหตุผล! ”

ราชากระบี่ใต้พยักหน้าและพูดขึ้น

จากนั้น ราชากระบี่ใต้ก็ชักกระบี่ออกมาจากเอว โดยกระบี่มีความยาวสามฟุต ประกายแสงสีเงินเรืองรอง บนตัวกระบี่มีลวดลายที่ซับซ้อน แล้วราชากระบี่ใต้ก็ร่ายรำเพลงกระบี่ และพูดขึ้นว่า: “มีใครอาสาที่จะไปฆ่าพวกหนอนเหล่านั้นกับฉันบ้าง? ”

ทุกคนตะโกนส่งเสียงตอบรับ แต่ลู่ฝานไม่พูดไม่จาอะไร เขามองดูพวกหนอนเหล่านี้อยู่ในระยะไกล และรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ นี่คือสัญชาตญาณความรู้สึก ที่พูดออกมาไม่ได้อย่างชัดเจน

แต่อย่างไรเขาก็สามารถรู้สึกได้ว่า รังหนอนบริเวณนี้ คงจะไม่ได้ง่ายดายอย่างที่กำลังเห็นอยู่ในขณะนี้อย่างแน่นอน

ลู่ฝานใช่ฝ่ามือลูบไล้ไปที่ร่างของเจ้าดำ และถามขึ้นว่า: “เจ้าดำ เจ้าคิดว่าพวกหนอนเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้าง”

เจ้าดำพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า แสดงออกว่าตัวเองก็ไม่ค่อยแน่กันเหมือนกัน

เวลานี้ ผู้คนบนเรือ ก็ได้พากันกระโดดลงจากเรือตามราชากระบี่ใต้ และเหยียบลงไปยังเรือกระบี่ลำหนึ่งที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อย

ไม่ต้องคิดมากเกี่ยวกับเรือกระบี่ลำนี้ ก็สามารถคาดเดาออกได้ว่าเป็นสิ่งที่เดินทางผ่านมิติของราชากระบี่ใต้

ใช้กระบี่ยาวเป็นเรือ อักษรยันต์อยู่ที่ตัวเรือ มีความสวยงามอย่างที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะท่าทางที่โอ้อวดของราชากระบี่ใต้

ราชากระบี่ใต้ถือกระบี่ยาวในท่วงท่าที่องอาจกล้าหาญ เตรียมนำพาพวกยอดฝีมือออกเดินทาง ภายใต้สายตาของทุกคนที่กำลังจับจ้อง

ทันใดนั้น เฝิงอิ่งก็พลันมองไปยังลู่ฝานที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด และพูดขึ้นว่า: “ลู่ฝาน นายเองจะเข้าร่วมด้วยไหม? ”

ทุกคนได้ยินดังนั้นก็หันมองไปยังลู่ฝาน ซึ่งในสายตา ก็แฝงไปด้วยความดูหมิ่นเหยียดหยามอยู่บ้างเล็กน้อย

ลุงชางเองก็มองไปที่ลู่ฝานและพูดขึ้นว่า: “ลู่ฝานไม่เตรียมตัวไปเข้าร่วมด้วยเหรอ? ”

ลู่ฝานครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วก็หันมองไปที่สิบสามและพูดว่า: “สิบสาม นายลองไปดูก่อน ถ้าหากมีอะไรที่ผิดปกติ ก็รีบกลับมา”

สิบสามพยักหน้าอย่างเข้าใจ เงาร่างหายวับ กลายเป็นสายลมลงมาอยู่บนลำเรือ

เมื่อเห็นสิบสามขึ้นมาบนเรือแล้ว คนอื่นก็ไม่พูดมากอะไรอีก ถึงอย่างไรพวกเขาก็มองว่า ลู่ฝานก็แค่เด็กหนุ่มที่ไร้ความสามารถคนหนึ่งเท่านั้น หากเขาจะขึ้นเรือมา คาดว่าก็คงจะมีบางคนที่คัดค้านด้วย

หมดหนทาง ผู้ที่ฝึกทั้งบู๊และชี่อย่างเขา คนอื่นจะมองออกได้โดยง่ายอย่างไรกัน กอปรกับหลังจากที่ฝึกฝนพลังความเป็นความตายวนเวียนจากในคุกใต้ดินแล้ว ร่างกายของเขาก็เผยกลิ่นอายลมหายใจที่ลึกลับ แม้แต่พวกอาจารย์ที่รู้จักเขาซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะลงมือนั้น ก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้ถึงวิทยายุทธของเขาเลย โดยพวกคนเหล่านี้ ก็ยิ่งจะมองไม่ออก ได้แต่ถือว่าลู่ฝานเป็นคนที่อ่อนแอไร้ความสามารถ

ลู่ฝานเองก็ไม่ได้ชี้แจงอะไร เขาได้แต่ยืนอยู่บนเรือมังกร และมองไปยังราชากระบี่ใต้มุ่งหน้าไปหาพวกหนอนเหล่านั้น

ลู่ฝานค่อย ๆ เดินเข้าไปยังด้านข้างลุงชาง และพูดขึ้นว่า: “ลุงชาง เมื่อครู่ท่านพูดว่ามีเรื่องกังวลใจอะไรเหรอ ฉันขอถามท่านได้ไหมว่ากำลังกังวลใจเรื่องอะไรอยู่? ”

ลุงชางพูดว่า: “ก็แค่กังวลใจไปเรื่อยเปื่อยก็เท่านั้น ไม่มีอะไรต้องพูดถึงหรอก”

ลู่ฝานพูดว่า: “ฉันอยากจะรับฟัง”

ลุงชางมองไปที่ลู่ฝาน โดยสีหน้าท่าทางก็เคร่งเครียดขึ้นมาบ้างเล็กน้อย