TB:บทที่ 306 ความต้องการของหวู่เต่าเทียน

 

“ในเมื่อเขายืนกรานว่าจะไม่กลับไปที่เทวาจุติ เอาล่ะ พวกคุณก็ควรกลับไปได้แล้ว นอกจากนี้ ตอนนี้เขาได้สูญเสียความมั่นใจไปหมดแล้ว ถึงเขาจะกลับไป เขาก็เป็นได้แค่คนไร้ประโยชน์ ไม่ทราบว่าเทวาจุติของพวกคุณต้องการคนพิการด้วยเหรอครับ?” เฉินหลงกล่าว

 

หวู่เต่าเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยในตอนที่ได้ยินเฉินหลงพูดออกมาว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ ทันใดนั้น ก็ทำหน้าเหมือนกับว่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จริงอยู่เขารับแรงดีดจากอีกฝ่ายไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลายเป็นขยะเสียหน่อย…

 

เมื่อเห็นหวู่เต่าเทียนยังคงยืนกรานว่าเขาจะไม่กลับไป หวู่ชิงหยางก็รู้สึกทุกข์ใจมากขึ้นกว่าเก่า เนื่องจากว่าเขาไม่เคยมีลูกมาก่อน เขาจึงชอบคิดว่าหวู่เต่าเทียนเป็นเหมือนกับลูกชายแท้ๆของตน

ประกอบกับพรสวรรค์ของหวู่เต่าเทียนแล้ว มันทำให้หวู่ชิงหยางประทับใจในตัวเขามาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าความล้มเหลวจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดหวังถึงเพียงนี้

 

“ถ้าหลานชายของฉันกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ แสดงว่าเขาก็ไม่มีประโยชน์กับคุณเหมือนกันนะสิ ถ้าอย่างนั้น ทำไมคุณถึงไม่คืนเขาให้กับพวกเราละครับ? ไม่ทราบว่าคุณต้องการจะทำอะไรกันแน่ครับ?”

ไม่ว่าหวู่เต่าเทียนจะกลายเป็นคนที่ใช้การไม่ได้ แต่เขาก็เป็นถึงญาติของเขา หวู่ชิงหยางจึงต้องการพาเขากลับไปด้วยกัน

“ขอโทษที่เขามีประโยชน์กับผม ผมคงปล่อยให้พวกคุณพาเขากลับไปไม่ได้ อีกอย่าง คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่อยากกลับไป เขาถึงได้ขอโทษพวกคุณยังไงล่ะครับ” เฉินหลงยักไหล่และปฏิเสธหวู่ชิงหยางไปตรงๆ

 

“ท่านลุง ในเมื่อพี่เต่าเทียนไม่ได้เป็นอะไรก็ดีแล้ว พวกเรากลับกันเถอะครับ บางทีให้เขาอยู่กับคุณเฉินก็อาจจะดีกับตัวเองมากกว่า” ในเมื่อคนอย่างเฉินหลงได้ตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว ไม่ว่าคุณจะเกลี้ยกล่อมเขายังไง มันก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นถังเต่าหูจึงเปลี่ยนเป็นเกลี้ยกล่อมหวู่ชิงหยางแทน

“ท่านลุง ได้โปรด กลับไปเถอะครับ ผมไม่เป็นไร…” หวู่เต่าเทียนหันไปพูดกับหวู่ชิงหยางอีกรอบอย่างช่วยไม่ได้

เขารู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะกลายเป็นตัวอะไรในสายตาคนอื่น หวู่ชิงหยางก็ไม่มีทางยอมทิ้งเขาไปง่ายๆ แต่เขาไม่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้ เขาไม่มีหน้ากลับไปกับอีกฝ่ายแล้วจริงๆ

 

“คุณเฉิน ผมขอพักที่นี่ได้ไหมครับ? ผมยินดีจ่ายเงินค่าที่พักให้คุณด้วยก็ได้ แพงขนาดไหน ผมก็ยินดีจ่าย” ทันใดนั้น เกิดความคิดชั่วร้ายสายหนึ่งแล่นเข้ามาในสมองของหวู่ชิงหยาง

ทันทีที่ได้ยินหวู่ชิงหยางพูดอย่างนั้น ถังเต่าหูก็อยากจะร้องตะโกนว่า ‘อ๊ากกกกก’ ออกมาอย่างอดไม่ได้

 

ถ้าหากหวู่ชิงหยางอยู่ที่นี่ แล้วให้เขากลับไปเพียงลำพังจริงๆ เขาไม่อยากจะนึกเลยว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย โอ๊ย! ท่านลุงอย่าก่อเรื่องจะได้ไหมครับ?

“ท่านลุง ศิษย์พี่เต่าเทียนไม่เป็นอะไรหรอกครับ ท่านลุงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่กับเขาหรอก อีกอย่าง ถ้าท่านลุงอยู่ที่นี่จะเป็นการรบกวนคุณเฉินมากกว่า ถ้าท่านลุงให้ผมกลับไปคนเดียว แล้วผมจะบอกกับหัวหน้าว่ายังไงล่ะครับ” ถังเต่าหูหันไปพูดกับหวู่ชิงหยางอย่างจนปัญญา

 

“ถ้านายไม่รู้ว่าจะบอกกับเขายังไง ก็ให้บอกเขาไปว่า ฉันชอบที่นี่มาก อยากอยู่ที่นี่สักพัก ก็ได้” หวู่ชิงหยางหันไปบอกกับถังเต่าหู

ถังเต่าหูหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเฉินหลงพร้อมกับพูดออกมาว่า “อ่า.. แต่คุณเฉินบอกผมว่าเขาไม่ต้องการให้ท่านลุงอยู่ที่นี่นะครับ”

ถังเต่าหูกล่าวออกมาโดยหวังว่าเฉินหลงจะเล่นตามน้ำเขา และไม่ยอมให้หวู่ชิงหยางได้อยู่ที่นี่

อย่างไรก็ตาม ถังเต่าหูกลับรู้สึกผิดหวังขึ้นมาในทันทีที่รู้ว่าเฉินหลงยินดีให้เขาอยู่ที่นี่

“ได้เลย ถ้าคุณอยากอยู่ที่นี่ก็เชิญตามสบายเลยครับ”

 

เมื่อได้ยินคำอนุญาตจากเฉินหลง ถังเต่าหูถึงกับพูดไม่ออก จึงขออาศัยอยู่ที่นี่ด้วยอีกคน เพราะสุดท้าย ถ้าจะให้เขากลับไปคนเดียว เขาอาจถูกผู้อาวุโสดุเอาได้ เขาขอพักที่นี่ดีเสียกว่า

สำหรับคำขอของถังเต่าหู เฉินหลงไม่ได้ปฏิเสธ เพราะส่วนตัวแล้ว เขาเองก็มีแผนการอะไรบางอย่างอยู่เช่นกัน

 

หลังจากที่เฉินหลงยอมให้ถังเต่าหูอยู่ที่นี่ด้วย เขาก็ได้บอกกับอีกฝ่ายว่า “วันนี้ พวกคุณสามคนไปยืนตรงประตู แล้วช่วยดูมันให้ผมหน่อยสิครับ”

“อะไรเหรอครับ?” ถังเต่าหูนึกสงสัย

“รบกวนช่วยดูเวทต่อสู้ของผมให้หน่อยได้ไหมครับ”

จากนั้น เฉินหลงก็เริ่มใช้เวทต่อสู้ของตัวเอง

 

ครั้งนี้ ข้างหลังของเฉินหลงมีเทพแห่งยักษ์ตนหนึ่งที่รูปร่างคล้ายคลึงกับของหวู่เต่าเทียน แต่พลังที่แผ่ออกมากลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากหวู่เต่าเทียน เฉินหลงได้อัญเชิญร่างยักษ์ขนาดมหึมาออกมา ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของระดับหลอมรวมธรรมชาติ

เฉินหลงอัญเชิญพลังของร่างยักษ์ออกมา แล้วใช้พลังควบคุมให้หวู่เต่าเทียนและถังเต่าหูให้นั่งลงบนพื้น

ถึงอย่างไร ในสายตาของหวู่เต่าเทียน เขาไม่เคยมาก่อนเลยคิดว่าการประทับร่างจะมีพลังมากมายขนาดนี้!

ถ้าเขาเคยศึกษาวิชานี้มาก่อน เขาจะไม่มีทางแพ้อย่างน่าอนาถเหมือนอย่างวันนั้นแน่

“ผมอยาก.. อยากศึกษาวิชาที่ทำให้ผมสามารถสู้กับเทพได้!” หวู่เต่าเทียนได้ตัดสินใจแล้ว

 

ฝ่ายถังเต่าหู เขาไม่มีความคิดอื่นนอกจากคำว่า ‘ไม่ใช่คนแล้ว นี่มันไม่ใช่คนแล้ว ปีศาจ ปีศาจชัดๆ!’ วนเวียนอยู่ในความคิดของเขา

ส่วนหวู่ชิงหยางที่ได้เห็นเทพแห่งยักษ์ของเฉินหลงกับตา เขาก็ตระหนักได้ว่า ตัวเขาไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะพูดจาโอ้อวดต่อหน้าเฉินหลงได้ เนื่องจากว่าเฉินหลงสามารถใช้เสิ่นต้าที่ทรงพลังได้อย่างภาคภูมิใจ มันทำให้อีกฝ่ายดูน่าเกรงขามมาก

 

ในตอนที่ร่างนั้นได้ซึมเข้าสู่ร่างกาย เฉินหลงรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งมาก ถ้าตอนนี้มีซ่งจิ่วเทียนยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้เท้าพลังอีกต่อไปแล้ว เพราะเฉินหลงสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ด้วยหมัดเดียวเท่านั้น!

“สุดยอด! นี่แค่เทพที่ยังอ่อนหัดอยู่ ถ้าเป็นเทพที่แข็งแกร่งกว่านี้ นายจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน? หรือว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับปรมาจารย์แห่งดวงดาว เหมือนอย่างที่พี่หว่านซูจื่อบอกเอาไว้

 

เฉินหลงสัมผัสได้ถึงพลังของร่างอวตารเสิ่นต้าที่เข้ามาและแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย

“พวกคุณทุกคนเป็นถึงผู้รักษาประตูของเทพแห่งการต่อสู้ แล้วคุณคิดว่า อะไรคือความแตกต่างระหว่างวิชาเทพต่อสู้ของผมกับของคุณครับ?” เฉินหลงหันไปถามหวู่ชิงหยาง

 

“แข็งแกร่ง ทรงพลัง เวทต่อสู้ที่แท้จริง คุณเฉิน ได้โปรดสอนเทคนิควิชาการต่อสู้ที่แท้จริงให้ผมด้วยเถอะครับ” ทันใดนั้น หวู่เต่าเทียนก็ได้คุกเข่าลงไปตรงหน้าเฉินหลงทันที

เมื่อเห็นว่าหวู่เต่าเทียนคุกเข่าให้เฉินหลง หวู่ชิงหยางถึงกับอึ้ง ถึงเวทต่อสู้ของเฉินหลงจะทรงพลังและหวู่ชิงหยางเองก็รู้สึกอิจฉาอีกฝ่าย แต่เขาต้องนึกเอาไว้เสมอว่าตัวเองมีสำนักอยู่แล้ว เขาไม่สามารถศึกษามันจากเฉินหลงได้ คิดไม่ถึงเลยว่าหลานชายตัวเองจะคุกเข่าขอร้องเฉินหลงเช่นนี้

 

“เต่าเทียน นี่นายทำบ้าอะไร!? นายรู้ไหมว่าตัวเองเป็นถึงศิษย์ของเทวาจุติ!” หวู่ชิงหยางตะคอกใส่หวู่เต่าเทียน

ถึงหลานชายของเขาจะคุกเข่าให้เฉินหลง แต่มันกลับทำให้ความมั่นใจของของเขากลับมา แต่ถึงอย่างไร มันกลับไม่ใช่สิ่งที่หวู่ชิงหยางต้องการ เทียบกับการทรยศต่อสำนัก เขาต้องการให้หวู่เต่าเทียนกลายเป็นขยะ ถึงอย่างไร เขาก็ยังเป็นคนของเทวาจุติอยู่

ฝ่ายถังเต่าหู ในตอนที่เห็นหวู่เต่าเทียนคุกเข่าให้เฉินหลง เขาเองก็มีตกใจเช่นกัน เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมหวู่เต่าเทียนถึงได้ทำเช่นนั้น หรือบางที นี่อาจเป็นข้อแตกต่างระหว่างหวู่เต่าเทียนกับเฉินหลงก็เป็นได้

“แล้วนายจะยอมตัดขาดกับญาติมิตรเพื่อฝึกวิชาไหมล่ะ?” เฉินหลงหันไปถามหวู่เต่าเทียน

เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าหวู่เต่าเทียนจะยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อฝึกวิชานี้

 

“ผมไม่ต้องการตัดขาดมิตร พวกเขาสำคัญต่อผมมาก แต่วิชาที่สุดยอดนี้ก็สำคัญต่อผมเช่นกัน นอกจากนี้ ถึงผมจะศึกษาวรยุทธ์ขั้นเทพจากคุณ พวกเขาก็ยังคงเป็นญาติของผมอยู่…” หวู่เต่าเทียนเหลือบมองเฉินหลงแวบหนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “ท่านลุง ศิษย์น้อง นี่คือหนทางที่จะพาผมไปสู่ความสำเร็จ ผมไม่มีทางเปลี่ยนใจ ได้โปรด อภัยให้ผมด้วย…”