TB:บทที่ 305 เทวาจุติ
ชายอาวุโสรีบวิ่งพุ่งเข้าไปหาเฉินหลงอีกครั้ง หมัดของเขาปรากฎเงาของฝ่ามือมากมายนับไม่ถ้วนจากทั่วทุกด้าน โดยเงานั้นพุ่งเป้าไปที่เฉินหลง ราวกับว่าตอนนี้ชายอาวุโสคนนี้มีแขนอยู่แปดแขนจริงๆ
ด้วยวิชาหมัดนี้ ชายอาวุโสสามารถต่อสู้กับผู้ที่มีพลังอันแข็งแกร่งอย่างหลอมรวมธรรมชาติได้อย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม มันกลับใช้กับเฉินหลงไม่ได้ผล เนื่องจากว่าร่างอมตะนั้นไม่มีทางทำลายได้ มันทำให้เขาสามารถป้องกันการโจมตีทุกรูปแบบที่มีพลังต่ำกว่าระดับปรมจารย์แห่งดวงดาวได้
เฉินหลงยืนนิ่งอยู่กับที่ ปล่อยให้ชายอาวุโสโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้น เขากลับไม่สามารถทำให้เฉินหลงเสียการทรงตัวหรือเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่นาทีเดียว
ครู่ต่อมา เฉินหลงได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “คุณมีพลังแค่นี้เองเหรอครับ? ว้า… น่าผิดหวังจริงๆ”
กล่าวจบ เฉินหลงก็ปล่อยหมัดไปที่ช่วงท้องของชายตรงหน้าด้วยความเร็ว
ตู้ม
หมัดของเฉินหลงทำให้ชายคนนั้นกระเด็นออกไป และแปดเซียนอรหันต์ที่อีกฝ่ายทำการอัญเชิญมา ถูกเฉินหลงซัดออกจากร่างและลอยหายไปในอากาศทันที
“อ่อนชะมัด”
เฉินหลงพ่นลมออกมาหนึ่งครั้งพร้อมกับกล่าวเสียงเรียบ
ในขณะที่ชายอีกคนมองไปที่คนที่อายุน้อยกว่าพร้อมกับอ้าปากค้าง ไอ้เด็กนี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไอ้เด็กนี่ไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย แค่ปล่อยหมัดออกไปหมัดเดียวก็เอาชนะคู่ต่อสู้ได้แล้ว ความแข็งแกร่งของไอ้เด็กนี่เทียบเท่ากับผู้อาวุโสห้าอันดับแรก ช่างแข็งแกร่ง… แข็งแกร่งจริงๆ!
เฉินหลงคลายหมัดและเตรียมที่จะเดินออกไปจากที่ตรงนี้
แต่เนื่องจากว่าชายอาวุโสคนนี้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เมื่อเขาถูกซัดออกไป เขาก็รีบลุกขึ้นจากพื้น และจ้องเฉินหลงด้วยสายตาที่ดุร้าย
“พอได้แล้วครับ” เฉินหลงมองไปที่ผู้ที่อาวุโสกว่าตน
ใบหน้าของชายอาวุโสเต็มไปด้วยความขมขื่น เขาทำตัวไม่ถูก เขาไม่ต้องการยอมรับว่าตนถูกเด็กเมื่อวานซืนซัดหน้าหงาย แต่ถ้าขืนเขาสู้ต่อ หลังจากนี้เขาจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรต่อล่ะ
เฉินหลงกล่าวต่อว่า “ถึงฉันจะแก่ แล้วฉันจะโมโหบ้างไม่ได้รึ เมื่อฉันอายุมากพอที่จะรู้ชะตากรรมของตัวเอง ฉันก็ยังต้องฝึกฝนเพื่อที่จะได้รู้ชะตากรรมของตัวเองอยู่ดี ใจจริง ฉันก็ไม่ได้อยากสู้กับศัตรูทุกวี่ทุกวันเสียหน่อย ฉันกลัวว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกไม่นาน…”
“เหอะ! ฉันแพ้นายก็จริง แต่ฉันก็ไม่ได้อยากให้นายทำตัวจองหองใส่หรอกนะ ถ้านายอยากฆ่าฉันมาก ก็ลงมือซะ เลิกพูดจาเหลวไหลสักที!” คำพูดต่างๆที่เฉินหลงได้กล่าวออกมา ทำให้ชายที่อาวุโสกว่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ในสำนักของเขา คนที่เห็นว่าเขาไม่ใช่คนชอบยิ้ม หรือพูดจาดีๆ แต่เมื่อเขาโกรธขึ้นมา อารมณ์ของชายอาวุโสก็จะระเบิดออกมาทั้งหมด
“หึ ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของคุณ และคุณก็ไม่ใช่ลุงของผม ถ้าคุณอยากตายจริงๆ ผมก็จะจัดให้คุณซะเดี๋ยวนี้เลย!” กล่าวจบ เฉินหลงก็ได้ระเบิดพลังหลอมรวมธรรมชาติออกมา และเดินตรงไปที่ชายอาวุโสทีละก้าว
เมื่อรับรู้ถึงพลังมหาศาลของหลอมรวมธรรมชาติที่แผ่ออกมาจากร่างของเฉินหลง พร้อมกับใบหน้าเย็นชาไร้ความเมตตาของเฉินหลงแล้ว ชายอาวุโสนึกเสียใจขึ้นมาในทันที เขาอยากจะตบปากตัวเองแรงๆสักที ทำไมเขาถึงได้เผลอพูดอะไรพรรค์นั้นออกไปได้
ในขณะเดียวกัน เฉินหลงได้เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พร้อมกับจิตสังหารของเฉินหลงที่ค่อยๆแผ่ออกมาเช่นกัน
จิตสังหารนี้ถูกกำจัดโดยเฉินหลงในภูเขาหนึ่งแสนลูก การปลดปล่อยมันออกมาเพียงเล็กน้อยสามารถดึงความสนใจจากอีกฝ่ายได้ไม่น้อย
ในตอนที่ชายอาวุโสสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเฉินหลง ใบหน้าของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีซีดในทันที จิตสังหารรุนแรงมาก! เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน!?
ในตอนนี้ หัวใจของชายชรารู้สึกเสียใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขาได้แต่นึกเสียใจกับตัวเองว่า ทำไมเขาถึงได้ไปยั่วโมโหเฉินหลง แม้ว่าเขาจะต้องการขอความเมตตาจากเฉินหลงขนาดไหน เขาก็ไม่มีทางยอมเสียหน้าให้หลานตัวเองเห็นเป็นอันขาด แต่ในตอนนี้ เขายังไม่รู้ตัวเองควรจะทำยังไงต่อไป
ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ไม่ไกลก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเฉินหลงเช่นกัน เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาเฉินหลงและเกลี้ยกล่อมเขาว่า “คุณเฉิน! คุณเฉิน! ผมต้องการจะสื่อว่า ที่เรามาวันนี้ก็แค่เจรจากันเท่านั้น พวกเราอย่าทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่เลยนะครับ มันคงไม่ดีแน่ถ้าพวกเรายังจะทะเลาะกันแบบนี้…”
“หึ เรื่องเมื่อกี้ ไม่ใช่เพราะผมอยากฆ่าเขา แต่เป็นเพราะเขาอยากให้ผมทำ ผมก็แค่ทำให้ความปราถนาของเขาเป็นจริงเท่านั้น” เฉินหลงหยุดฝีเท้า เข้าจ้องมองชายอาวุโสด้วยสายตาเย็นชา โดยที่ในดวงตาคู่นั้นยังคงเต็มไปด้วยจิตสังหาร
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินหลง ชายหนุ่มก็ขยิบตาส่งสัญญาณให้ชายอาวุโสทันที
“คุณเฉินครับ ลุงของผมอาจจะเข้าใจอะไรผิดไป จึงเผลอพรั้งปากออกไปโดยที่ไม่ทันได้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อน ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมจะลองถามเขาให้อีกรอบก็ได้นะครับ คุณลุง ที่คุณลุงพูดออกมาเมื่อกี้ คุณลุงพูดผิดใช่ไหมครับ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับขยิบตาให้ผู้ที่อาวุโสกว่าตน
เดิมที ตอนที่เขาได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ชายอาวุโสรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเขาได้เห็นแววตาที่ไร้ความเมตาปรานีของเฉินหลงแล้ว ชายอาวุโสจึงได้แค่พยักหน้ารับด้วยความไม่เต็มใจเท่านั้น
“คุณเฉิน เห็นไหมครับ คุณลุงของผมยอมรับแล้วว่าที่เขาพูดเมื่อกี้ เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันออกมาเป็นแบบนั้นจริงๆครับ”
ในตอนที่ชายหนุ่มเห็นชายอาวุโสพยักหน้า เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในทันที เขากลัวว่า ชายอาวุโสคนนี้จะยอมให้ความตายมาพรากชีวิตเขาไปจริงๆ
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า การดำรงอยู่ของพวกเขาในอนาคตเปรียบเสมือนกับก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้า
อย่างไรก็ตาม เฉินหลงคงไม่ปล่อยชายอาวุโสที่ยังไม่ได้รับบทเรียนไปง่ายๆ จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ผมยังไม่ได้ยินคำตอบของเขาเลยนะครับ”
คำพูดของเฉินหลงทำเอาชายอาวุโสโมน้ำโหขึ้นมาอีกครา
ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยอะไรออกไป เขาก็ได้เหลือบไปเห็นจิตสังหารที่อัดอั้นอยู่ภายในดวงตาคู่สวยของเฉินหลง ทันใดนั้น โทสะของเขาก็หายวัยไปทันที เหมือนว่าเขาได้แช่ตัวอยู่อ่างน้ำน้ำแข็ง ไม่ได้โมโหเลยแม้แต่นิดเดียว!
“ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ ฉันไม่ทันได้คิดทบทวนให้ดีก่อนจริงๆ คุณเฉินอย่าได้ถือสาฉันเลย ได้โปรด…” ชายอวุโสสารภาพมันออกมาด้วยความสัตย์จริง
“คุณควรจะพักผ่อนอยู่บ้านและไม่ควรออกไปเดินเพ่นพ่านที่ไหน ครั้งนี้ ถือว่าโชคดีมากที่คนที่คุณหามาหาเรื่องคือผม เพราะถ้าเป็นคนอื่น เขาคงไม่ใจดียอมปล่อยคุณไปแบบผมหรอกนะครับ” เฉินหลงว่า ในขณะเดียวกัน จิตสังหารที่แผ่ออกมาก่อนหน้านี้ค่อยๆจางหายไป
ทันทีที่สังเกตเห็นว่าจิตสังหารของเฉินหลงหายไปแล้ว ทันใดนั้น ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจมากขึ้น เขาตอบเฉินหลงไปว่า “ได้เลยครับ วันหลัง ถ้าผมจะออกไปข้างนอก ผมจะไม่พาคุณลุงของผมไปด้วยแล้วครับ”
ประโยคของคนหนุ่มกว่า ทำเอาตาแก่อย่างเขาเกือบจะพ่นเลือดออกมา ฟังๆแล้วมันเหมือนกับว่า เจ้าหลานตัวดีกล่าวหาว่าเขาเป็นตาแก่ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ไม่มีผิด
“เอาล่ะ ตอนนี้ พวกคุณควรจะบอกผมมาได้แล้วว่า พวกคุณเป็นใคร และสำนักของคุณชื่ออะไร” เฉินหลงเอ่ยถามพลางมองไปที่ชายหนุ่ม
“ครับ ผมชื่อถังเต่าหู ส่วนเขาคือท่านลุงของผมชื่อ หวู่ชิงหยาง และเขาก็เป็นลุงคนสนิทของพี่หวู่เต่าเทียน(วู่เต่าเทียน)ด้วย ด้วยเหตุนี้ ในตอนที่ผมได้ยินว่าพี่หวู่กับคุณเฉินเป็นพวกเดียวกันแล้ว ผมจึงรู้สึกเป็นห่วงเขานิดหน่อย ถึงได้พูดจาไม่ดีกับคุณ ผมต้องขอโทษคุณด้วยนะครับ โอ้ะ พวกเราทุกคนคือ ‘สำนักเทวาจุติ’ (ช่างตี้หลายเซียวเหมิน/上帝来㪣門/God knocks on the door /)ครับ” ถังเต่าหู ชายหนุ่มบอกตัวตนและนิกายของตัวเองให้เฉินหลงรู้ด้วยรอยยิ้ม
“หืม เทวาจุติ? ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย…” เฉินหลงส่ายหน้าเล็กน้อย “เอาเถอะ ความสามารถของพวกคุณ นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว”
เดิมที ตอนที่ได้ยินคำพูดตรงๆจากเฉินหลงแล้ว หัวคิ้วของถังเต่าหูอดไม่ได้ที่จะย่นเข้าหากันเล็กน้อย แต่เมื่อเขาได้ยินประโยคต่อมา จู่ๆใบหน้าของเขาก็ผุดรอยยิ้มบางๆออกมาทันที
ความแข็งแกร่งของเฉินหลงนั้นนับว่าแข็งแกร่งมากกว่าปกติ แถมเขาจะพูดออกมาได้ไม่เต็มปากว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สุดยอดมาก
“คุณเฉิน ไม่ทราบว่าตอนนี้ คุณจะยอมให้พี่หวู่ออกมาพบพวกเราได้แล้วยังครับ?” ถังเต่าหูเอ่ยถามอย่างชาญฉลาด
ความคิดของถังเต่าหูนับว่าดีไม่น้อย และเฉินหลงเองก็ไม่คิดที่จะกีดกันเขากับหวู่เต่าเทียนอีกต่อไป จึงยินยอมให้พวกเขาได้พบกับเจ้าตัว
ไม่นานนัก หวู่เต่าเทียนก็ได้เดินอกมาหาถังเต่าหู
“ท่านลุง ศิษย์น้องเต่าหู กลับไปเถอะ ฉันจะไม่กลับไปที่เทวาจุติอีกแล้ว” หวู่เต่าเทียนชิงเอ่ยขึ้น โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้กล่าวทักทายเขาก่อน
เมื่อเห็นท่าทีของหวู่เต่าเทียน ถังเต่าหูถึงกับทำตัวไม่ถูก ส่วนฝ่ายหวู่ชิงหยางกลับแสดงความเสียใจออกมาให้เขาได้เห็น
หวู่เต่าเทียนเป็นถึงอัจฉริยะแห่งเทวาจุติ นอกจากพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศแล้ว เขามักจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ เขาได้สูญเสียความมั่นใจพวกนั้นไปทั้งหมด ถึงความแข็งแกร่งของเขาจะเท่าเดิม แต่ถ้าจอมยุทธ์ขาดความมั่นใจในตัวเองแล้ว ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งสักเพียงไหน เขาก็จะขาดความมั่นใจในการต่อสู้กับศัตรูอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนกลับไม่มีทางเลือก นอกจากปล่อยหวู่เต่าเทียนไว้กับเฉินหลงผู้แข็งแกร่ง