บทที่ 363

คืนวันนี้ถูกกำหนดให้เป็นค่ำคืนแห่งความวุ่นวาย

อู๋ฉีทำให้ทุกคนได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด และอีกฟากหนึ่ง เซียวอี้เชียนกับเว่ยฉางหมิงกลับไปที่ตระกูลเว่ยพร้อมกับโสมม่วงสามต้นที่มีอายุร้อยปี

เซียวอี้เชียนทั้งรู้สึกเสียดายและรู้สึกโชคดีที่ไม่สามารถชนะการประมูลโสมม่วงสามร้อยปีได้ สิ่งที่เขาเสียดายก็คือโสมม่วงนั้นไม่มีทางเทียบได้กับโสมม่วงสามร้อยปีได้ และสิ่งที่เขารู้สึกโชคดีก็คือเขาสามารถประหยัดเงินได้มากกว่า 90 ล้านหยวน……

โสมม่วงสามต้นนั้นเว่ยฉางหมิงเป็นคนพาเขาไปซื้อกับเพื่อน ซึ่งใช้เงินทั้งหมดเพียงแค่ 3 ล้านหยวน ในขณะที่เย่เฉินใช้เงินไปกว่า 100 ล้านหยวนกับโสมม่วงสามร้อยปี

เมื่อเปรียบเทียบแล้วเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที

เขาในขณะนี้หวังแค่ว่าสูตรยาที่ตระกูลเว่ยปรุงแต่งจะสามารถรักษาเขาได้

เนื่องจากยาตัวนี้เป็นความหวังในอนาคตของตระกูลเว่ย ดังนั้นลูกๆ ของตระกูลเว่ยทั้งหมดก็มาถึงที่ แม้แต่เว่ยหย่งเจิ้งหัวหน้าครอบครัวของตระกูลเว่ยก็แบกร่างกายที่อ่อนแอมาดูสถานการณ์ถึงที่ด้วยเช่นกัน

เว่ยหย่งเจิ้งในปีนี้มีอายุมากกว่าหกสิบปีแล้ว เขาสวมชุดสูทจีน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นและเส้นผมสีขาวทั่วศีรษะ เดินเข้ามาอย่างโซเซและไม่สามารถยืดเอวให้ตรงได้ ซึ่งมองแวบแรกก็สามารถดูออกว่าเขาใช้ร่างกายในวัยหนุ่มกับสาวๆ อย่างฟุ่มเฟือยมากเกินไป จนนำไปสู่ความอ่อนแอในวัยชรา

ศาสตราจารย์เคอหัวหน้าเภสัชกรของตระกูลเว่ยในขณะนี้กำลังให้คำแนะนำกับผู้ช่วยของเขาในห้องรับแขกของบ้านตระกูลเว่ย พวกเขาติดตั้งเครื่อง Micro reactor เครื่องกลั่นและเครื่องหมุนเหวี่ยงเพื่อเตรียมปรับใช้ตามสูตรยาใหม่

แม้จะไม่มีโสมม่วงสามร้อยปี แต่ศาสตราจารย์เคอก็ตัดสินใจที่จะลองใช้โสมม่วงร้อยปี

เพราะถ้าต้องใช้โสมม่วงอายุสามร้อยปีจริงๆ อนาคตยาตัวนี้ต้องผลิตยากอย่างแน่นอน

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ยานี้จะมีราคาที่สูงลิ่วและยากที่จะได้ครอบครอง

ดังนั้น ถ้าหากทำการพิสูจน์ได้ว่าโสมม่วงร้อยปีหรือเกรดต่ำกว่านั้นสามารถใช้การได้จริงๆ การผลิตก็จะไม่ใช่ปัญหาและในขณะเดียวกันก็สามารถลดต้นทุนได้มากมายอีกด้วย

ทุกคนในตระกูลเว่ยรู้สึกตื่นเต้นมาก

เพราะถ้าหากสามารถวิจัยยาตัวนี้ได้สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพตามที่คาดหวังไว้ ตระกูลเว่ยก็จะมียาตัวใหม่ที่มีคุณภาพมากกว่าไวอากร้าของชาวตะวันตกและจะกลายเป็นบริษัทยาที่โด่งดังในระดับโลกได้อย่างแน่นอน!

ไวอากร้าเป็นส่วนผสมทางเคมีที่เรียกว่าซิลเดนาฟิล มีผลในการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของเพศชาย ผู้ถือครองยาตัวนี้คือบริษัทรุ่ยฮุย ซึ่งเป็นบริษัทยาชื่อดังในสหรัฐอเมริกา

ยาตัวนี้ทำให้บริษัทรุ่ยฮุยมีมูลค่าในตลาดเพิ่มขึ้นเป็นหลายหมื่นล้านดอลลาร์!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากยาตัวนี้ถูกวางขายในตลาดโลกก็สร้างรายได้ให้กับบริษัทรุ่ยฮุยมากกว่าหลายแสนหยวนเลยทีเดียว!

ที่สำคัญ ถ้าสูตรยาของตระกูลเว่ยสำเร็จ ยาตัวไม่เพียงแต่สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้กับเพศชายเท่านั้น มันยังสามารถบำรุงสุขภาพร่างกายให้กับเพศชายได้อีกด้วย ดังนั้นผลลัพธ์จะดีกว่าไวอากร้าอย่างแน่นอน!

ถึงเวลานั้น ถ้ายาถูกจำหน่ายไปทั่วโลก แล้วจะสร้างกำไรมหาศาลมากเพียงใด?

เซียวอี้เชียนไม่รู้ว่ายาตัวนี้จะสามารถสร้างกำไรได้มากเท่าไรถ้าหากมันสำเร็จ แต่เขาคิดเพียงว่าถ้ายาตัวนี้สามารถรักษาเขาได้ เขาจะหาสาวๆ มาสนองความต้องการของเขาให้อิ่มหนําสําราญไปเลย!

เพราะช่วงที่ผ่านมาเขาอดอยากจนแทบตาย!

เขามองไปที่ศาสตราจารย์เคออย่างประหม่า ศาสตราจารย์เคอซึ่งกำลังชั่งน้ำหนักยาอันล้ำค่าอย่างระมัดระวัง เขาแยกส่วนผสมทีละอย่าง จากนั้นใส่ลงไปในเครื่องหมุนเหวี่ยงตามลำดับ

ศาสตราจารย์เคอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เชิงบูรณาการที่มีประสิทธิภาพในประเทศจีน แพทย์แผนจีนใช้วิธีต้ม จึงทำให้การใช้วัตถุดิบในการปรุงยาค่อนข้างสิ้นเปลืองและความบริสุทธิ์จะน้อยกว่า ดังนั้นถ้าใช้เครื่องปฏิกรณ์สำหรับการเตรียมยาของชาวตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหมุนเหวี่ยงและอุปกรณ์อื่นๆ มันจะทำให้มีประสิทธิภาพในการคัดแยกส่วนผสมของสมุนไพรจีนและจะทำให้บริสุทธิ์กว่าอย่างแน่นอน

เมื่อเว่ยหย่งเจิ้งเห็นสีหน้าของเซียวอี้เชียนเริ่มประหม่า เขาก็ยิ้มพูดกับเซียวอี้เชียน “ประธานเซียวครับ นี่เป็นความลับสุดยอดในการปรุงแต่งยาของตระกูลเว่ยของเรานะครับ เรามีการปรับปรุงสูตรใหม่ จากการคำนวณของศาสตราจารย์เคอ เราได้ขจัดผลข้างเคียงทั้งหมดไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้วนะครับ มันจะกลายเป็นยาวิเศษ และผมก็มั่นใจว่า หลังจากท่านได้ลองใช้มัน ท่านต้องหายดีอย่างแน่นอนครับ!”

เมื่อเซียวอี้เชียนได้ยินเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างตื่นเต้น “เยี่ยมมาก ผมก็หวังว่ายาตัวนี้จะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”

เว่ยหย่งเจิ้งรีบตบหน้าอกของเขาแล้วพูดต่อ “ประธานเซียววางใจเถอะครับ ยาตัวนี้สามารถรักษาอาการของคุณให้หายได้อย่างแน่นอน ก่อนที่จะมีการปรับปรุงสูตรนี้ ผมเดินทางไปทั่วทุกมุมโลกและอาศัยยาวิเศษตัวนี้เผชิญกับสาวๆ นับสิบคนมานัดต่อนัดแล้วครับ”

…………