ตอนที่ 1076 - ซากเทพ

The Divine Nine Dragon Cauldron

“ตัดวิธีแรกไปซะอีกแค่เดือนเดียวแดนมณีก็เปิดแล้ว”
  ซือหยูมองท้องนภากว้างใหญ่ไพศาล
  “วิธีที่สองก็เป็นไปไม่ได้ข้าไม่รู้พิกัดของทวีปจิวโจว”
  “ไม่มีวิธีที่สามแล้วรึ?”
  ซือหยูสีหน้าเคร่งเครียด
  เทพกิเลนส่ายหน้า
  “นอกจากนี้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว!ตอนที่คุกนี้ถูกสร้างขึ้นมา ข้าสร้างไม่ให้มีวิธีในการหนีออกไปได้ มิเช่นนั้นเทพอสูรมณีจะใช้ประโยชน์จากที่นี่”
  ซือหยูเงียบมันจบแล้วจริง ๆ รึ?
  เทพกิเลนหัวเราะเบาๆ
  “แต่วิธีที่สองยังพอใช้ได้”
  ซือหยูขมวดคิ้ว  “ข้าไม่รู้พิกัดจิวโจว…ช้าก่อน!เจ้ารู้งั้นเรอะ?”
  “ฮ่าฮ่าฮ่าไอ้หนูเอ้ย เล่ห์กลเจ้าล้วนคมคาย แต่เจ้าก็ไม่ได้ฉลาดขนาดนั้นสินะ? ข้าเป็นใครกัน? ข้าคือเทพแห่งจิวโจว! จิวโจวคือโลกใบใหญ่ที่พัฒนามาจากจิตวิญญาณเทพของข้า เจ้าคิดว่าข้าระบุพิกัดของจิวโจวไม่ได้หรือ?”
  ซือหยูดีใจ
  “ถ้าเช่นนั้นข้าก็มีเวลาให้หนี! จากพลังกระบี่ที่ข้าทิ้งเอาไว้ นางจะฟื้นตัวได้ในอีกไม่นาน เราเหลือเวลาอีกไม่มากที่จะทิ้งระยะจากสัมผัสของนาง”
  แม้แต่เซียนเองก็ไม่ได้มีพลังสัมผัสไร้สิ้นสุดเมื่อหนีไปเกินระยะหนึ่งแล้ว พวกเขาก็จะเป็นอิสระจากภัยคุกคามของปิงหวูชิง
  แต่เวลาอันน้อยนิดก็มากพอแล้วสำหรับเซียน
  “หึหึใครบอกเล่าว่าเหลือเวลาไม่มาก? ข้าเล่นกลกับนางไปสักหน่อยแล้ว นางจะไม่ลุกขึ้นมาในครึ่งชั่วโมงนี้”
  เทพกิเลนโต้แย้ง
  เล่นกลหรือ?ซือหยูแปลกใจ เทพกิเลนยังเหลืออะไรให้ใช้กับนางอีก?
  “เจ้าลืมเรื่องเสี้ยววิญญาณเซียนในสวนสุสานแล้วหรือ?”
  เทพกิเลนกล่าว
  “เสี้ยววิญญาณเหล่านั้นคือสิ่งที่ข้าวางเอาไว้ในอดีตเหตุผลก็เพื่อป้องกันเทพอสูรมณี!”
  “ใครจะไปคิดเล่าว่าพวกเศษขยะนั่นจะปล่อยนางให้หนีออกมาได้โดยไม่รู้ตัว?นี่คือโอกาสดีที่พวกมันจะได้แก้ตัวแล้ว!”
  ซือหยูตาเป็นประกายด้วยความหวังเขาเกือบจะลืมเรื่องเหล่านั้นไปแล้ว
  แม้จะเป็นแค่เสี้ยววิญญาณวิญญาณเหล่านั้นก็มีพลังของเซียนในยามที่มีชีวิต ประกอบกับแผนของเทพกิเลน เสี้ยววิญญาณเหล่านั้นอาจจะยื้อเวลาได้
  ครึ่งชั่วโมงก็เกินพอแล้ว!
  “ไปตะวันออกเฉียงใต้”
  เทพกิเลนชี้อุ้งเท้าออกไป
  ซือหยูมองด้วยความคาดหวัง
  ในสวนสุสานปิงหวูชิงกระชากเสี้ยววิญญาณที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือเดียว ผมขาวของนางยุ่งเหยิง โลหิตไหลออกมาจากมุมปากเป็นสาย
  นางถูกเหล่าเสี้ยววิญญาณในสวนสุสานกระโจนเข้าใส่ส่วนกลยุทธ์ก็คือการระเบิดตัวเอง! เสี้ยววิญญาณสองสามดวงนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเสี้ยววิญญาณเกือบร้อยดวงเข้ามาพร้อมกัน นางก็ไม่กล้าเสี่ยงด้วยพลังในตอนนี้ แต่การหนีในตอนนี้ก็เป็นเรื่องยากมากพอแล้ว! นางต้องเสียเวลาจัดการเสี้ยววิญญาณทีละดวง
  “เทพกิเลน!!ซือหยูเซี่ยน!!”
  นางทนเจ็บจากแรงระเบิดอีกแรงปิงหวูชิงทั้งแค้นและไม่พอใจ
  ไม่นานนักโลกดำสนิทของซือหยูได้สว่างตระการตาขึ้น เขากำลังจะออกจากโลกมิติมายังโลกใบอื่น ในตอนที่เขาชินกับแสงสว่าง เขาก็หน้าหมอง เขาหยุดที่ทางเข้าของอีกโลกแต่ไม่เข้าไป
  ซือหยูหันไปพูดอย่างเยือกเย็น
  “เจ้าพาข้ากลับมาที่แดนมณีอีกแล้ว!”
  เขาเห็นหอคอยร้อยชั้นเก่าแก่ในสายตาพวกเขายืนอยู่เหนือหอคอย เมื่อก้มลง พวกเขาเห็นทุกจุดในสวนวิชาได้อย่างชัดเจน ซือหยูถึงกับเห็นศิษย์ในจากตำหนักโลหิตที่ยังคงอยู่ในที่แห่งนี้ พวกเขากำลังค้นหาสมบัติใต้พื้นดิน
  เทพกิเลนพาเขาอ้อมกลับมายังสวนวิชา!
  “ไอ้หยาข้าคือวิญญาณประดิษฐ์แห่งแดนมณี เจ้าเคยได้ยินว่าวิญญาณประดิษฐ์ทิ้งสมบัติหรือไม่?”
  เทพกิเลนถอนหายใจ  “แดนมณีกำลังจะถูกทำลายแล้วข้าจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ ไม่งั้นจะต้องแย่แน่”
  ซือหยูหงุดหงิด
  “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?เจ้าอยากเห็นข้าตายเรอะ?”
  เวลาผ่านไปเพียงไม่นานยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะก่อนที่ปิงหวูชิงจะเป็นอิสระมาได้
  “อย่าตกใจ!อย่าไม่ได้เอาเจ้ามาทำร้าย ข้ามีบางอย่างจะให้เจ้า”
  เทพกิเลนพูดไม่นานมันก็ซัดอุ้งเท้าไปยังหอคอย
  ภาพอันน่าตกตะลึงเกิดขึ้นชั้นบนสุดของหอคอย ชั้นที่หนึ่งร้อยเปิดช้า ๆ
  ฟึ่บ!
  ก่อนที่ซือหยูจะได้ตอบสนองเขาก็ถูกพามาที่หอคอยแล้ว
  “เจ้าสงสัยมาตลอดไม่ใช่หรือว่ามีสิ่งใดเหนือชั้นสองของหอคอย?เจ้าจะเข้าใดเมื่อเจ้าได้เห็นชั้นที่หนึ่งร้อย…”
  เทพกิเลนกล่าวเมื่อพูดจบ ชั้นหนึ่งร้อยที่มืดสนิทสว่างขึ้นมา
  แต่เขาไม่ได้เห็นพื้นที่แคบอย่างที่จินตนาการไว้มันกลับเป็นโลกไร้ขอบเขตที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
  สัตว์อสูรอาศัยอยู่ในป่ากว้างใหญ่ที่มีพืชวิญญาณและสัตว์ป่าทุกชนิด
  ไกลออกไปมีหลายเมืองที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ เหล่ายอดฝีมือที่มีพลังหลายระดับบินเหนือเมฆาด้วยความสะพรึงกลัวและตกใจ พวกเขาจ้องมองซือหยูและเทพกิเลนทันทีเมื่อปรากฏตัว
  จากที่พวกเขาเห็นซือหยูและเทพกิเลนได้บุกรุกผ่านรอยแยกมิติเข้ามา ทั้งคู่คือสิ่งแปลกหน้าสำหรับพวกเขา
  “มีโลกมายาอยู่ในหอคอยด้วยรึ?”
  ซือหยูตกใจ
  เทพกิเลนตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก  “ตบหน้าตัวเองดูสิแล้วเจ้าจะรู้”
  “โอ้”
  ปั้ง!
  “ไอ้บ้า!เจ้าตบข้าทำไม?”
  “เจ้าเจ็บไหมล่ะ?”
  “ก็เจ็บน่ะสิ!”
  “โอ้เช่นนั้นนี่ก็ของจริง”
  “พวกเรากลับมาที่จิวโจวรึ?เป็นไปไม่ได้! ไม่มีพลังวิญญาณที่นี่เลย ข้าไม่ได้กลิ่นอายของจิวโจวด้วย”
  ซือหยูกำลังหวาดหวั่น
  ที่นี่ไม่ใช่ทั้งเฉินหลงไม่ใช่ทั้งจิวโจว มีทวีปที่สามอยู่บนโลกด้วยหรือ?
  “ที่นี่คือดินแดนที่ผนึกพลังของเทพอสูรมณีเอาไว้…”
  เทพกิเลนบอกมันพาซือหยูไปยังหน้าภูเขาสูงหมื่นศอกด้วยก้าวพริบตา
  ซือหยูถูกเงาห่มทับที่ใต้ตีนเขาสูงเขารู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง กล้ามเนื้อกระตุกไปมา เขารู้สึกไม่ปลอดภัย
  “ภูเขานี่มันอะไรกัน?”
  ซือหยูเงยหน้ามอง
  “นี่ไม่ใช่ภูเขา!แต่ซากของข้า”
  เทพกิเลนพูดด้วยความปวดร้าว
  จากนั้นเทพกิเลนพาซือหยูขึ้นที่สูง เมื่อก้มลงมองก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึก
  กิเลนขนาดยักษ์จนชวนลืมหายใจนอนอยู่บนพื้นร่างกิเลนมีขนาดหมื่นศอก มันคล้ายกับหมากิเลนและขาดเขาที่เหนือศีรษะข้างหนึ่งไป
  หากเทียบกับหมากิเลนแล้วโครงกระดูกขนาดยักษ์ตรงหน้าเขานี้แข็งแกร่งกว่ามาก!
  ซือหยูยืนหน้าซากด้วยความเลื่อมใสโลหิตไหวเวียนอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตของเขาหลั่งไหลอย่างแรง ทำให้เขาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เขาเป็นเหมือนกับคนธรรมดาที่ได้พบเทพด้วยตาตัวเอง  “นี่คือร่างจริงของเจ้ารึ?”
  ซือหยูถามด้วยความหมั่นใจหลังจากพยายามใจตเย็นอย่างยาวนานด้วยขนาดหมื่นศอก นี่คือครั้งแรกที่เขาได้เห็นสัตว์ป่าที่มีร่างกายมหึมาเช่นนี้
  “ใช่เกือบจะใช่ มันผุกร่อนมาหมื่นครั้งแล้ว ร่างจริงข้าเกือบจะใหญ่เท่าจิวโจว”
  เทพกิเลนตอบอย่างไร้อารมณ์
  ใหญ่เท่าจิวโจวเรอะ?เรื่องราวของเทพไม้ผ่านเข้ามาในสมอง ร่างจริงของนางปกคลุมทั้งจิวโจวเช่นเดียวกัน เป็นดั่งผ้าห่มคลุมทวีป
  เทพทุกคนยิ่งใหญ่ตระการตาเช่นนี้หรือ?
  “เจ้าอยากให้ข้าปล้นศพเจ้าสินะ?”
  ซืหยูถาม
  เส้นเลือดปูดโปนที่หน้าผากเทพกิเลน
  “เจ้ามองอีกทีสิ”
  เมื่อพูดจบเทพกิเลนโบกอุ้งเท้า โครงกระดูกหมื่นศอกเริ่มสั่นทันที  แผ่นพื้นใต้เท้าของทั้งคู่ที่สงบนิ่งมาชั่วกัลป์ได้จมลึกลงไปจนเป็นเหวลึกล้านศอกใต้ดิน
  ซือหยูรู้ความจริงเมื่อได้มองเหวเทพกิเลนไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นแม้แต่น้อย เทพกิเลนกำลังยืนอยู่บนซากศพ! และซากศพนี้ก็คือเงาร่างอสูรแบบเดียวกับในประตูชีวาล่อง!
  มันสูงหมื่นศอกกำยำ เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และดูดุร้าย น่าขยะแขยงถึงที่สุด ความต่างเดียวก็คืออสูรนี้ไม่ได้เป็นสีดำแต่เป็นสีแดงเลือด
  “นี่คือจุดที่เกิดการต่อสู้สุดท้ายของพวกข้านางใช้พลังเทพอสูรสะบั้นจิตวิญญาณเทพของข้า และข้าก็ได้ใช้ผนึกพอดี ข้าจองจำจิตวิญญาณเทพของนางในกรงที่ข้าเตรียมไว้เมื่อหลายพันปีก่อนหน้า จากนั้นนางกับข้าจึงแตกดับไปด้วยกัน”
  เทพกิเลนนึกย้อนเรื่องราวในอดีตน้ำเสียงดูสงบ แต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้าอย่างชัดเจน  ซือหยูมองอสูรใต้เท้าไปมาไม่หยุดสัญชาตญาณบอกเขาว่าอย่าแตะต้องมัน มิเช่นนั้นจะเกิดวิบัติกับตัวเขา
  มันแตกต่างจากซากเทพกิเลนที่ผุพังซากของเทพอสูรราวกับยังมีชีวิตอยู่ มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวกักเก็บไว้ภายใน
  “ข้าเพียงแค่กระชากจิตวิญญาณเทพของเซียนมณีออกมาแต่พลังเทพอสูรของนางมีมากเกินไป ข้าจัดการกับมันไม่ได้ ข้าทำได้แค่ฝังซากนางในชั้นที่หนึ่งร้อยของหอคอย”
  เทพกิเลนอธิบาย
  เป็นไปตามคาดซากศพนี้คือพลังของเทพอสูร หากปิงหวูชิงได้หลอมรวมกับซากของนางเมื่อใด นางจะควบคุมร่างได้และได้รับพลังอีกครึ่งกลับมา
  เมื่อได้เห็นซากเทพอสูรกับตาซือหยูสัมผัสได้ว่าพลังเทพอสูรนี้มากพอที่จะทำลายล้างจิวโจวไม่รู้กี่พันครั้ง!
  “เดี๋ยวสิ!”   ความคิดหนึ่งเกิดขึ้นทันที
  “ผนึกพลังเทพอสูรจะไม่คลายออกมาหลังจากแดนมณีล่มสลายรึ?”
  จ้าวสวนทั้งห้ายังอยู่แล้วทำไมที่ผนึกถึงเปิดออกได้?
  เทพกิเลนเบ้ปาก
  “เฮ้เจ้าช่วยเคารพความเป็นเทพของข้าหน่อยไม่ได้เรอะ?”
  ซือหยูเงียบ
  “ความจริงแล้วความลับแท้จริงของแดนมณีซ่อนอยู่ในหอคอย”
  เทพกิเลนพูดอย่างสงบ
  “หลังจากผนึกเทพอสูรมณีข้ากำลังจะหายไป ข้าไม่มีพลังมากพอที่จะควบคุมแดนมณีที่กว้างใหญ่ได้ ทั้งหมดต้องควบคุมผ่านหอคอย”
  ซือหยูครุ่นคิดก่อนจะพูดอย่างไม่รีบร้อน
  “ไม่แปลกเลยที่ห้าชั้นสุดท้ายในหอคอยจะว่างห้าชั้นสุดท้ายเป็นของจ้าวสวนแต่ละคนสินะ? เพียงแค่ห้าคนนั้นถูกแต่งตั้งให้ไปปกป้องแต่ละสวน”
  “ชิชะเจ้านี่มันหลอกยากหลอกเย็น”
  เทพกิเลนชมเขาและระเบิดเสียงหัวเราะ
  “ถูกแล้วหนึ่งสิ่งจากหอคอยจะถูกเลือกให้สร้างสวน รวมข้าไปด้วยก็มีห้าคนที่ถูกเลือกให้สร้างสวนทั้งห้าที่พวกเจ้ารู้จักนั่นแหละ”
  “ถ้าเช่นนั้นหอคอยก็คือจุดศูนย์กลางของแดนมณีใช่ไหม? ถ้าหอคอยควบคุมได้ แดนมณีก็จะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ได้เหมือนกันหรือ?”
  เรื่องนี้อธิบายเหตุที่เทพกิเลนปรับเปลี่ยนกฎที่มีแต่เดิมของแดนมณีได้ตามใจแม้จะเหลือเพียงแค่เสี้ยววิญญาณ
  “คุยกับเจ้าช่างง่ายดายนัก”
  เทพกิเลนพูดอย่างโล่งใจ
  ซือหยูถลึงตา  “แต่เจ้าคงพูดไม่ได้ง่ายๆ อีกแล้วล่ะ”
  มันอ่อนแอจนมิอาจรักษาร่างกายเอาไว้ได้ซือหยูกำลังพูดอยู่กลับกลุ่มควันลางที่เริ่มอ่อนแสงลง
  “เวลาข้ามีจำกัดข้าจะขอเล่าสั้น ๆ!”
  เทพกิเลนน้ำเสียงเคร่งขรึม
  “ข้าตัดสินใจมอบหอคอยให้เจ้าเจ้าจะเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของแดนมณีได้เมื่อเจ้าได้เป็นเจ้าหอคอย จงนำเหล่ายอดฝีมือทุกคนจากจิวโจวออกไป คนเหล่านั้นต้องรอดจากการตามล่าของเทพอสูร!”
  “เจ้ายังช่วยข้าดูแลร่างของเทพอสูรได้อย่าให้ใครขโมยมันไป! ซากของอสูรถูกควบคุมได้หากมีวิญญาณยึดครอง ความต่างเดียวคือพลังที่จะปลดปล่อยออกมาได้”