ตอนที่ 1075 - เพลงกระบี่ไตรสุริยา

The Divine Nine Dragon Cauldron

แต่ทันใดนั้นเองซือหยูยกกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ขึ้นเหนือศีรษะ เขากำลังบังคับร่างกายซัดกระบี่ใส่ลำตัวนาง
  ไม่เพียงมันจะหักล้างพลังเซียนแต่พลังของมันยังพัดพาซือหยูไปด้านหลังอีกหลายลี้
  “นี่เจ้า…”
  ปิงหวูชิงตกใจนางไม่คิดว่าซือหยูจะเป็นอิสระจากผนึกของนางได้ เขาขยับตัวได้ยังไง? แต่นางก็ไม่มีเวลาให้คิดมากนักเพราะมุกสีครามอำพันกำลังพุ่งตรงเข้าใส่นาง!
  ปิงหวูชิงเหลือบมองเพียงเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นคว้ามันไว้ด้วยมือ
  “มุกบาดาลของจักรพรรดิภูติผีมันอาจน่ากลัวถ้ามีทั้งเก้าลูกอยู่ด้วยกัน แต่ถ้ามีแค่ลูกเดียว…”
  ปิงหวูชิงขว้างมันออกไปมุกบาดาลพุ่งไปที่ด้านหน้ากลุ่มของฮั่นเฟยที่พยายามหนี  พลังสั่นโลกอันยิ่งใหญ่ทำให้ภูเขาแตกสลาย
  “ถ้าใครกล้าขยับแม้แต่ก้าวเดียวข้าจะส่งมันไปลงนรก!”
  เสียงดังดั่งสายฟ้าของปิงหวูชิงสั่งพวกเขาไม่มีใครกล้าหนีอีก เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียน พวกเขาไม่ต่างจากแมลงน่าเวทนา
  แต่ซือหยูกลับตกใจนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมุกบาดาลถูกคนอื่นรับด้วยมือได้ เหล่าเซียนคือศัตรูที่มีพลังเหนือโลกอย่างแท้จริง
  แต่ซือหยูไม่ได้ท้อใจและเขาก็ไม่มีเวลาเรียกมุกบาดาลกลับมาเขาพลิกมือสะบั้นมิติด้วยเส้นไหม หลังจากพยายามอย่างต่อเนื่อง รอยแยกมิติก็เปิดขึ้น มันใหญ่พอที่จะให้คนเข้าออก ซือหยูหยิบวิหคไม้ออกมาขี่หายไปยังรอยแยกมิติ
  เขาพยายามเลียนแบบจางอู๋ชวงโดยการกลับไปยังจิวโจวด้วยการฉีกมิติโอกาสสำเร็จนั้นสูงเพราะมีวิหคไม้  ปิงหวูชิงเลิกคิ้วและยื่นมือออกมารอยแยกมิติที่ซือหยูใช้หนีฉีกยาวอย่างน่ากลัวไปพันศอก ปิงหวูชิงแสยะยิ้มพยายามจะไล่ตามซือหยู
  ในตอนนั้นเองเส้นไหมโปร่งใสก็ได้พุ่งออกมา!ปิงหวูชิงไม่แม้แต่มองมัน นางขยับสองดัชนีคีบเส้นไหมเอาไว้อย่างง่ายดาย เส้นไหมเหล่านั้นทำอะไรนางไม่ได้เลย
  “โอ้?เส้นไหมจากผีเสื้อโกลาหลรึ? มันเป็นไหมกลายพันธุ์ที่ได้จากการเกิดที่ไม่บริสุทธิ์ แต่ข้าก็ต้องยอมรับว่าเจ้ามีแต่ของดีติดตัว!”
  เส้นไหมสลายกลายเป็นควันเมื่อนางคีบดัชนีแน่นขึ้น
  เมื่อนางพูดจบพลังกระบี่ไร้เสียงได้พุ่งตรงเข้าใส่นาง มันเป็นพลังเส้นโค้งสง่างาม
  ปิงหวูชิงตั้งตัวไม่ทันพลังกระบี่เฉือนแขนของนาง โลหิตสีแดงชาดไหลรดชายเสื้อจนชุ่มโชกในเสี้ยววินาที  “กระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์!ถ้าวิชากระบี่เจ้าดีกว่านี้…เจ้าอาจจะทำร้ายข้าได้ แต่ก็เถอะ! ข้าจะไม่ให้เวลาเจ้าได้เติบโตอีกแล้ว”
  นางสะบัดแขนบาดแผลฟื้นฟูในทันที นางพยายามออกล่าตัวซือหยูแต่ก็หยุดนิ่งที่กลางอากาศ นางสัมผัสได้ถึงอันตราย
  “จัดให้!”
  แสงพลังกระบี่สีเงินสามสายก่อเกิดเป็นสามเหลี่ยมล้อมรอบปิงหวูชิงมุมของกระบี่ทั้งสามนั้นไม่ได้เท่ากัน มันเป็นเพลงกระบี่ที่แปลกมาก
  ปิงหวูชิงที่มีประสบการณ์ของเทพอสูรรับรู้ได้บ้างจากมุมของค่ายกลกระบี่
  “เป็นเพลงกระบี่ที่น่าประทับใจดูบิดเบี้ยว แต่ตำแหน่งของกระบี่แต่ละเล่มถูกวางอย่างดีที่สุด”
  “กระบี่บนกลางล่างปิดสามทิศทางเก้าตำแหน่งปิดทุกทางหนี เห็นแค่นี้ก็บอกได้ว่ามันคือเพลงกระบี่ขั้นกลบาง กับพลังมิติของไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ กระบี่จึงคาดเดาไม่ได้ พลังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า!”
  ปิงหวูชิงมองดูค่ายกลกระบี่ด้วยความยอมรับ
  “ต้องขอบอกว่าเจ้าเหนือความคาดหมายข้าอีกครั้ง!ทีแรกข้าคิดว่ามังกรอสูรคือพลังสูงสุดของเจ้า ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีท่าสังหารอยู่อีก! ข้าไม่คิดว่าคนในยุคนี้ของจิวโจวจะต้านทานเพลงกระบี่ของเจ้าได้ นอกจากจางอู๋ชวง”
  ความหวาดหวั่นและการยอมรับเบ่งบานบนใบหน้าของนางนางไม่แม้แต่จะปิดบัง อีกหนึ่งสิ่งที่นางไม่ปิดบังก็คือจิตสังหารที่เข้มข้นขึ้นทุกขณะ
  ยิ่งซือหยูคาดเดาไม่ได้เดาใจเขาก็ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จในอนาคตมากเท่านั้น ดังนั้นนางจึงคิดว่าจำเป็นมากขึ้นที่จะกำจัดเขาเพื่อป้องกันภัยในอนาคต
  “ออกมา!”   ซือหยูเตรียมตัวโจมตีจากในมิติเขาไม่สนใจคำพูดนาง
  “สิ่งที่คล้ายมังกรอสูรสินะ”
  กระบี่สามเล่มเปล่งแสงรอบกายนางมันกลายเป็นภาพลวงที่เหมือนจริงทะลวงเวหาเป็นเส้นแสง ไม่มีสิ่งใดขวางเส้นทางของกระบี่ได้ กระบี่ทั้งสามเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา มันทะลวงผ่านหน้าหลังของผู้ที่อยู่ตรงกลาง โลหิตไหลเป็นทางมาจากอกของปิงหวูชิง มันค่อย ๆ อาบปกเสื้อของนางช้า ๆ
  แต่ปิงหวูชิงไม่สะทกสะท้านนางสะบัดมือ บาดแผลสีเลือดหยุดขยาย บาดแผลสมานในเสี้ยววินาที
  “นี่คือพลังทั้งหมดของเพลงกระบี่รึ?นอกจากความคมก็ไม่มีสิ่งใดพิเศษ ก็แค่เพิ่มกระบี่จากเล่มเดียวเป็นสามเล่ม แต่พลังไม่ได้ทวีคูณตามไปด้วย”
  ปิงหวูชิงพูดชมเชยอย่างไร้อารมณ์ต่อไป
  “ถ้าเจ้าไม่มีวิธีอื่นแล้วก็พอแค่นี้เถอ…”   แต่นางก็ต้องหยุดพูดนางก้มลงมองบาดแผลที่อก บาดแผลสามแห่งที่อกของนางเริ่มฉีกออกมาอีกครั้ง!
  ปิงหวูชิงขนลุกเล็กน้อยนางลูบที่บาดแผลอีกครั้ง โลหิตหยุดไหลออกมาครู่หนึ่งแต่ก็ไหลออกมาในอีกไม่นาน หลังจากลองอีกไม่กี่ครั้ง สีหน้านางก็เปลี่ยนไป
  “แผลรักษาไม่ได้รึ?”
  นางแตะเบาๆ ชิ้นผ้าที่ปิดบาดแผลทั้งสามถูกเผาออกไป เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะและรอยเฉือนทั้งสามที่บางราวกับเส้นผม สายพลังเซียนไหลออกมาปิดบาดแผล แต่ต่อมาแผลก็เปิดอีกครั้ง
  ปิงหวูชิงแตะที่ปากแผลและฉีกมันออกจนเห็นได้ชัดเจนนางเห็นพลังสีเงินมากมายภายในแผล ไม่ว่าจะฟื้นฟูเท่าใด สายพลังสีเงินจะเปิดแผลออกมาอีกครั้ง
  “พลังกระบี่!”
  ปิงหวูชิงหน้าหมองพลังกระบี่มหาศาลรวมตัวที่ดัชนีของนางทันที นางอัดพลังลงไปที่แผลขณะกัดฟันด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
  พลังเซียนต้องปะทะกับพลังกระบี่หลายร้อยเส้นสุดท้ายจึงทำลายพลังเหล่านั้นได้และปิดแผลลงไป แต่ก็ยังเหลืออีกสองแผล! แน่นอนว่าซือหยูจู่โจมได้มากกว่าครั้งเดียว
  ก่อนที่ปิงหวูชิงจะฟื้นฟูบาดแผลที่เหลือเพลงกระบี่ไตรสุริยาก็ถูกใช้งานอีกครั้ง ในครั้งนี้ ความเร็วของกระบี่ทั้งสามรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม มันแทบจะเหมือนเงาลวงตา เพียงเสี้ยววินาทีเดียว มันก็แทงทะลุผ่านไหล่ ท้อง และลำตัวของนาง
  เกิดรอยแผลสีเลือดอีกสามแห่งบนตัวนาง
  “ถ้าเจ้าทำได้แค่นี้เจ้าก็ทำร้ายข้าไม่ได้”
  ปิงหวูชิงแก้พลังกระบี่อย่างใจเย็นไม่รีบร้อน
  ถึงอย่างนั้นซือหยูก็พูดในเวลาต่อมา  “ระเบิด”
  พลังกระบี่ที่อยู่ในแผลที่เหลือสี่แห่งระเบิดออกมาอย่างแรงพลังกระบี่ไขว้กันเฉือนส่งพลังส่วนหนึ่งเข้าสู่ภายในร่างกายนาง ขณะที่อีกส่วนเข้าเชือดเฉือนเลือดเนื้อ
  พริบตาเดียวผิวกายของปิงหวูชิงก็เต็มไปด้วยรอยแผลสีเลือดของกระบี่
  อวัยวะภายในของนางต้องเจอกับพลังของกระบี่ที่เฉือนผ่านได้ทุกสิ่งทุกอย่างมีเพียงกระดูกของเซียนเท่านั้นที่ไร้รอยข่วน แต่ทุกสิ่งที่อยู่ภายในกายนั้นแหลกเป็นชิ้น ๆ จากพลังกระบี่
  ปิงหวูชิงหน้าแดงเมื่อบาดเจ็บสาหัสจากพลังกระบี่นางอ้าปากพ่นโลหิตสีทองออกมา ใบหน้านั้นดูทุกข์ทน
  ขาที่ก้าวเข้ารอยแยกมิติต้องถอยออกมานางโบกมือปลดปล่อยพลังเซียนออกมาป้องกัน
  นางนั่งลงกับพื้นและเริ่มรักษาบาดแผลและพยายามกำจัดพลังกระบี่ภายในกายออกไป
  เพราะนางมีร่างกายของเซียนที่มีพลังรักษาตัวเองได้บาดแผลบนผิวกายนางหายไปราวกับเกล็ดหิมะกระทบผิว ร่างกายนางฟื้นตัวกลับมาเป็นอย่างเดิมด้วยความเร็วสูง ผิวของนางกลับมาเรียบเนียนไร้ที่ติอีกครั้ง บาดแผลภายในเองก็ฟื้นตัวด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
  ตัวบาดแผลไม่ได้เป็นปัญหามากนักสิ่งที่เป็นปัญหาก็คือพลังกระบี่อันไร้ที่สิ้นสุด! ตราบเท่าที่ยังมีพลังกระบี่เหลืออยู่ในตัวนาง บาดแผลของนางจะไม่มีวันฟื้นคืนเต็มตัว
  นางมองเพลงกระบี่ด้วยแววตาลึกล้ำสีหน้านางหม่นหมองกว่าเดิม
  “ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้เห็นเพลงกระบี่ชั้นยอดในจิวโจวอีกครั้งถึงจะเป็นแค่เพลงกระบี่ไม่เต็มตัว แต่จากพลังที่ได้ เพลงกระบี่แบบสมบูรณ์จะต้องเกินกว่าระดับตำนานเป็นแน่!”
  เพลงกระบี่เก้าสุริยาคือตำราค่ายกลกระบี่ที่ถูกทอดทิ้งและปิดผนึกไว้ตั้งแต่ยุคอดีต
  ซือหยูไม่รู้เลยว่านางคิดอะไรอยู่มันคืออาวุธสังหารที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดของเขา แต่มันก็ทำให้ปิงหวูชิงบาดเจ็บไม่ได้ ซือหยูไม่พอใจเท่าใดนัก
  ตงฟางเถียนเฟิงมองซือหยูราวกับเห็นเขาเป็นสัตว์ประหลาด!
  ตั้งแต่อดีตกาลเหล่าเซียนเป็นตัวแทนแห่งพลังอำนาจสูงสุดแห่งจิวโจว เหล่าเซียนสามารถบงการหยินและหยางกับชีวิตและความตายของคนนับพันล้านได้ โชคชะตาของคนหลายพันล้านคนสามารถเปลี่ยนได้จากการมองครั้งเดียว ประสงค์เดียว และคำพูดไม่กี่คำของเซียนเหล่านั้น
  ทุกคนที่มีระดับต่ำกว่าเซียนเป็นเพียงแมลงต่ำต้อยเป็นเพียงผู้ไร้ความหมาย
  ถึงอย่างนั้นซือหยูก็รับมือกับเซียนได้ด้วยตัวคนเดียว บังคับให้นางต้องหยุดรักษาตัว  ไม่มีใครเชื่อแน่หากนางเล่าเรื่องนี้ให้ผู้อื่นฟัง
  “พวกเจ้ารออะไรอยู่?ความตายงั้นเรอะ?”
  รอยแยกมิติเปิดที่ข้างเทพกิเลน
  ซือหยูขี่วิหคไม้ขนาดยักษ์กลับมาคว้าตัวเทพกิเลนที่กำลังจะแตกสลายและหนีไปอีกครั้งปิงหวูชิงต้องใช้เวลาสักระยะในการรักษาแผลและนี่คือโอกาสหนีที่ดีที่สุดของซือหยู
  ฟึ่บ!
  ฮั่นเฟยและคนอื่นๆ ลังเลครู่หนึ่ง พวกนางกัดฟันและรวบรวมความกล้าที่จะหนี ก่อนหนี พวกนางมองไปยังจุดที่ซือหยูหายตัวไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน
  พวกเขาตราหน้าตนเองว่าเป็น“บุตรแห่งสวรรค์” แต่พวกเขากลับถูกช่วยชีวิตโดยคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า นอกจากนั้น ดูจากพลังของพวกเขา ซือหยูมีพลังเหนือกว่าพวกเขาไปในอีกระดับเมื่อเทียบกัน ฮั่นเฟยหน้าแดงเมื่อจำได้ว่าเคยเชิญซือหยูให้เป็นองครักษ์ของนาง
  แค่พริบตาเดียวกลุ่มนภาจรัสก็หนีไปอย่างไร้ร่องรอย
  ซือหยูอยู่ในความว่างเปล่าไร้ดาวเขาหน้าซีด
  การใช้เพลงกระบี่ไตรสุริยาสองครั้งนั้นกินพลังของเขาไปมากไม่เพียงแต่พลังชีวิตที่หมดลง แต่จิตใจของเขายังเหนื่อยล้าอีกด้วย
  ถ้าเขาไม่สำเร็จขอบเขตวิญญาณมายาที่ทำให้วิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดเขาก็คงล้มลงเพราะความเหนื่อยล้าไปแล้ว แม้แต่ตอนนี้เขาก็แทบจะพยุงร่างตัวเองไม่อยู่
  “เจ้าหมากิเลนข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีพลังเหลือแล้ว ใช่ไหม?”
  ซือหยูหันไปถอนหายใจ
  เทพกิเลนนั้นอ่อนแอมันนอนนิ่งไร้การเคลื่อนไหว ร่างลกายกำลังจะสลายจนสิ้น  “ข้าได้ยินคำเรียกที่ไม่ลื่นหูอีกแล้ว…”
  สุนัขกิเลนอ้าปากพยายามพูดด้วยความเจ็บปวดมันถอนหายใจอย่างขมขื่น
  “พลังรึ?ข้าจะยังมีอะไรเหลืออีกเล่า? นางเลิกล้มที่จะเป็นเทพอสูรไปแล้ว ข้าจะทำอะไรได้อีก? หนีเอาชีวิตรอดรึ?”
  ซือหยูรู้สึกถึงอันตรายแต่เขาก็ใจเย็น
  “ต่อให้ข้าหนีข้าก็ต้องการทางออก ข้าไม่ใช่จางอู๋ชวง ข้าหาทางกลับจิวโจวไม่ได้ เจ้าเป็นจิตวิญญาณประดิษฐ์ของแดนมณี เจ้าคงจะมีวิธีหนีใช่หรือไม่?”
  “แน่นอนว่ามีอย่างไรข้าก็เป็นเทพ…เฮ้ย เฮ้ย อย่าต่อยหน้าข้า ข้าจะบอกเจ้า”
  เทพกิเลนลูบใบหน้าข้างที่ถูกซือหยูชกและหยุดพูดพล่าม
  “มีสองทางเท่านั้นในการออกจากแดนมณี!อย่างแรกคือการเปลี่ยนแดนมณีขึ้นใหม่ พวกเจ้าทุกคนจะได้ออกไปในสองเดือนให้หลัง!”   “อย่างที่สองเจ้าต้องฉีกมิติไปอย่างที่จางอู๋ชวงทำ เจ้าจะได้เห็นตำแหน่งของจิวโจวและกลับไปที่นั่นได้”