กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1093

โดนัลด์รู้ดีอยู่แล้วว่าครอบครัววิลสันนั้นยากจนมาก แต่เขาไม่รู้เลยว่าครอบครัววิลสันจะน่าสมเพชทุเรศขนาดนี้

เขามีเมตตาพอที่จะหาบ้านให้คนพวกนี้อาศัย พวกเขาจะได้เป็นหอกข้างแคร่ของชาร์ลี

อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าสิ่งแรกที่คนพวกนี้จะทำทันทีที่ได้ย้ายเข้าไปก็คือการขายเครื่องใช้ภายในวิลล่า

เขาพ่นลมออกทางจมูกอย่างโมโห “ครอบครัวนี้มันขี้หมาชัด ๆ พวกมันไร้ค่า ไร้ประโยชน์ และไม่เคยทำอะไรสำเร็จเลย!”

ผู้ช่วยเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่าคนพวกนี้ไร้ค่าเกินกว่าจะทำงานนี้ได้ เขาจึงถามขึ้นว่า “คุณเว็บบ์ครับ ท่านต้องการให้ผมไล่พวกมันออกจากวิลล่าเลยไหมครับ? หากท่านไม่ไล่พวกมันไปตอนนี้ วิลล่าจะต้องถูกทำลายและว่างเปล่าเพราะพวกมันในเร็ว ๆ นี้แน่ครับ!”

โดนัลด์ถอนหายใจ เขาดูถูกครอบครัวนี้จริง ๆ แต่คนเหล่านี้ก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่ข้างบ้านชาร์ลีแล้ว หากเขาไล่ตะเพิดพวกมันออกไปตอนนี้ จะไม่เป็นการแสดงจุดอ่อนของเขาให้ชาร์ลีเห็นหรอกหรือ?

ดังนั้น เขาจึงโบกมือและพูด “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตอนนี้ คอยจับตาดูพวกมันไปก่อน”

ผู้ช่วยก้มศีรษะ “ได้ครับ ผมจะสั่งให้คนจับตาดูพวกมันต่อไป”

ครอบครัววิลสันไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของพวกเขาถูกจับตามองทุก ๆ ขณะโดยโดนัลด์

หลังจากที่แฮโรลด์ลงขายโทรทัศน์บนเว็บขายของมือสองแล้ว ก็มีใครบางคนติดต่อพวกเขามาโดยทันที

นี่เป็นเพราะราคาที่เขาลงขายโทรทัศน์นั้นถูกมาก ๆ มันเป็นโทรทัศน์เครื่องใหม่เอี่ยม และขายเพียงแค่หกหมื่นดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งมันเทียบเท่ากับการได้ลดสี่สิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

หลังจากที่ถามข้อมูลบางอย่างเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายก็รีบตอบรับสินค้าบนเว็บขายของมือสองและบอกว่าจะมารับสินค้าด้วยตัวเขาเอง

เป็นธรรมดาที่แฮโรลด์จะมีความสุขมากที่ได้ให้ที่อยู่ของเขากับอีกฝ่ายทันที เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ขับมาที่นี่เองตามสะดวก

ในเวลานี้ ครอบครัววิลสันเริ่มหิวจนตาลายแล้ว พวกเขาอดทนรอขายโทรทัศน์แทบไม่ไหวเพื่อจะได้มีเงินออกไปทานอาหารมื้อใหญ่ได้อย่างเต็มที่จุใจ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งก็มาถึงวิลล่าคอมมิวนิตี้ หลังจากที่ได้ตรวจสอบโทรทัศน์และยืนยันว่ามันไม่มีปัญหาอะไรเลยหลังจากที่เปิดเครื่องติด พวกเขาก็ตัดสินใจจ่ายเงินซื้อโทรทัศน์ทันที

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นแค่เพียงผู้มาเยือนไม่ใช่ผู้พักอาศัยของวิลล่าคอมมิวนิตี้ จึงต้องจอดรถด้านนอกของวิลล่าคอมมิวนิตี้

ทั้งคู่ขอให้แฮโรลด์ช่วยปลดโทรทัศน์ลงมา เขาจะได้ช่วยแบกโทรทัศน์ออกทางประตูด้านหน้าทางเข้าวิลล่าคอมมิวนิตี้แห่งธอมป์สัน เฟิร์สได้

ปกติแล้ว แฮโรลด์ไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้มากนัก แต่โทรทัศน์เครื่องนี้มันใหญ่มาก แม้แต่แฮโรลด์และชายวัยกลางคนยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายมันได้เลย ดังนั้น คริสโตเฟอร์จึงต้องเข้ามาช่วยด้วย

ผู้เป็นพ่อ ลูกชายและชายวัยกลางคนช่วยกันแบกโทรทัศน์เครื่องมหึมาขณะเดินออกนอกวิลล่าคอมมิวนิตี้ไป

ฮันนาห์เดินตามอยู่ด้านหลังพวกเขาพร้อมกับหญิงชรา หญิงชรากำลังหิวเสียจนเหนื่อยหอบจึงต้องให้คนอื่นช่วยพยุง

บังเอิญว่าเอเลนได้ร่วมเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์นี้ด้วย เธอจึงพิงร่างกับไม้ค้ำบริเวณข้างถนน ก่อนจะหัวเราะและพูด “โอ้! ครอบครัวแกเพิ่งจะย้ายเข้าวิลล่า แต่ต้องขายโทรทัศน์เสียแล้วหรือนี่? ก็ฉันบอกแกแล้วว่าถ้าไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องสวมรอยเพื่อทำให้คนอื่นประทับใจหรอก คนอย่างพวกแกจะมีปัญญาอาศัยอยู่ที่ธอมป์สัน เฟิร์สได้ยังไง หึ?”

คริสโตเฟอร์สบถอย่างโมโห “แกจะไปรู้อะไร? ฉันแค่คิดว่าโทรทัศน์มันเล็กไปต่างหาก และฉันวางแผนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิมด้วย”

“ตอแหลน่ะสิ!” เอเลนหัวเราะอย่างดูแคลน “แกน่ะ เก่งเรื่องคุยโวโอ้อวดคนอื่น แกคิดว่าฉันไม่รู้สถานการณ์ครอบครัวแกอย่างนั้นหรือ? วิลสัน กรุ๊ปล้มละลายและเมียแกก็บริจาคเงินทั้งหมดของครอบครัวแกให้มูลนิธิแห่งความหวังไปหมดแล้ว ครอบครัวแกจะมีเงินเหลือได้ยังไง? ถ้าพวกแกมีเงินจริง ๆ ก็คงไม่ยากจนข้นแค้นจนถูกจับโยนออกมาข้างถนนและต้องมาขอร้องพวกเราให้รับพวกแกเข้ามาอยู่ด้วยหรอก?”

คริสโตเฟอร์เลือดขึ้นหน้าเมื่อเอเลนพูดถึงเรื่องที่ภรรยาของเขาบริจาคเงินทั้งหมดให้มูลนิธิแห่งความหวัง เขารู้ดีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในตอนนั้น

เขาจึงกัดฟันกรอด ก่อนจะถลึงตาใส่เอเลน “ฉันขอเตือนแกให้ระวังคำพูดหน่อยนะ! ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะจัดการเอาคืนแกแน่!”

“ก็จัดมาเลยสิ!” เอเลนตอบอย่างดูถูก “ถ้าแกกล้า ก็มาเอาคืนฉันได้เลยเดี๋ยวนี้ บังเอิญว่าลูกเขยของฉันอยู่บ้านเสียด้วยสิตอนนี้ ฉันคิดว่าแกกับเขาน่าจะคุยกันดี ๆ ได้นะ”

ทันทีที่ได้ยินดังนี้ คริสโตเฟอร์ก็รีบเบาเสียงลงและท่าทีก็นุ่มนวลขึ้น “คอยดูไปก็แล้วกัน! อีกไม่นานแกจะได้ทุกข์ทรมานแน่ ๆ”

หลังจากที่เขาพูดเสร็จ คริสโตเฟอร์ก็บอกกับแฮโรลด์ “แฮโรลด์ เร็วเข้าสิ แบกโทรทัศน์ไปไว ๆ หน่อย”

ฮันนาห์จ้องเอเลนตาเขม็งขณะที่เดินจากไป ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อผู้หญิงคนนี้ แต่เธอก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ