ตอนที่ 661 ต้อนรับ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 661

ต้อนรับ

“…………..” แทบจะไม่ต้องเดา ดาบที่ทำจากโลหะที่หาได้จากขอบชายแดนเขตอสูรนั้นไม่มีทางระคายผิวไป๋จูล่งอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่นั้นแม้แต่เสื้อผ้าที่ทอมาจากขนของอสูรก็ยังไม่แม้แต่จะมีรอยฉีกขาดเสียด้วยซ้ำ

“พี่ชาย ข้าไม่ทราบว่าข้าถามอะไรล่วงเกินท่านหรือเปล่า แต่ข้ามาเพื่อตามคนผู้นั้นด้วยเจตนาดีนะขอรับ”จูล่งยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางพยายามอธิบาย แต่เพราะตนพึ่งทำลายดาบที่อีกฝ่ายภูมิใจนักหนาแตกกระจายไปหยกๆทำให้อีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะตอบคำถามจูล่งแม้แต่น้อย

“วากกก”สิ่งเดียวที่ได้ยินจากชายคนนั้นแทนที่จะเป็นคำตอบกลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องเสียอย่างนั้น ทันทีที่ดาบพังไปชายคนนั้นก็วิ่งหายไปจากสายตาจูล่งแทบจะทันที น่าเสียดายจริงๆทั้งๆที่จูล่งคิดว่าได้เจอคนที่รู้เรื่องแล้วแท้ๆ แต่อีกฝ่ายไม่อยากตอบจูล่งก็ไม่ใช่คนที่จะไปบังคับให้ใครพูดเสียด้วย

.

.

“นายท่าน นายท่านแย่แล้วขอรับ”ชายคนที่พึ่งฟันจูล่งไปวิ่งเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในเมือง มันมีท่าทีตกใจอย่างมากเพราะไม่เคยมีใครรับดาบของมันแล้วจะยืนนิ่งแบบนั้นมาก่อน

“ข้าสั่งให้เจ้าไปจัดการคนที่มาสืบเรื่องตระกูลฟงไม่ใช่หรือไง ทำไมหน้าตาตื่นกลับมาแบบนั้น”ชายที่ถูกเรียกว่านายท่านถามพลางเดินออกมาจากในตัวบ้าน นายท่านผู้นี้คือ หยูจ้าน หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลหยู หรือก็คือบุตรชายของหยูเจินหัวเจ้าสำนักวิญญาณกระบี่นั่นเอง

“แย่แล้วขอรับ เจ้าคนที่มาถามฝีมือสูงมาก แถมมันยังบอกว่าเป็นคนตระกูลฟงอีกด้วย”บ่าวรับใช้ของตระกูลหยูตอบด้วยท่าทีหวาดกลัว คนที่สามารถทำแบบจูล่งได้ในอาณาจักรซานนั้นแทบจะนับตัวได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นยอดฝีมือระดับเสินเซียนขั้นที่ 10 เหมือนท่านบรรพบุรุษของตระกูลหยูแน่ๆ

“ตระกูลฟง….พวกมันน่าจะตายไปหมดแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร แถมตระกูลฟงเป็นตระกูลพ่อค้าจะไปมีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่เก่งกาจแบบนั้นอยู่ได้อย่างไร”หยูจ้านส่ายหน้าด้วยท่าทีไม่เห็นด้วย ตระกูลฟงเป็นตระกูลพ่อค้าที่มาตั้งรกรากในเมืองหลายชั่วอายุคน คราวนั้นเกิดผิดใจกับบุตรชายของมันก็เลยจัดการไปเสีย แต่เรื่องในครั้งนั้นกลับกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่คนในเมืองไม่ยอมลืมกันเสียที แถมยังมีคนมาสืบข่าวเรื่องนี้เรื่อยๆอีกต่างหาก เมื่อไม่กี่เดือนก่อนก็มีคนมาถามเรื่องนี้เช่นกั้น

“ข้าเห็นดวงตามันเปลี่ยนเป็นสีทองกับตาเลยขอรับ มันต้องเป็นคนตระกูลฟงเป็นแน่”บ่าวรับใช้ยังคงยืนยันความเห็นของตน ระหว่างต่อสู้มันเห็นจูล่งเปลี่ยนสีดวงตาแน่ๆ มันจำไม่ได้หรอกว่าดวงตาจูล่งแต่เดิมเป็นสีอะไร แต่มีการเปลี่ยนเป็นสีทองอยู่แน่ๆไม่ต้องสงสัยเลย

“อะไรนะ….”แม้จะไม่อยากเชื่อ แต่การเปลี่ยนสีดวงตาเป็นสีทองนั้นถือเป็นความสามารถพิเศษของตระกูลฟงที่พวกตนใช้เอามาเป็นข้ออ้างในการกำจัดพวกมัน หากมันเปลี่ยนดวงตาเป็นสีทองได้มันก็ย่อมเป็นคนตระกูลฟงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“เจ้าว่ามันมีพลังระดับไหน”บุตรชายของหยูจ้านถามพลางเดินออกมาจากตัวบ้านพร้อมหญิงสาวคนหนึ่งที่กอดเอาไว้แนบกาย มันคือหยูต้านเจียนคนที่แย่งคู่หมั้นของฟงเป่ามานั่นเอง เพียงแต่หญิงสาวที่มันเดินกอดออกมานั้นไม่ใช่คุณหนูตระกูลติงแต่อย่างไร

“สูงมากขอรับ ข้าโจมตีมันเต็มแรงแต่มันกลับยืนเฉยๆรับดาบของข้าจนดาบของข้าแตกไม่มีชิ้นดีเลยขอรับ”บ่าวรับใช้ตอบด้วยท่าทีหวาดๆ ตัวมันถือเป็นนักสู้มีฝีมือคนหนึ่งที่ตระกูลหยูเลี้ยงเอาไว้ ดาบเองก็เป็นของที่ได้รับมาจากหยูจ้านด้วยตนเอง ทำให้หยูจ้านเข้าใจความแข็งแกร่งของดาบเล่นนั้นดี การที่บ่าวผู้นี้ทำอะไรชายคนนั้นไม่ได้เลยก็นับว่าอันตรายจริงๆ

“ไม่นึกเลยว่าเรื่องมันจะยังตามมาถึงทุกวันนี้ อีกไม่กี่วันท่านพ่อจะกลับมาแล้วแท้ๆ คงต้องหาทางถ่วงเวลาไปก่อน”หยูจ้านกำหมัดแน่นเพราะตนเองและหยูต้านเจียนไม่ได้ฝึกฝนวิชาอย่างจริงจังเหมือนหยูเจินเหอกับหยูเซินที่อยู่ในสำนักวิญญาณกระบี่

“นายท่าน ดูเหมือนมันจะไม่ทราบว่าตระกูลฟงโดนฆ่าล้างบางไปแล้วขอรับ เกรงว่าจะเป็นแค่ญาติห่างๆเท่านั้น”พอได้ยินว่าหยูจ้านจะใช้แผนถ่วงเวลารอหยูเจินเหอกลับมามันก็รีบรายงานเรื่องที่มันคุยกับจูล่งออกไปทันที จูล่งมาตามหาคนตระกูลฟง แต่กลับยังไม่เคยเอ่ยชื่อตระกูลฟงออกมาเลย บางทีอาจจะไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่าคนที่ตนตามหาคือใคร คงเป็นญาติที่ห่างกันมากจนไม่ได้มาเยี่ยมเยือนกันนานก็เป็นได้

“ดี..ส่งคนไปหามันซะ ระหว่างที่ท่านพ่อกำลังเดินทางกลับมาอย่าให้ใครพูดถึงตระกูลฟงโดยเด็ดขาด”หยูจ้านได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้างเตรียมวางแผนทันที ตอนนี้บิดาของมันหยูเจินเหอเป็นผู้เดียวในอาณาจักรซานที่บรรลุระดับเทียนเซียน ไม่มีใครเก่งกาจเกินกว่านี้อีกแล้ว ทำให้หยูจ้านเชื่อมั่นว่าบิดาของมันต้องปราบเจ้าคนนิรนามผู้นี้ได้แน่ๆ

.

.

“คุณชาย ท่านคือคนที่เดินทางมาตามหาคนผู้นั้นงั้นหรือขอรับ”ไม่นานคนของบ้านตระกูลหยูก็พาตัวจูล่งมาพบหยูจ้านอย่างง่ายดาย แน่นอนหากเชิญดีๆจูล่งก็ไม่ดื้ออยู่แล้ว

“ถูกแล้วขอรับ ข้ามีนามว่าไป๋จูล่ง มาที่นี่เพื่อตามหาชายผู้หนึ่งขอรับ”จูล่งตอบพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทีร่าเริงตามประสาของตน

“ไป๋? ชื่อตระกูลของท่านไม่เหมือนชายผู้นั้นหรือขอรับ”หยูจ้านถามพลางเปิดบ้านให้จูล่งเข้ามาอย่างกับเป็นแขกไม่มีผิด แถมบ่าวรับใช้ที่โจมตีจูล่งยังถูกสั่งให้ออกไปอยู่นอกบ้านเสียเรียบร้อยแล้วด้วย

“ขอรับ ข้าได้ยินข่าวมาว่ามีญาติห่างๆของเราอยู่ที่อาณาจักรแห่งนี้ แต่รุ่นของเราห่างกันมากก็เลยไม่ทราบว่าชื่อตระกูลเปลี่ยนไปแล้วหรือไม่ขอรับ”จูล่งตอบออกมาด้วยท่าลำบากใจ การตามหาคนที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อนั้นยากมากทีเดียว ต่อให้ไป๋จูเหวินมาเองก็คงสืบหาได้ลำบากไม่น้อย

“อย่างนี้นี่เอง ข้าได้ยินมาว่าคนที่ท่านตามหามีความสามารถแปลกประหลาด แถมยังเกี่ยวข้องกับอสูรอีกถูกต้องหรือไม่ขอรับ”หยูจ้านถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง แต่ความจริงแล้วความสามารถประหลาดที่จูล่งตามหาคือความสามารถดึงดูดเหล่าอสูรต่างหากไม่ใช่ความสามารถใช้งานดวงตาสีทองเหมือนที่ตระกูลหยูเข้าใจ ส่วนเรื่องเกี่ยวข้องกับอสูรเป็นฝ่ายตระกูลหยูเองที่เข้าใจผิดเพราะตอนสังหารตระกูลฟงพวกตนใช้ข้ออ้างว่าแท้จริงแล้วตระกูลฟงเป็นอสูรปลอมตัวมาเลยสามารถจัดการได้

“ขอรับ เป็นเช่นนั้นจริงๆ”จูล่งพยักหน้าด้วยท่าทียินดี แค่คำจำกัดความเท่านี้ก็เจอแล้วจะให้โชคดีกว่านี้ได้อย่างไร

“เช่นนั้นก็น่าจะเป็นคนเดียวกับสหายของข้า แต่ตอนนี้ครอบครัวของมันไม่อยู่ในเมืองท่านคงต้องรออีกหลายวันกว่าพวกมันจะกลับมา”หยูจ้านตอบพลางมองจูล่งอย่างโล่งอก ท่าทีมันจะไม่ทราบข่าวเรื่องตระกูลฟงในเมืองนี้จริงๆ

“อย่างนั้นหรือขอรับ เช่นนั้นท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าสหายท่านตอนนี้อยู่ที่ไหน”จูล่งถามออกไปทันทีเพราะตนต้องการตามหาบิดาของเซี่ยจินเย่ให้ไวที่สุด

“อะ เอ่อ…ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่อีกไม่นานมันก็คงกลับมาแล้ว เอาอย่างนี้สิขอรับท่านพักอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วพอสหายข้ากลับมาข้าจะบอกให้มันมาพบท่านดีหรือไม่ขอรับ”หยูจ้านเสนออย่างรีบร้อน เพราะหากจูล่งเที่ยวถามชาวบ้านไปเรื่อยๆอาจจะได้ยินเรื่องตระกูลฟงเข้าก็ได้ แบบนั้นเสี่ยงเกินไปหยูจ้านเลยเลือกที่จะให้จูล่งอยู่กับตนมากกว่า

“แบบนั้นจะรบกวนท่านเกินไปหรือเปล่าขอรับ ข้าหาโรงเตี๊ยมพักเอาก็ได้”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเกรงใจ

“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ญาติของสหายข้าก็เหมือนญาติของข้า ไม่ต้อนรับท่านให้ดีคงผิดต่อสหายข้าแน่ๆ”หยูจ้านพยายามโน้มน้าวให้จูล่งอยู่ในบ้านของตนอย่างเต็มที่ ขอเพียงถ่วงเวลารอบิดาตนเองกลับมาก็คงสามารถจัดการจูล่งได้อย่างง่ายดาย

“งั้นหรือขอรับ เช่นนั้นข้าก็คงต้องรบกวนแล้ว”จูล่งตอบรับช้าๆก่อนจะเดินตามหยูจ้านเดินลึกเข้าไปในตัวบ้าน แถมยังให้บ่าวรับใช้คนอื่นๆมาช่วยดูแลไป๋จูล่งอีกต่างหาก

“ท่านพ่อ มันเป็นยอดฝีมือแน่หรือขอรับ”ระหว่างกำลังออกมาจากห้องของจูล่ง หยูต้านเจียนก็เข้ามาถามบิดาของตนเองด้วยท่าทีประหลาดใจ พวกตนสัมผัสพลังของจูล่งไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แบบนี้มันจะเป็นยอดฝีมือได้อย่างไร

“บางทีมันอาจจะฝึกฝนวิชาปกปิดพลังก็ได้ ทำให้สัมผัสพลังไม่ได้เลยนั่นล่ะคือหลักฐานว่ามันเป็นยอดฝีมือจริงๆ”หยูจ้านตอบด้วยท่าทีระแวง ภายนอกไป๋จูล่งเดินเหินมั่นคงสายตาฉับไวเห็นได้ชัดเลยว่าเป็นผู้มีความสามารถด้านการต่อสู้ คนแบบนี้จะไม่ใช่ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณได้อย่างไร หยูจ้านนั้นแม้ไม่ได้เชี่ยวชาญการฝึกฝนพลังวิญญาณแต่ก็เจนจัดไม่น้อย มันจึงยังมองออกว่าจริงๆแล้วจูล่งต้องเป็นผู้มีวิชาติดตัวแน่ๆ

“น่าโมโหจริงๆ เราฆ่ามันเลยไม่ต้องรอท่านปู่ไม่ได้หรือขอรับ”หยูต้านเจียนถามพลางมองไปทางห้องของไป๋จูล่งด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์

“แล้วเจ้าจะฆ่ามันอย่างไร เจ้านั่นมันทำลายดาบที่คนของเราใช้โดยไม่ต้องขยับตัวด้วยซ้ำ แล้วเจ้าที่พลังวิญญาณแค่นั้นจะไปทำอะไรได้”หยูจ้านถามด้วยท่าทีโมโห หากสามารถจบเรื่องได้โดยการลงมือฆ่าด้วยตนเองมีหรือหยูจ้านจะไม่ทำ ไม่ต้องมานั่งเสียวสันหลังกลัวว่าจูล่งจะบังเอิญไปทราบเรื่องตระกูลฟงจากที่ไหนก่อนบิดาของมันจะกลับมา แถมไม่ต้องเสียค่าจ้างบ่าวรับใช้ไปคอยดูแลมันด้วย

“ท่านจำยาพิษที่ได้มาจากตระกูลฟงได้หรือเปล่าขอรับ”หยูต้านเจียนถามพลางยิ้มออกมาด้วยสีหน้าชั่วร้าย ตอนสังหารตระกูลฟงของในบ้านตระกูลฟงต่างโดนตระกูลหยูยึดมาทั้งหมด ด้วยการใช้ดวงตาสีทองทำให้ตระกูลฟงสะสมของมีค่าเอาไว้มากมาย หนึ่งในนั้นเหมือนจะมียาพิษร้ายแรงที่สามารถสังหารยอดฝีมือได้อยู่ด้วย เพียงแต่หลายปีมานี้ไม่มีใครกล้าหือกับตระกูลหยูเลยไม่ได้นำออกมาใช้จนลืมไปแล้ว

“จริงสิ…..”หยูจ้านยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ยานั่นเป็นสมุนไพรมีพิษจากภายในเขตอสูร แม้แต่อสูรระดับสูงหากกินเข้าไปก็ยังตายคาที่ ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับเสินเซียนขั้นที่ 10 หากกินเข้าไปแล้วไม่ตายก็ต้องได้รับความเสียหายจนสู้ได้ลำบากเป็นแน่