GGS:บทที่ 781 ความสามารถของทั้ง 4 (2)

 

ซูจิ้งมองไปยังเจียจิหลงด้วยสายตาประหนึ่งมองคนที่ตายไปแล้ว แน่นอนแล้วว่าเขาจะต้องฆ่าเจียจิหลงอย่างไม่ต้องสงสัย ชายคนนี้ยากต่อการควบคุม และมีโอกาสเสียงสูงที่เขาจะหนีไปได้

ยิ่งไปกว่านั้นการฆ่าเขาจะทำให้ได้รับสิทธิ์ในการควบคุมคนอีกแปดคนนั่นอีก

ขนาดคนที่มีจิตแกร่งกล้าอย่างหลัวฉือหลินยังถูกควบคุมได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีธนูเหลืออีกสองลูก

นั่นหมายความว่ายังควบคุมได้อีกสองคน

“คนที่ไปพาหยางเฉียนรุยมาเข้าร่วมและสอนเขาใช้พลังคือเจียจิหลงใช่รึเปล่า” ซูจิ้งคลับคล้ายคลับคล้ายชายคนนี้จากคำพูดของหยางเฉียนรุยที่เคยบอกให้เขาฟัง

“ใช่ ถ้ามีใครที่มีความสามารถอันแข็งแกร่ง คนที่มีอำจนาจ และคนที่มีค่ามากพอ” เจียจิหลงจะใช้ธนูกับคนพวกนั้น” ตงเซียวตอบพร้อมพยักหน้า

ซูจิ้งได้ถามปูมหลังของเจียจิหลงเพิ่มเติมก็ได้รู้ว่าเขานั้นเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเยาว์ เขาติดตามตงเซียวมาเนิ่นนานเพื่อจะเป็นตัวตายตัวแทนและเขาก็เต็มใจ เขานั้นไม่ได้สนใจโลกเพียงแค่ยอมตายแทนตงเซียวแค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว

“เอาล่ะ คนสุดท้าย หมอนั่นมีความสามารถอะไร” ซูจิ้งชี้ไปที่ไป๋ไทฮองพ่อของไป๋ฮิตู ชายที่มีสภาพอ่อนแอ ดูซีดเซียวและไร้ซึ่งจิตวิญญาณใดๆ ความสามารถที่เขาเคยใช้กับซูจิ้งก่อนหน้านี้ดูอ่อนแอมากแต่ซูจิ้งก็ยังสงสัยอยู่ดี นั่นก็เพราะว่าสแตนด์ของเขาหยิบเตียงออกมาจากความว่างเปล่า ถ้าเป็นความสามารถเกี่ยวกับห้วงมิติล่ะก็ บอกได้เลยว่า โคตรเจ๋ง

 

“ความสามารถของเขาคือการลอกเลียนแบบครับ” ตงเซียวพูดออกมา

“ลอกเลียนแบบ” ซูจิ้งตกใจเหมือนกับกำลังประสบอุบัติเหตุใหญ่ตรงหน้า

“ใช่ เขาสามารถสร้างของออกมาได้เหมือนกับของต้นฉบับทุกระเบียดนิ้ว จะบอกว่าเหมือนกันอย่างกับเม็ดถั่วก็ไม่ผิด ยิ่งของนั้นรายละเอียดน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งเหมือนเท่านั้น” ตงเซียวพูดออกมา

“เป็นอย่างนี้นี่เอง” ซูจิ้งเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงหยิบเตียงออกมาจากกลางอากาศได้ นั่นก็เพราะเขานั้นกำลังนอนอยู่บนเตียงในขณะนั้นนั่นเอง ซูจิ้งจึงได้ถามต่อว่า “แล้วพวกเงิน เพชร หรือทองหล่ะ”

 

“ได้แน่นอน แต่ก็ทำไม่ได้อีกต่อไปเพราะตอนนี้พลังของเขาอ่อนแรงลงจนไม่สามารถใช้ความสามารถได้อีกต่อไป

เพราะยิ่งเขาใช้ความสามารถบ่อยเท่าไหร่ พลังของเขายิ่งอ่อนแอลงจนตอนนี้จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้” ตงเซียวอธิบายเพิ่มเติม

 

“ขอดูหน่อยสิ” ซูจิ้งรู้สึกได้ว่าความไป๋ไทฮองนั้นสามารถใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดแล้ว มันคงจะน่าเสียดายถ้าปล่อยให้เขาตาย

ซูจิ้งได้ทำการตรวจสอบอาการของไป๋ไทฮองแล้วพบว่าพลังจิตของไป๋ไทฮองนั้นไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด เพียงแต่ว่ามันถูกดึงดูดออกไปตลอดเวลา

แน่นอนว่าต้นเหตุย่อมมาจากสแตนด์อย่างไม่ต้องสงสัย อาการของไป๋ไทฮองน่าจะหนักกว่าเจ้าหนูขาวนั่น เหตุผลที่น่าจะมาจากความสามารถที่ใช้ไปนั้นกินพลังงานมากจนต้องดึงพลังจิตของเขามาทดแทน

ซูจิ้งได้ลองสะกดจิตไป๋ไทฮองให้เข้าไปสู่อัญมณีฝึกจิต แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

เหตุผลที่พวกสัตว์สามารถตามเข้าไปในอัญมณีฝึกจิตได้เป็นเพราะว่าพวกมันไม่ได้คิดอะไรมาก

ต่างจากมนุษย์ที่มีความคิดมากมายอยู่ในหัว อีกทั้งไป๋ไทฮองยังแก่มากทำให้ยากที่จะสงบจิตใจก่อนเข้าไปได้

 

“ร่างกายเหมือนจะอ่อนแอไปหน่อยแหะ” ซูจิ้งคิดขึ้นมาได้ว่าสมควรจะทำให้ร่างกายของไป๋ไทฮองให้แข็งแรงขึ้นก่อน เขาน่าจะทำอะไรกับพลังวิญญาณของไป๋ไทฮองง่ายขึ้นถ้าร่างกายแข็งแรงขึ้น

คิดได้ดังนั้นซูจิ้งได้เสริมพลังกายไป๋ไทฮองโดยตรงโดยใช้เวทมนต์สัมผัสแห่งใบไม้ฯเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย

อย่างไรก็ตามซูจิ้งต้องขมวดคิ้วในทันทีเมื่อรู้ว่าเวทมนต์สัมผัสแห่งใบไม้ฯใช้ไม่ได้ผลเท่าที่ควรดังที่หวังไว้

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ตอนเขาช่วยผู้อาวุโสเฉียนจากการแทงที่ท้องสภาพปางตายอย่างง่ายดาย

สภาพของหมอนี่หนักแค่ไหนกัน

“มีบางอย่างผิดปกติ” ซูจิ้งนึกไปดังนั้นก็ได้ดึงตัวเขาเข้ามาแล้วถลกคอเสื้อก็ได้เห็นว่าผิวหนังของเขาส่องแสงแวววับ นั่นก็คือผิวของเขาเป็นเกล็ดงู

“หมอนี่ก็ใช้ฮอร์โมนเสริมพลังกายสินะ ทั้งๆที่ยังมีผลค้างเคียงอย่างมากเนี่ยนะ” ซูจิ้งถอนหายใจก่อนจะหันไปหาตงเซียว

“ใช่แล้วครับ เขาเองก็ใช้มันเช่นเดียวกัน โดยปกติพวกเราจะไม่ได้ใช้พร่ำเพรื่อหรือใช้โดยไม่จำเป็น

นั่นก็เพราะว่าผลจากการใช้ยาถึงแม้ว่าจะเพิ่มพลังร่างกายมากมายมหาศาลก็ตาม

แต่มันก็เหมือนกับการเบิกจ่ายพลังชีวิตกับความแข็งแกร่งของร่างกายไปล่วงหน้ามากกว่า

อีกทั้งหลังใช้งานแล้วจะร่างกายอ่อนแออย่างมาก ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลข้างเคียงที่ใหญ่หลวง

ไป๋ไทฮองเองนั้นแต่เดิมร่างกายก็ไม่ได้เข็งแรงมากมายอะไรขนาดนั้น แต่เขานั้นก็ยังใช้มันติดๆกันเพื่อสนุกกับผู้หญิง นี่จึงเป็นเหตุผลให้ร่างกายเขาทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว” ตงเซียวอธิบายออกมาอย่างจนใจ

ซูจิ้งถึงกับพูดไม่ออก

ไป๋ไทฮองคนนี้ไม่คิดเลยว่าจะใช้ฮอร์โมนเพียงแค่เรื่องของผู้หญิงแบบเดียวกับเว่ยจี ช่างเป็นเรื่องชวนปวดหัวจริงๆ

ซูจิ้งมองไปยังไป๋ไทฮองอย่างเงียบงันเป็นเวลาพักใหญ่แล้วก็คิดขึ้นมาว่า “ช่างมันดีกว่า ปล่อยเรื่องของไป๋ไทฮองไปก็แล้วกัน ยังไงซะหมอนี่ก็ยังมีพลังเหลืออยู่ สามารถใช้งานได้จนกว่าจะตายล่ะนะ”

ซูจิ้งได้ตัดสินใจการใช้งานความสามารถของไป๋ไทฮองไว้เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าไม่ได้จะใช้ในการลอกเลียนเงิน ทอง อัญมณี หรือวัตถุโบราณ แต่ใช้ลอกเลียนของที่มีค่ายิ่งกว่านั้น

“ปล่อยวางเรื่องไป๋ไทฮองไปเลยละกัน ใช้ลูกศรของเจียจิหลงที่เหลืออีกสองลูกกับไป๋ฮิตูและตงเซียวก็แล้วกัน” ซูจิ้งคิดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่ายังซะพลังจิตของสองคนนี้ย่อมแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาแน่นอน

และนั่นหมายความว่าย่อมสะกดจิตสมบูรณ์ได้ยากอย่างแน่นอน ซึ่งในงานนี้ความสามารถของเจียจิหลงย่อมเหมาะสมกว่า

ซูจิ้งสั่งให้เจียจิหลงยิงลูกธนูไปยังไป๋ฮิตูและตงเซียว นั่นทำให้ทั้งสองถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นซูจิ้งควบคุมเจียจิหลงให้ยืนขึ้น และบอกให้เข้าไปในเมือง เขาติดตามเจียจิหลงโดยแมลงปอ และมองหาโอกาสเหมาะๆและทันใดนั้นเจียจิหลงก็ยืนแน่นิ่ง เขาอยู่ๆก็เกิดหมดสติอยู่กลางถนน รถบรรทุกที่แล่นมาเมื่อเห็นดังนั้นได้พยายามหักหลบแต่ก็ยังเหยียบไปบนเขาแบบเต็มๆ จากที่เห็นถึงแม้ว่าจะดูเหมือนอุบัติเหตุรถยนต์ธรรมดา แต่ความจริงแล้วคนฆ่าเขาก็คือซูจิ้งนั่นเอง

ทันทีที่เจียจิหลงตาย ซูจิ้งรู้ได้ทันทีถึงความรู้สึกเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างเขา หลัวฉือหลิน ไป๋ฮิตู ตงเซียว และอีกเจ็ดคนที่เหลือในห้วงจิตสำนึก

ยังดีที่ความรู้สึกนั้นเหมือนกับความรู้สึกเวลาที่เขาทำการสะกดจิตสมบูรณ์ใส่ใครซักคนแต่มันก็ดูไม่เหมือนซะทีเดียว

มันเหมือนเป็นพันธะสัญญามากกว่า มันดีกว่ามากขนาดที่ว่าแค่คิดให้คนที่ถูกควบคุมฆ่าตัวตายล่ะก็คนๆนั้นจะยินยอมตายในทันที

“ตงเซียว ฉันจะปล่อยที่นี่ให้นายจัดการแล้วกัน ฉันเชื่อว่านายจะจัดการได้ นายยังศึกษาฮอร์โมนเสริมร่างกายต่อไปได้แต่ห้ามมีการบังคับผู้คนหรือทำอะไรให้เกิดอันตรายกับคนที่ร่วมทดลองเป็นอันขาด

นายจะต้องได้รับความสมัครใจจากคนพวกนั้นและไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อเกินไป ให้จำกัดจำนวนผู้ทดลองอยู่ที่สิบคนและทำเฉพาะในฐานแห่งนี้เท่านั้น

ห้ามเอาไปทำที่อื่นหรือเผยแพร่งานวิจัยที่ไหน นอกจากนี้พวกเราจะไม่ทำอะไรที่มันต้องล้ำเส้นกฏหมายหรือศีลธรรม และห้ามทำอะไรที่มันดูโหดร้ายนอกจากจะเป็นคำสั่งฉัน

นอกจากนี้ตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นเราจะไม่รู้จักกันและนายก็ไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกับฉัน” ซูจิ้งสั่งออกไป

“เข้าใจแล้วครับ” ตงเซียวรับคำสั่งและเริ่มการเก็บกวาด

“ไป๋ฮิตู นายก็กลับไปจัดการธุรกิจของนายซะ ดูแลคนของนายต่อไป และก็อย่าทำอะไรที่มันท้าทายกฎหมายหรือศีลธรรมใดๆ เช่นเดียวกันนายไม่รู้จักฉัน ฉันจะเป็นคนติดต่อนายไปอย่างลับๆเองหากต้องการอะไร หลัวฉือหลินนายเองก็ทำตัวแบบไม่มีตัวตนแบบนี้ต่อไป หาที่ดีๆและคอยฝึกฝนตัวเองเข้าไว้ ฉันมีเรื่องต้องให้นายช่วยบ่อยๆแน่นอน” ซูจิ้งพูดออกมา

“เข้าใจแล้วครับ” ทั้งสองรับคำสั่งแต่โดยดี

“อ้ออีกเรื่อง ไป๋ฮิตูฝากดูแลจูหยุนดีๆด้วยหล่ะ” ซูจิ้งพลางนึกถึงจูหยุน ถึงแม้ตอนนี้เขาจะดูต่างจากเมื่อก่อนมากแต่ดูๆไปแล้วก็ยังเป็นคนดีเหมือนเดิม

“ได้ครับ” ไป๋ฮิตูฝังคำสั่งนี้ของซูจิ้งลงไปในจิตสำนึกทันที

“อีกเรื่อง ฉันจะพาไป๋ไทฮองไปด้วยฉันมีอะไรให้เขาทำซักวันสองวัน หลังจากนั้นจะพาเขากลับมาให้นาย” ซูจิ้งชี้ไปยังไป๋ไทฮองแล้วพูดออกไป

“ทราบแล้วครับ” ไป๋ฮิตูรับฟังแต่โดยดี ขนาดเป็นเรื่องของพ่อตัวเองเขานั้นก็ไม่ได้แย้งซูจิ้งแต่อย่างใด