GGS:บทที่ 780 ความสามารถของทั้ง 4 (1)
ตงเซียวได้อธิบายความสามารถของไป๋ฮิตูเป็นคนแรก ความสามารถของเขาเข้าใจง่ายและตรงไปตรงมา นั่นก็คือพลทหารที่ใช้ปืน เป็นประเภทต่อสู้ ความสามารถทั้งหมดซูจิ้งนั้นได้เห็นไปแล้ว
คนที่สองความสามารถของหนุ่มนักเลงหลัวฉือหลิน สแตนด์ของเขาเองก็เหมือนอย่างที่ซูจิ้งได้เห็นไปแล้วนั่นก็คือการควบคุมกระแสไฟฟ้า เข้าไปในเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ทุกประเภท
ถ้าแสดงตนเองออกมาจะมีความเร็วมากกว่ากระแสไฟฟ้า หากซูจิ้งไม่ได้มีพลังจิตที่แข็งแกร่งล่ะก็ ถ้าสู้ด้วยพลังกายอย่างเดียวเขาเองก็แทบจะไม่มีโอกาสชนะได้เลย
นอกจากนี้หลัวฉือหลินยังมีความสามารถในการส่งสแตนด์เข้าไปตามสายไฟฟ้าและสายเคเบิลต่างๆและเข้าไปควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ทุกชนิดที่มีการเชื่อมต่อไว้ ซึ่งเหมาะมากกับงานจารกรรมข้อมูลและตรวจสอบ
อย่างเมื่อกี้ที่เขาถูกส่งตัวไปสืบข้อมูลของซูจิ้ง เขาได้ส่งสแตนด์เข้าไปยังสายเคเบิลแล้วได้ลักลอบเข้าไปตามเซิฟเวอร์ต่างๆเพื่อรวบรวมข้อมูล และได้คำตอบไม่นานนักหลังเกิดเรื่อง
บอกได้เลยว่ารวดเร็วกว่าต่อให้ยกตำรวจมาทั้งโรงพักในเขตเมืองจงหยุนก็สู้ไม่ได้
แน่นอนว่าความสามารถนี้ยังมีขีดจำกัด เขาไม่สามารถไปได้ไกลนัก เพราะว่ายิ่งสแตนด์ห่างจากร่างต้นมากเท่าไหร่ ร่างต้นก็จะยิ่งอ่อนแอมากเท่านั้น
“อืมมม…. ความสามารถของไป๋ฮิตูเหมาะกับการต่อสู้และเป็นบอดี้การ์ด ส่วนความสามารถของหลัวฉือหลินหมาะกับการตรวจสอบและสอดแนมศัตรูสินะ ดีเลย สองคนนี้มีพลังใจเข้มแข็งดีอยู่แล้ว
ฉันไม่ต้องทำอะไรมากเพราะด้วยสภาพร่างกายแล้วน่าจะรองรับพลังของร่างวิญญาณได้
ถ้าพวกเขาสามารถควบคุมร่างวิญญาณได้สมบูรณ์เมื่อไหร่ก็จะไม่มีปัญหาแน่นอน”
ซูจิ้งมองไปยังไป๋ฮิตูและหลัวฉือหลินพลางยิ้มหวานจนทำให้ทั้งสองถึงกับขนหัวลุก พวกเขาเริ่มรู้ตัวหน่อยๆว่าซูจิ้งตั้งทำอะไรพวกเขาซักอย่างแน่ๆ
“ชายหน้าปรุคนนี้ชื่อเจียจิหลง ความสามารถของเขาคือการควบคุมคนอื่น…” ตงเซียวมองไปที่ชายหน้าปรุที่ดูเหมือนคนจีนยุคโบราณและกำลังจะแนะนำต่อไป
“เดี๋ยวนะ ควบคุมคนอื่น” ซูจิ้งอึ้งไปในทันที พลางนึกถึงลูกธนูในตอนที่สู้กัน
“ใช่ เขามีคันธนูและลูกธนูอีกสิบลูกติดมากับร่างวิญญาณของเขา ใครก็ตามที่ถูกยิงจะถูกเขาควบคุมอย่างสมบูรณ์ เขาเองก็อยากจะควบคุมคุณด้วยวิธีการนี้เหมือนกันแต่ไม่ว่าทำยังไงก็ยิงคุณไม่ได้ซักที” ตงเซียวบ่นออกมา
“หลังจากโดนแล้วจะต้านทานได้เลยใช่รึเปล่า”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น ตอนนี้เราใช้ไปแล้วเจ็ดลูก และทุกคนคนโดนควบคุมแต่โดยดีไม่ท่าทีขัดขืนใดๆเลย”
“มีเวลาหรือพวกระยะทางจำกัดอะไรอย่างนั้นรึเปล่าหลังจากถูกยิงไปแล้วน่ะ”
“คิดว่าไม่นะเพราะตอนนี้ก็ยังควบคุมได้ปกติ”
ยิ่งซูจิ้งถามมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่อาจดูแคลนความสามารถของเจียจิหลงหรือชายหน้าปรุคนนี้ได้
ถึงแม้เจ้าตัวเองจะไม่ได้รู้สึกว่ามันดีขนาดนั้นแต่สำหรับซูจิ้งเขาคือตัวปัญหาอย่างแท้จริง เพราะมันเจ๋งกว่าการสะกดจิตของซูจิ้งซะอีก
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างละก็อย่างเช่นต่อให้ตัวเขาเองที่มีพลังจิตแข็งกล้า
ไม่ว่าจะโดนสะกดจิตหรือมนต์ลวงตาแบบไหนก็ยังต้านทานได้แต่หากโดนธนูของเจียจิหลงไปทีเดียวก็สมควรที่จะตกอยู่ในการสะกดจิตทันที
“มีธนูอยู่สิบลูกนั่นหมายความว่าขีดจำกัดในการควบคุมอยู่ที่สิบคนสินะ” ซูจิ้งถามต่อ
“ใช่แล้ว” ตงเซียวพยักหน้ารับ
“แล้วธนูที่ยิงไปบนร่างวิญญาณของหลัวฉือหลินล่ะ” ซูจิ้งมองไปยังร่างวิญญาณหลัวฉือหลินในตำแหน่งที่ถูกธนูยิงแต่หายไปแล้ว
“นั่นที่ว่าเป็นลูกที่แปด ปกติผมใช้แค่ยิงไปที่ตัวคนเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เหมือนกันที่ยิงไปบนร่างวิญญาณ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ผลรึเปล่า ต้องลองถามเจียจิหลงแล้วหล่ะ”
ซูจิ้งหันไปมองยังเจียจิหลง เขาก็ได้ตอยกลับมาว่า “มันได้ผลเช่นเดียวกัน หลัวฉือหลินคุกเข่าคำนับฉันสามครั้งสิ”
หลัวฉิหลินนั้นมีพลังจิตที่แข็งกล้าเป็นไปไม่ได้เลยที่ซูจิ้งจะสะกดจิตเขาได้อย่างสมบูรณ์ถึงแม้ว่าจะง่ายต่อการสะกดจิตโดยตรงแบบนี้ก็ตาม
หลัวฉือหลินหรือหนุ่มนักเลงได้คุกเข่าลงต่อหน้าเจียจิหลงในทันทีพร้อมทำการคำนับสามครั้ง เขาดูเหมือนจะตกเป็นบริวารของเจียจิหลงอย่างสมบูรณ์
“งั้น ตราบใดที่ฉันควบคุมเจียจิหลงได้ก็หมายถึงควบคุมหลัวฉือหลินและคนอื่นๆได้แล้วสินะ
แต่ก็มีอีกปัญหาหนึ่งคือเจียจิหลงเองก็มีพลังจิตแข็งกล้าไม่น้อยเลยเหมือนกัน
แล้วฉันจะควบคุมเขาได้ยังไงเนี่ย จะให้ติดตามไปตลอดก็ไม่ได้ซะด้วยสิ
ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาจนทำให้หมอนี่หนีไปได้หล่ะก็ ก็เหมือนการปล่อยเสือเข้าป่าและต้องก่อปัญหาอีกไม่น้อยเลย
เดี๋ยวนะ เขาได้ใช้ธนูไปก่อนหน้านี้เจ็ดลูกนี่ เขาใช้กับใครมั่งล่ะนั่น” ซูจิ้งนึกได้ดังนั้นก็ถามออกไปว่า “แล้วเจ็ดคนที่พวกนายควบคุมอยู่นี่มีใครบ้างล่ะ”
“นี่คือรายชื่อและข้อมูลของคนที่เราควบคุมครับ” ตงเซียวดึงกระดาษออกมาจากโต๊ะคอมพิวเตอร์มาให้ซูจิ้งดู
ซูจิ้งจ้องไปที่กระดาษและนั่นก็ถึงกับทำให้เขาใบหน้ากระตุกทันทีที่เห็นและอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงพลางคิดไปว่า คนพวกนี้เตรียมก่อการอีกแล้วสินะ
ถึงแม้ตระกูลหวังจะมีอำนาจพอสมควรในเมืองหลวงแต่ทั้งเจ็ดคนที่ถูกควบคุมอยู่นี้ก็สามารถทำให้แผ่นดินจีนสั่นสะเทือนได้ไม่แพ้กัน บางคนนี่แม้แต่ตระกูลหวังก็ยังต่อกรด้วยยากเลย
แน่นอนว่าคนพวกนี้ก็มีอำนาจในเมืองจงหยุนเหมือนกัน
และบางคนเองก็มีตำแหน่งอยู่ในสภาเมืองด้วยเช่นกัน อย่างคำกล่าวที่ว่ามังกรไม่อาจสู้กับงูเจ้าถิ่นได้ฉันใด ตระกูลหวังก็ไม่สามารถใช้อำนาจได้เต็มที่ที่เมืองนี่ได้ฉันนั้น
“ไอ้พวกนี้…. โชคดีของฉันจริงๆที่เลือกจะช่วยครูจาง ไม่อย่างนั้นล่ะก็โลกได้โกลาหลอีกรอบแน่ๆ”
หัวใจของซูจิ้งนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทันทีเมื่อจินตนาการว่าเมื่อไหร่ที่พวกนี้ทำงานสำเร็จจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ แผนการนี้สมควรจะสำเร็จได้ง่ายๆ ดีไม่ดีเขาเองจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นเหตุของปัญหาที่อาจเกิดขึ้นมาจากอะไรกันน่า ทำได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
“นายควบคุมคนพวกนี้นี่ตั้งใจจะก่อเรื่องอะไรกันแน่” ซูจิ้งถามพลางขมวดคิ้วไปด้วย ถึงแม้ซูจิ้งจะร้ายกาจยังไงเขาก็ไม่เคยคิดจะควบคุมคนพวกนี้เพราะสำหรับเขาแล้วมันดูไม่ยุติธรรมและไม่ได้มีเหตุผลมากพอที่จะทำ
ถึงแม้เขาจะมีพลังและความสามารถพอแค่ไหนก็ตาม แต่ในเมื่อพวกเขาถูกควบคุมไปแล้วซูจิ้งก็ไม่อาจปล่อยเอาไว้อย่างนี้ได้
เพราะหากได้รับการสนับสนุนจากคนพวกนี้หล่ะก็ไม่ว่าด้านไหนก็บอกได้เลยว่าสามารถพัฒนาไปได้อย่างไร้สิ่งกีดขวาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ ชื่อเสียง หรืออำนาจ จะทำอะไรก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกโต้ตอบ ตามจับ หรือถูกรายงานต่อภาพรัฐอีกต่อไป
ถึงจะบอกว่าตระกูลหวังเองก็ทำเรื่องพวกนี้ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ตระกูลหวังทำอะไรไม่ได้ล่ะ แน่นอนว่าเรื่องที่ตระกูลหวังทำไม่ได้คนพวกนี้มีอำนาจพอจะทำได้แน่นอน
“สามารถจะปล่อยคนพวกนี้ออกจากการควบคุมได้รึเปล่า” ซูจิ้งอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
“หากควบคุมได้แล้วจะไม่สามารถปลดปล่อยได้นากจากจะฆ่าผมไป…”
เจียจิหลงเว้นช่วงไปพักหนึ่งก่อนจะแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน ซูจิ้งเห็นดังนั้นก็รู้เลยว่าต้องมีความลับอื่นอีกจึงทำให้เกิดการต่อต้านในใจขึ้นมา
“แล้วไงอีก” ซูจิ้งปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันออกมาเพื่อกดดัน
“นอกจากนั้น ผมรู้สึกว่าต่อให้ผมถูกฆ่ามันเหมือนกับว่าคนพวกนั้นแค่หลุดการควบคุมของผมเท่านั้น
คนที่ฆ่าสมควรจะเป็นคนที่ควบคุมคนเหล่านั้นต่อไป” เจียจิหลงพูดออกมาอย่างอิดออดราวกับจะรู้ชะตากรรม
“นาย…หมายความว่าคนที่ฆ่านายจะได้สิทธิในการควบคุมต่อ” ซูจิ้งถามย้ำออกมา
“ใช่ครับ” เจียจิหลงพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจ
ซูจิ้งยิ้มออกมาในทันที แถมยังเป็นรอยยิ้มอันแสนชั่วร้าย ปัญหาที่กวนใจเขาเมื่อกี้นี้ไม่คิดว่าจะถูกคลี่คลายอย่างรวดเร็วโดยสแตนด์ของเจียจิหลง ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ