บทที่ 6 บทที่ 92 ผู้สืบทอดเสียนจี้

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

“เป็นเงาหมาป่าเลือดขนาดใหญ่จริงเหรอ” กุยเชียนอีขมวดคิ้ว 

 

ที่นี่เป็นใต้ดินของเอลิเซียมบาร์ เป็นช่องว่างที่ขุดขึ้นมาเป็นพิเศษ…แน่นอนว่าที่นี่ไม่ใช่ฐานทัพลับอะไร แต่อย่างน้อยก็สามารถหยุดยั้งบรรดาปีศาจ ‘ที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ’ ได้ 

 

 “ไม่ผิด” กุ่ยอิงเล่าสถานการณ์ “อีกอย่างผมรู้สึกว่าถึงจุยเฟิงคนนี้จะกลายเป็นมารแต่ก็ไม่เหมือนถูกจิตมารครอบงำ เหมือนเป็นการเปิดสัญชาตญาณที่แท้จริงของเขามากกว่า” 

 

 “อืม…” กุยเชียนอีหลับตาลงครุ่นคิด 

 

ไม่มีใครรู้ว่าเต่าเฒ่าอายุเท่าไร ในความทรงจำของบรรดาปีศาจมากมายในปัจจุบัน ดูเหมือนชื่อของกุยเชียนอีจะปรากฏอยู่ในบันทึกของบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ ของพวกเขาแล้ว 

 

 “ร้อยปีก่อนเคยมีหมาป่ามารตนหนึ่งปรากฏออกมา…” กุยเชียนอีลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน “เวลานั้นเจ้าน่าจะเก็บตัวอยู่ แต่หลังจากออกมาแล้วคงได้ยินข่าวอยู่ใช่ไหม” 

 

กุ่ยอิงขมวดคิ้ว ย้อนคิด “ที่ท่านกุยพูดถึงก็คือเจ้าคนที่เรียกตนเองว่าเป็นผู้สืบทอด ‘เสียนจี้’ งั้นเหรอ” 

 

 “ถูกต้อง” กุยเชียนอีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พูดถึง ‘เสียนจี้’* ก็ต้องพูดถึงหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานตะวันตกโบราณ…เฟนรีร์** ‘เสียนจี้’ ก็คือหนึ่งในลูกทั้งสองของเฟนรีร์ซึ่งเคยไล่ฆ่าโอดิน จอมเทพ ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งคือ ‘หมาป่าผู้ไล่ล่าดวงอาทิตย์’ ” 

 

กุ่ยอิงเดินไปเดินมาด้านหน้ากุยเชียนอี “ข้าจำได้ว่าหลังออกจากการเก็บตัว หมาป่ามารตนนี้ก็ปรากฏตัวอยู่ที่ราบสูงทิเบต*** เพิ่งจะปรากฏตัวก็ฆ่าปีศาจแข็งแกร่งจากหลายฝั่งที่นั่น ชื่อเสียงโด่งดังอยู่ระยะหนึ่ง” 

 

กุยเชียนอีพยักหน้าเอ่ยว่า “ไม่ผิด ตอนนั้นปีศาจทางที่ราบสูงพากันอกสั่นขวัญแขวน ส่วนเวลานั้นใต้เท้าหลงก็ไปหาสมุนไพรต่างประเทศยังไม่กลับ เผ่าปีศาจบนที่ราบสูงส่งทูตมาพระราชวังเซวียนหยวนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อข้านำองครักษ์ไปถึงก็หาร่องรอยของหมาป่ามารไม่พบแล้ว แต่…” 

 

 “ท่านกุย ข้าไม่ค่อยชอบที่ท่านเล่นลิ้น” 

 

 “คนหนุ่ม ยังไม่ทำอะไรก็โมโหคนแก่เสียแล้ว!” กุยเชียนอีกลอกตาขาว เปลี่ยนเป็นทำอย่างอื่น เขาเคาะไม้เท้าออกไป “แต่กลับพบร่องรอยการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่นั่น…ยอดหิมะถล่มและมีร่องรอยขนาดใหญ่เต็มทั่วบริเวณ ในสนามรบไม่มีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตเลย นั่นจะต้องเป็นศึกชี้ขาดของปีศาจระดับปีศาจเฒ่าอย่างแน่นอน…” 

 

 “หมาป่ามารตนนั้นเคยต่อสู้กับใครในยอดหิมะหรือ?” 

 

 “น่าจะใช่” กุยเชียนอีสูดหายใจเข้าลึกๆ และเอ่ยว่า “ต่อมาข้าสืบหาอยู่นาน แต่กลับหาไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ต่อสู้กับหมาป่ามาร รู้เพียงว่า นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของหมาป่ามารตนนั้นอีกเลย ส่วนที่ราบสูงก็สงบมาจนถึงทุกวันนี้ และเพิ่งจะฟื้นฟูลมปราณหยวนชี่นิดหน่อย” 

 

 “หมาป่ามารตนนั้น ก็ใช้พลังของเงามายาหมาป่าเลือดขนาดใหญ่งั้นหรือ” 

 

 “หากอิงตามคำอธิบายของเผ่าปีศาจที่ราบสูง ก็จะคล้ายกับคำพูดของเจ้า” 

 

 “หรือจุยเฟิงจะเป็นทายาทของปีศาจมารตนนั้น?” กุ่ยอิงขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “แต่ร่างเดิมของเขาเป็นปีศาจไฮยีน่าไม่ใช่หรือ” 

 

 “ข้าเองก็ไม่เข้าใจ…” ทันใดนั้นกุยเชียนอีก็ลุกขึ้นมา “ข้าคิดว่าข้าต้องไปเยี่ยมเยียนใต้เท้าหลงด้วยตนเองสักหน่อยแล้ว ต้องพูดเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง กุ่ยอิงเตรียมรถให้ข้าที!” 

 

… 

 

… 

 

รถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูซีรีส์เจ็ดสีดำคันหนึ่งจอดลงหน้าโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง ตำแหน่งหน้าประตูมีพังก์สวมชุดหนังที่เต็มไปด้วยตะปูนั่งอยู่ ทั้งยังแต่งหน้า…ทาอายไลเนอร์สีดำเข้ม  

 

คนที่เดินผ่านพากันหลบหลีก ด้วยกลัวว่าพังก์คนนั้นจะทำให้ตาบอด…เพราะพังก์คนนั้นจ้องมองประตูโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงที่ปิดแล้วด้วยท่าทางหงุดหงิดมาก 

 

แต่ภายในห้องสำนักงานของโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง กุยเชียนอีเกือบจะทำลายความสงบที่ฝึกฝนมาหลายร้อยปีไปในคราวเดียว แทบหุบปากที่อ้าออกอย่างตกตะลึงไม่ได้ 

 

แต่เขาจำต้องหุบปาก! 

 

มิฉะนั้นสวรรค์ถึงรู้ว่า ใต้เท้าท่านนี้ที่อารมณ์ไม่ค่อยดีจะลงมือทำลายกระดองเต่าของเขาเมื่อไหร่? 

 

ถึงตอนนี้ใต้เท้าท่านนี้จะไม่มีความสามารถนั้นก็ตาม… 

 

แต่สิ่งมีชีวิตเหนือกฏเกณฑ์อย่างมังกรแท้จริง คงมีแต่ฟ้าที่รู้ว่าเธอมีหรือไม่มีวิธีอะไรอื่นอีก? 

 

 “ใต้เท้าหลง ดูแล้วเรื่องด่วนในตอนนี้คงเป็นเรื่องช่วยท่านกลับสู่สภาพเดิม” กุยเชียนอีพูดด้วยสีหน้าดูจริงจัง 

 

หลงซีรั่ว…ยังคงอยู่ในชุดเมด เธอพิจารณากุยเชียนอีและเอ่ยอย่างฉับพลันว่า “ที่เจ้าอยู่มาจนถึงตอนนี้ก็ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล”  

 

ชั่วขณะนั้นกุยเชียนอีก็ยืดอกเอ่ยว่า “ข้าเป็นบ่าวของราชวงศ์เซวียนหยวน ตายไปก็เป็นบ่าวของราชวงศ์เซวียนหยวน ดังนั้นจึงควรแบ่งเบาภาระให้ใต้เท้าหลง!” 

 

 “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเหล่านี้…เจ้าช่วยข้าจับชีพจรดูเถอะ” หลงซีรั่วดึงแขนเสื้อขึ้น 

 

เต่าเฒ่าตนนี้หากพูดขึ้นมาก็เป็นผู้ฝึกสอนวิชาการแพทย์ให้แก่เธอในตอนแรก เพียงแต่ต่อมาเธอเหนือล้ำกว่าอาจารย์เท่านั้น ส่วนวิชาการแพทย์ของเต่าเฒ่ากลับเป็นอีกเส้นทาง แต่ข้อมูลยังถือว่ามีมากกว่าเธอ บางทีอาจจะหาวิธีอะไรได้  

 

ฉวยโอกาสช่วงเวลาที่กำลังจับชีพจร หลงซีรั่วกับกุยเชียนอีก็พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของจุยเฟิง 

 

 “ ‘เสียนจี้’?” หลงซีรั่วท่องชื่อนี้ออกมา “จุยเฟิงจะไปเกี่ยวข้องกับทายาท ‘เสียนจี้’ ได้อย่างไร? ไม่น่าจะใช่…ร่างกายของเขา ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ข้าได้ตรวจสอบร่างกายของเขาแล้ว ไม่อาจเป็น…” 

 

แต่เธอหยุดพูดลงอย่างกะทันหัน 

 

หลังจากผ่านการโดนโจมตีอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายวันมานี้ เธอจึงเริ่มสงสัยในตนเองขึ้นมา…ถึงแม้จุยเฟิงจะได้รับพลังของ ‘เสียนจี้’ ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ 

 

ตอนนั้นจุยเฟิงมีของสิ่งนั้นในมือ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หลงซีรั่วมีแต่ต้องยอมรับ 

 

ว่าสถานที่แห่งนั้น เจ้าของสมาคมคนนั้นดูเหมือนจะมีพลังอำนาจทุกอย่าง! 

 

ทำไมในโลกนี้ถึงได้มีสิ่งที่อยู่เหนือเหตุผลแบบนี้อยู่ด้วย… 

 

… 

 

 “ใต้เท้าหลง? ใต้เท้าหลง?” กุยเชียนอีร้องเรียกเบาๆ…เพราะมองเห็นหลงซีรั่วใจลอยอย่างกะทันหัน เต่าเฒ่ามีสัญชาตญาณว่าเรื่องยังจะร้ายแรงมากยิ่งขึ้น 

 

 “ไม่มีอะไร เพียงคิดถึงเรื่องเล็กๆ บางเรื่องขึ้นชั่วขณะเท่านั้น” หลงซีรั่วส่ายหน้า “เป็นอย่างไร เจ้าดูอะไรได้บ้างแล้ว?” 

 

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง กุยเชียนอีถึงได้เอ่ยว่า “ใต้เท้าหลง ตอนนี้ร่างกายของท่านไม่มีปัญหาอะไร สุขภาพร่างกายแข็งแรงมาก…แต่สุขภาพร่างกายแข็งแรงนี้แข็งแรงแบบมนุษย์ธรรมดา…” 

 

เขามองดูท่าทีของหลงซีรั่วอย่างระมัดระวังและพูดว่า “ข้าไม่สามารถหาอะไรที่คล้ายผนึก พิษหรือพลังแปลกๆ ได้เลย แปลกจริงๆ…ใต้เท้าหลง ท่านบอกข้าได้ไหมว่าท่านอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร?” 

 

 “แม้แต่เจ้าก็ตรวจไม่พบอย่างนั้นหรือ…” นัยน์ตาของหลงซีรั่วฉายแววผิดหวัง 

 

แต่เธอก็ไม่อยากให้ปีศาจตนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนั้นมาก แม้แต่เธอเองที่เป็นมังกรแท้จริงก็ยังเสียเปรียบขนาดนี้ นับประสาอะไรกับปีศาจตนอื่น… 

 

 “เอาล่ะ เรื่องนี้ยังไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่สุด” 

 

หลงซีรั่วส่ายหน้า “หากกลายเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดเมื่อไหร่ ข้าคิดว่าข้าคงจะรู้วิธีกลับคืนสภาพเดิมเอง พูดถึงทางเจ้า จำไว้ว่าห้ามแพร่งพรายออกไป โดยเฉพาะห้ามให้ซุนเสี่ยวเซิ่งรู้…เจ้าบ้านั่นเป็นตัวก่อปัญหา” 

 

 “ข้ารู้แล้ว ใต้เท้าโปรดวางใจได้” กุยเชียนอีพยักหน้า 

 

หลงซีรั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้เจ้าช่วยข้าจัดการเรื่องบางเรื่องหน่อย” 

 

 “ใต้เท้าโปรดสั่งมาได้เลย” กุยเชียนอีรีบลุกขึ้นยืน 

 

โอกาสสร้างบุญคุณมาถึงแล้ว! โอกาสอันหาได้ยาก! ยิ่งมากยิ่งดี! 

 

 “อย่างแรก ช่วยจับตาดูจุยเฟิง” หลงซีรั่วเอ่ยอย่างจริงใจ “ถ้าหากเขากลายเป็นมาร ไม่ว่าจะเป็นต่อมนุษย์หรือว่าปีศาจก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวอันตรายทั้งนั้น ต้องรีบจับกลับมา ข้าไม่อยากให้โลกมนุษย์ปั่นป่วน โลกใบนี้รองรับคลื่นลมได้ไม่มากแล้ว” 

 

 “ข้าเข้าใจแล้ว!” 

 

 “อย่างที่สอง ภายในห้องผ่าตัดมีคนป่วยนอนอยู่ เจ้าไปดู ตอนนี้ให้เจ้ารักษาจะสะดวกกว่าข้า” 

 

 “อีกครู่ข้าจะไป” 

 

หลงซีรั่วพยักหน้า สุดท้ายก็หมุนตัวกลับและมองเพดานเอ่ยว่า “อย่างที่สาม เจ้า…ไปเอาเสื้อผ้ามาให้ข้าหน่อย ตอนนี้ข้า…ออกไปข้างนอกไม่สะดวก” 

 

เมื่อมังกรแท้จริงหลบซ่อนตัวกลับมาจนได้แล้ว ก็พบว่าแม้จะเป็นเสื้อผ้าของลั่วเพียนเซียนก็ยังใหญ่กว่าตัวของเธอในตอนนี้มาก! 

 

ไซซ์ของผีเสื้อน้อยตนนั้นกลับใหญ่อย่างเหนือความคาดหมาย…ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่ได้สังเกตเห็นเลย? 

 

 “เสื้อผ้า?” กุยเชียนอีชะงัก จากนั้นก็ตกตะลึงรีบพยักหน้าและเอ่ยว่า “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ใต้เท้ารอสักครู่!” 

 

… 

 

กุยเชียนอีไพล่มือไว้ด้านหลังเดินออกมาจากประตูข้างของโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง จากนั้นกุ่ยอิงก็รีบเดินเข้ามา “ท่านกุย ใต้เท้าหลงว่าอย่างไร?” 

 

ทันใดนั้นกุยเชียนอีก็ยกมือขึ้นเอ่ยว่า “อืม…อีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน เจ้าช่วยข้าซื้อเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงกลับมาก่อน”  

 

 “เสื้อผ้าเด็กผู้หญิง?” กุ่ยอิงชะงัก แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก พยักหน้าและเอ่ยว่า “ต้องการแบบไหนหรือ?” 

 

 “อืม…” กุยเชียนอีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใช้โทรศัพท์มือถือยอดนิยมเสิร์ชหาครู่หนึ่ง หารูปภาพมาแล้วให้ดู “น่าจะรูปแบบประมาณนี้” 

 

 “แฟชั่นโลลิตางั้นหรือ ได้ ข้ารู้แล้ว” กุ่ยอิงพยักหน้า 

 

ทำไมเจ้าถึงรู้… 

 

 

 

*ความระแวงสงสัย เป็นความหมายของชื่อ สกอลล์ (Skoll) พญาหมาป่าหนึ่งในลูกทั้งสองของเฟนรีร์ 

 

**เป็นหมาป่าขนาดใหญ่ดุร้ายและมีกำลังมหาศาล เป็นลูกชายของเทพโลกิกับยักษ์ตัวเมีย 

 

***มีอีกชื่อคือหลังคาโลก