บทที่ 6 บทที่ 93 เปลี่ยนเป็นเลวร้ายในพริบตา

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

“คิดไม่ถึง…ตอนนี้เสี่ยวเจียงเป็นยังไงบ้าง?” 

 

 

ในสถานที่นัดพบ ครั้งนี้เหลือเพียงปีศาจแมวน้อยนีนี่และชีสที่มาพบกัน นีนี่ได้ยินเรื่องจากชีสแล้วก็รู้สึกเป็นกังวล 

 

 

ชีสโยนปลาสดตัวเป็นๆ ที่เพิ่งซื้อมาให้นกหวีด ส่ายหน้าและเอ่ยว่า “น่าจะไม่เป็นอะไร ใต้เท้าหลงพูดแล้วว่ารอเสี่ยวเจียงลงจากเตียงได้ก็จะออกมาเอง” 

 

 

 “มีใต้เท้าหลงก็ไม่มีปัญหาแล้ว” นีนี่พยักหน้าอย่างวางใจ จากนั้นก็พูดอย่างเสียใจว่า “อ๊ะ! นายก็ไม่บอกฉันก่อน ไม่งั้นตอนฉันผ่านที่นั่นของใต้เท้าหลงก็จะแวะเข้าไปดูอาการแล้ว” 

 

 

ชีสพูดว่า “ดูเหมือนใต้เท้าหลงจะมีเรื่องบางอย่าง ช่วงนี้น่าจะไม่อยากให้ใครไปรบกวน” 

 

 

นีนี่ร้องอ๋อจากนั้นก็พูดว่า “จริงเหรอ มิน่าตอนที่ฉันเพิ่งผ่านก็เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่หน้าโรงพยาบาล ใต้เท้ากุ่ยอิงอยู่ใกล้ๆ รถคันนั้น น่ากลัวจนฉันต้องรีบวิ่งหนี” 

 

 

ชีสไม่ได้พูดเรื่องไปมอบจดหมายให้กุยเชียนอี เพียงพูดว่า “นีนี่ ช่วงนี้เธออย่าไปไหนมาไหนข้างนอกคนเดียวนะ ระมัดระวังตัวหน่อย ฉันเป็นห่วง” 

 

 

นีนี่ยิ้มและเอ่ยว่า “ทำไมกัน นายกลัวว่าจุยเฟิงจะลงมือกับฉันงั้นเหรอ ชีส นายเป็นห่วงฉัน?” 

 

 

 “เอ่อ…อย่าเข้ามาใกล้นักสิ!” ชีสหดคอ “คัน!” 

 

 

 “วางใจเถอะ นายไม่เคยได้ยินเหรอว่าแมวมีเก้าชีวิต? อีกอย่าง…” นีนี่ยังคงเข้ามาใกล้ ดูเหมือนจะแตะลงบนไหล่ของชีส “เฮ้ นายได้รับบาดเจ็บที่คอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ตรงนี้แดงเป็นแถบเลย!” 

 

 

 “ตรงนี้…” ชีสชะงัก 

 

 

ภาพที่น่าตื่นเต้นเกินไปแวบเข้ามาในสมองของเขา พลันก็นึกถึงกลิ่นน้ำหอมที่พาเขาเข้าไปสู่ความทรงจำสีชมพู 

 

 

ทันใดนั้นชีสก็รีบตั้งสติ พูดด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ฉันบอกเธอไม่ให้เข้ามาใกล้ขนาดนี้แล้วนิ…เอาล่ะๆ เวลาสายมากแล้ว เธอรีบกลับไปเถอะ! ฉันต้องกลับไปช่วยดูแลน้องๆ แล้ว!” 

 

 

พูดแล้วชีสก็ผลักนีนี่ออกจากท่อระบายน้ำ 

 

 

 “ใช่แล้ว ชีส…” ก่อนที่นีนี่จะไปก็หันกลับมาอย่างกะทันหัน แต่กลับละสายตาออกจากใบหน้าชีส “วันอาทิตย์นี้นายพอมีเวลาว่างไหม? ฉันพูดถึงตอนกลางคืน…” 

 

 

 “เป็นอะไรเหรอ?” ชีสชะงัก ถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ 

 

 

นีนี่ล้วงเอาบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า กะพริบตาเอ่ยว่า “พวกเราไปดูคอนเสิร์ตกันเถอะ! นี่เป็นบัตรที่พ่อของฉันให้มา! จัดอยู่ในสนามกีฬา!” 

 

 

ชีสมองบัตรที่นีนี่ยื่นมา เกาหัวและเอ่ยว่า “พ่อของเธอไปเอาบัตรของพวกมนุษย์มาได้ยังไง?” 

 

 

นีนี่เอ่ยว่า “พ่อฉันเป็นเจ้าของเว็บไซต์ ได้ยินเขาพึมพำ ‘ดูเหมือนพวกแอนตี้ทั้งหมดก็ได้รับคำเชิญ’…อะไรสักอย่าง ถึงยังไงฉันก็ฟังไม่เข้าใจ แต่นายก็รู้ว่าพ่อของฉันไม่ชอบออกจากบ้าน เลยทิ้งบัตรมาให้ฉัน ถามว่าอยากไปไหม” 

 

 

ชีสยังคงเกาหัวและเอ่ยว่า “แต่ฉันไม่สนใจของของโลกมนุษย์…” 

 

 

แต่เมื่อชีสมองเห็นนีนี่มีสีหน้าผิดหวังวาบผ่าน จึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “แต่ช่วงนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรมาก ไปก็ไปสิ ถือว่าไปผ่อนคลายอารมณ์ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคืนนั้นจะหาเวลาว่างออกมาได้ไหมนะ เธอก็รู้ว่าบ้านของฉัน…” 

 

 

นีนี่ยิ้มพูดว่า “ไม่เป็นไรๆ! ฉันจะรอนายจัดการเรื่องที่บ้านเสร็จ สองทุ่มสนามกีฬาที่เดิม! ไม่พบไม่เลิกลา!” 

 

 

ชีสพยักหน้า แต่ในตอนนี้เอง นีนี่ก็จูบเขาอย่างรวดเร็ว…เหมือนกับแมลงปอแตะผิวน้ำ 

 

 

ตอนที่เขาได้สติกลับมานั้น ปีศาจแมวน้อยก็พลิกตัวข้ามกำแพงไปอย่างรวดเร็วแล้ว  

 

 

ชีสมองทิศทางที่นีนี่หายไป…รู้สึกเพียงว่าจูบเบาๆ นี้ไม่เหมือนกับจูบของบรรดา ‘พี่สาวใหญ่’ ในเอลิเซียมบาร์เมื่อคืนวานเลยสักนิด 

 

 

ตุ้บๆๆ เสียงหัวใจเต้น 

 

 

 “ไม่พบไม่เลิกลา…” ชีสเอนตัวนอนลงบนพื้นทั้งอย่างนั้น ไม่รู้ว่าในหัวคิดอะไรอยู่ เพียงรู้สึกดีใจอย่างอธิบายไม่ถูก 

 

 

ข้างกาย หางของนกหวีดค่อยๆ คลานมาถึงร่างของเขาและพันรอบคอเขา 

 

 

แต่ชีสกลับตบเบาๆ พูดไปว่า “นกหวีด อย่าเพิ่งวุ่นวาย ฉันกำลังคิดอะไรอยู่” 

 

 

จากนั้นนกหวีดถึงได้คลายหาง ก้มหน้าลงกลืนปลาสดที่ชีสซื้อมาเหล่านั้นจนหมด สุดท้ายถึงได้มาที่ข้างกายชีสและหรี่ตาลง 

 

 

… 

 

 

ดูเหมือนแมวกับหนูจะเป็นศัตรูคู่แค้นกันใช่ไหม? 

 

 

ไม่ว่าจะเป็นตามกำเนิดหรือในการ์ตูนเรื่อง ‘ทอมแอนด์เจอร์รี่’ ที่ดูประจำตอนยังเด็กก็เป็นหลักการอย่างนี้ 

 

 

แต่ทำไม…แต่ทำไมถึงไม่รู้สึกรังเกียจชีส? 

 

 

กลับหวังทุกวันว่าอยากจะ… 

 

 

ทันใดนั้นนีนี่ก็รู้สึกว่าสองแก้มของตนเองร้อนผ่าวขึ้นมา แม้แมวมีสัมผัสว่องไวก็ยังเกือบตกลงจากกำแพง แต่เพราะไม่ใช่แมวป่าธรรมดาแต่เป็นปีศาจแมว ดังนั้นสุดท้ายแล้วเธอจึงตกลงถึงพื้นได้อย่างปลอดภัย 

 

 

 “โอ้ เกือบไปแล้ว~” 

 

 

นีนี่หยิบบัตรในมือออกมาชูขึ้นแล้วยิ้มมองมันอย่างโง่งม 

 

 

อีกไม่กี่วันก็ถึงคืนวันอาทิตย์แล้ว 

 

 

 “ดูเหมือนเธอจะมีความสุขมาก?” 

 

 

ในตอนนี้เอง เสียงหนึ่งที่นีนี่คุ้นเคยก็ดังขึ้น นีนี่ขนลุกซู่ทั้งตัวในทันที มองไปตามเสียงและเอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “จุยเฟิง! เป็นนาย!” 

 

 

เห็นเพียงเงาดำวาบผ่าน จุยเฟิงก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของนีนี่แล้ว จุยเฟิงในตอนนี้ไม่เหมือนกับจุยเฟิงในความทรงจำของนีนี่ เพราะดวงตาของเขาแดงฉานเหมือนกับสีเลือด 

 

 

 “นาย นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” นีนี่ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว 

 

 

 “ฉันถามเธอ เธอก็ยังไม่ตอบเลย ลืมมารยาทแล้วเหรอ” จุยเฟิงยิ้มเยาะและก้าวเข้ามาข้างหน้าอีกก้าว “ทำไมถึงดีใจแบบนั้น?”  

 

 

 “ไม่…ไม่เกี่ยวกับนาย” 

 

 

นีนี่ส่ายหน้า แต่ก็ยังถอยหลังอีกก้าวหนึ่ง และพูดขึ้นอีกว่า “จุยเฟิง! นายไปมอบตัวกับใต้เท้าหลงดีกว่าไหม? ฉันรู้ว่านายอาจจะพลั้งมือทำร้ายเสี่ยวเจียงไป แต่ถ้านายขอโทษอย่างจริงใจแล้ว ฉันเชื่อว่าเมื่อเสี่ยวเจียงฟื้นขึ้นมาก็จะให้อภัยนาย” 

 

 

 “เขาจะให้อภัยหรือไม่ให้อภัยเกี่ยวอะไรกับฉัน?” จุยเฟิงก้าวไปข้างหน้าอีก “ฉันต้องการให้เธอตอบคำถามฉันว่าทำไมถึงดีใจ…ทำไมไม่บอกฉัน? พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ” 

 

 

 “จุยเฟิง นายเข้าใกล้เกินไปแล้ว!” 

 

 

 “เมื่อกี้นี้เธอก็เข้าใกล้ชีสแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” 

 

 

 “นาย…เมื่อกี้นี้นาย!” ทันใดนั้นนีนี่ก็รู้สึกหวาดกลัว “เมื่อกี้นี้นายแอบดูอยู่ตลอด!” 

 

 

บนร่างของจุยเฟิงมีกลิ่นอายที่ชวนให้เธอรู้สึกหวาดกลัวปรากฏออกมา…เธอไม่เคยรู้สึกถึงกลิ่นอายแบบนี้บนร่างของจุยเฟิงมาก่อน เหมือนกับเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน 

 

 

ทันใดนั้นสายตาของจุยเฟิงก็เปลี่ยนไปและเอ่ยว่า “นีนี่ เธอรู้ไหม? ฉันเคยคิดว่าในบรรดาพวกเรานั้นเธอเป็นคนที่เข้าใจฉันมากที่สุด แต่ แต่ว่า…ทำไมกัน?” 

 

 

นีนี่รู้สึกไม่ดีจึงถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ…ทันทีที่ถอยก็กระโดดพลิกขึ้นไปบนผนังอย่างรวดเร็ว 

 

 

 “ทำไมแม้แต่เธอก็หักหลังฉัน?” สีหน้าของจุยเฟิงดูหนักอึ้งขึ้น พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน และก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอื่นเพียงแค่ตวัดมือคว้ากลางอากาศ 

 

 

บนร่างเขาปรากฏแสงสีแดงพุ่งออกไปพันรอบเท้าของนีนี่ และลากเธอกลับมา 

 

 

 “เธอว่าเป็นเพราะอะไร” จุยเฟิงมองนีนี่ที่กำลังหวาดกลัวอยู่บนพื้น เขาย่อลงไป “เพราะอะไรกัน” 

 

 

 “จุยเฟิง…นาย นายเป็นอะไรไป? นายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน!” 

 

 

 “ฉันเป็นอะไรงั้นเหรอ ตอนนี้ฉันสบายดีมาก!” ทันใดนั้นจุยเฟิงก็หัวเราะเบาๆ “ฉันไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อน…นีนี่ เธอรู้ไหม เธอเป็นเพื่อนของฉัน เธอน่าจะเป็นเพื่อนของฉันนี่ แล้วเธอรู้ไหม เพื่อนที่ดีไม่ควรหักหลังกัน” 

 

 

ติงๆ! 

 

 

เสียงอะไร? 

 

 

ทันใดนั้นนีนี่ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ชั่วขณะนั้นก็เปลี่ยนเป็นมึนงงขึ้นมา…เห็นเพียงจุยเฟิงเขย่ากระดิ่งแปลกประหลาดในมือไม่กี่ครั้ง จากนั้นสองตาของเธอก็เริ่มหนักอึ้งขึ้นมา 

 

 

หนัก หนักจริงๆ…บัตรของฉัน 

 

 

… 

 

 

 “ยืนขึ้นมาเถอะ” 

 

 

ทันใดนั้นจุยเฟิงก็สบถออกมา ออกคำสั่งต่อนีนี่ที่อยู่บนพื้น ขณะเดียวกันก็หยิบบัตรที่นีนี่เพิ่งจะทำตกขึ้นมา 

 

 

 “ค่ะ…” 

 

 

นีนี่ขมวดคิ้วยืนขึ้นมาเงียบๆ และไม่ขยับตัวเหมือนเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง 

 

 

 “บอกฉันมาว่าเธอจะจงรักภักดีกับฉันไหม? ฟังคำสั่งของฉันโดยไม่มีเงื่อนไขไหม? เชื่อฉันไหม?” 

 

 

 “ค่ะ…” ดวงตาของนีนี่ไร้อารมณ์ใดๆ ค่อยๆ เอ่ยว่า “นีนี่จะฟังคำสั่งของจุยเฟิง นีนี่จะไม่ทรยศจุยเฟิง…” 

 

 

 “ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!!!!!!” 

 

 

จุยเฟิงเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ฉีกบัตรในมือ แล้วโยนใส่หน้านีนี่ เอ่ยว่า “อา…อยู่ดีๆ ฉันก็มีไอเดียดีๆ ขึ้นมาแล้วสิ”