บทที่ 6 บทที่ 94-1 ทำไมต้องใช้ความจริงใจไปแลกกับความหลอกลวง

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

ภายในโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง มีเต่าเฒ่าอายุยืนยาวตนหนึ่งมุดหลบในกระดองกลิ้งออกมาจากประตูห้องสำนักงาน 

 

 

สุดท้ายเขาก็ยังถูกกองเสื้อผ้าทับอีกกอง 

 

 

“ใต้เท้าหลงคลายความโกรธด้วย! ข้าจะไปซื้ออันอื่นมาอีก…” กุยเชียนอีหวาดกลัวมาก พูดขอร้องขึ้นมา 

 

 

ท่านสวมเสื้อผ้าแบบนี้ชัดๆ…หากท่านไม่ชอบแล้วทำไมใช้การสื่อความ…ไม่พูดตรงๆ… 

 

 

เห็นหลงซีรั่วเดินปึงปังออกมา แต่กลับถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “เอาล่ะ เจ้าดูอาการบาดเจ็บของเสี่ยวเจียงไปถึงไหนแล้ว?” 

 

 

กุยเชียนอียื่นหัวออกมาจากกองเสื้อผ้า “เสียเลือดจำนวนมาก…แต่โชคดีที่ใต้เท้าช่วยได้ทันเวลาจึงรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่มีพิษแปลกประหลาดหลงเหลืออยู่ในร่างกายเขา ระยะอันสั้นนี้เกรงว่าจะยังไม่ฟื้น” 

 

 

“ข้าก็ตรวจพบพิษเช่นกัน” หลงซีรั่วพยักหน้า “แต่พิษชนิดนี้แปลกประหลาดมาก ข้าไม่เคยพบเจอมาก่อน” 

 

 

กุยเชียนอีก็ถอนหายใจและเอ่ยว่า “ข้ามีชีวิตอยู่มายาวนานก็ไม่เคยเห็นหรือได้ยินถึงพิษชนิดนี้มาก่อน ข้าลองใช้วิธีแยกส่วนดึงพิษชนิดนี้ออกมา ก็พบว่ามันเป็นพิษที่ผสมผสานขึ้นมาจากพิษหลายชนิด” 

 

 

 “ไม่เหมือนเป็นฝีมือของจุยเฟิง” หลงซีรั่วพูดออกมา 

 

 

กุยเชียนอีพยักหน้าเอ่ยว่า “เสียนจี้ก็ไม่ใช้พิษ” 

 

 

หลงซีรั่วกัดเล็บนิ้วมือของตนเองโดยไม่รู้ตัว “ดูแล้วยังมีอะไรอื่นอีก…ตอนนี้เสี่ยวเจียงยังไม่ฟื้น คนที่รู้ความจริงคงมีเพียงจุยเฟิงคนเดียว แต่น่าเสียดายที่เจ้าเด็กคนนั้นกลายเป็นมารไปแล้ว” 

 

 

กุยเชียนอีเอ่ยอย่างหมดทางเลือกว่า “ในความคิดของข้า เด็กคนนั้นค่อนข้างก้าวร้าวโอหัง หยิ่งผยองมาก ข้าคุยกับเขาไม่กี่ประโยคก็รู้สึกว่าในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความแค้นต่อโลกใบนี้…อ้างอิงตามพวกนักวิชาการตะวันตกก็คือนิสัยขวางโลก” 

 

 

 “เพราะจิตมารหล่อหลอมให้เป็นเช่นนั้นหรอก” หลงซีรั่วส่ายหน้า “บรรดาปีศาจที่ส่งออกไปหาตัวจุยเฟิงยังไม่มีข่าวกลับมาเหรอ” 

 

 

 “ไม่มี” กุยเชียนอีส่ายหน้า ทันใดนั้นเขาก็ล้วงเอาไข่มุกเม็ดหนึ่งออกมาจากกระดอง พูดอย่างจริงจังว่า “ใต้เท้า ขอยืมเลือดมังกรแท้จริงของท่านสักหยดได้หรือไม่” 

 

 

หลงซีรั่วชะงัก “ตอนนี้ข้าไร้ซึ่งพลังปีศาจ เจ้าต้องการเลือดของข้าไปใช้ประโยชน์อะไร” 

 

 

กุยเชียนอีส่ายหน้าเอ่ยว่า “ใต้เท้าเข้าใจผิดแล้ว ถึงท่านจะไม่สามารถใช้พลังปีศาจได้ และรู้สึกว่าร่างกายเป็นเหมือนคนธรรมดา แต่มังกรแท้จริงนั้นเกิดขึ้นมาจากแผ่นดิน พลังความศักดิ์สิทธิ์ของเลือดมังกรแท้จริงจะไม่หายไปไหน ข้าอยากใช้เลือดมังกรแท้จริงของใต้เท้าหยดหนึ่งมากดทับความชั่วร้ายต่างๆ ในขณะที่ข้าใช้วิชา ‘สดับฟังฟ้าดิน’” 

 

 

หลงซีรั่วถอนหายใจเอ่ยว่า “เจ้าเพิ่งใช้มาไม่นาน หากใช้อีกจะทำให้ลมปราณหยวนชี่บาดเจ็บหนัก ชีวิตของเจ้า…” 

 

 

กุยเชียนอีเอ่ยว่า “ใต้เท้าเคยทำสัญญากับประเทศนี้ ถึงสุดท้ายเรื่องของเซียงหลิ่วจะมีข้ออ้างมาทำให้ผ่านไปได้ แต่ก็อยู่ในสายตาของคนที่สนใจ เพียงแค่ไม่ทำอะไรเท่านั้น ครั้งนี้จุยเฟิงผิดปกติ ถ้าเกิดไปทำให้มนุษย์จำนวนมากบาดเจ็บล้มตาย ข้าเกรงว่าใต้เท้าจะลำบาก…หากสถานการณ์ของใต้เท้าในตอนนี้ถูกเปิดเผยออกไป…” 

 

 

หลงซีรั่วนิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กัดนิ้วมือ มอบเลือดให้กุยเชียนอีหยดหนึ่ง 

 

 

เลือดหยดนั้นตกลงบนไข่มุกในมือของกุยเชียนอีและหายเข้าไปข้างใน ส่วนกุยเชียนอีก็นั่งสมาธิลงกับพื้น รอบกายเกิดเกราะแสงสีทองปรากฏออกมาครอบคลุมตัวเขาและหลงซีรั่ว  

 

 

สดับฟังฟ้าดิน…ฟ้าเคยเห็น ดินเคยได้ยิน สิ่งที่เห็นก็คืออดีตกับปัจจุบัน 

 

 

ครั้งนั้นตอนเรื่องเซียงหลิ่ว กุยเชียนอีเคยใช้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงรู้เรื่องที่หลงซีรั่วได้รับบาดเจ็บหนักก่อนล่วงหน้า และให้ซุนเสี่ยวเซิ่งไปเอาเหล้าจิตวิญญาณลิงที่สามารถฟื้นฟูลมปราณหยวนชี่มา 

 

 

ในตอนนี้มีเงาแสงพุ่งออกมาจากไข่มุกแปลกประหลาดเม็ดนั้น ส่วนภายในเงาแสงก็แสดงสถานที่ซ่อนตัวของจุยเฟิง 

 

 

 “ย้อนกลับ ข้าต้องการรู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเสี่ยวเจียง” หลงซีรั่วขมวดคิ้ว ขณะเดียวกันก็จดจำสถานที่ซ่อนตัวของจุยเฟิงเอาไว้ 

 

 

กุยเชียนอีพยักหน้า สูดหายใจและค่อยๆ หมุนไข่มุกในมือ 

 

 

 “นีนี่…” 

 

 

ภาพหนึ่งวาบผ่านเข้ามา หลงซีรั่วขมวดคิ้วแน่นขึ้น ยังไม่ทันคิดอะไรภาพตรงหน้าก็หายไปอย่างกะทันหัน ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก 

 

 

และในเวลานี้เอง สีหน้าของกุยเชียนอีก็ซีดขาว กระอักเลือดออกมา ไข่มุกตกลงจากมือของเขา 

 

 

 “กุยเชียนอี!” 

 

 

 “ข้า…ข้าไม่สามารถดูภาพมากกว่านี้ได้อีก…” กุยเชียนอีล้มลงกับพื้น ซีดขาว ไม่มีเรี่ยวแรง “มีอะไรบางอย่าง…ขวางกั้นการสดับฟังฟ้าดิน ดูเหมือนข้าจะมองเห็น…นรก…” 

 

 

หัวของกุยเชียนอีฟาดลงกับพื้นและไม่ขยับอีก 

 

 

 “ปู่กุย!!” หลงซีรั่วรู้สึกวุ่นวายสับสน ร้องเรียกชื่อที่ไม่ได้เรียกมานาน 

 

 

คิดไม่ถึงว่ากุยเชียนอีจะหดคอในทันใด “เอ่อ ใต้เท้าหลง ท่านทับมือของข้าแล้ว…” 

 

 

พูดกันทั่วไปว่าตายคือไม่หายใจ 

 

 

… 

 

 

เพียงแค่ไม่ตายก็ดีแล้ว มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพหัวเราะแห้งๆ แต่กลับสั่งว่า “กุยเชียนอี หากมีครั้งถัดไป ข้าจะลอกกระดองของเจ้าออก!” 

 

 

 “ข้ายังไม่ตาย เพียงแต่ลมปราณหยวนชี่เสียหายหนักจริงๆ…” 

 

 

กุยเชียนอีถูกหลงซีรั่วพยุงขึ้นมา เขาเขียนอักษรไม่กี่ตัวลงบนกระดาษ จากนั้นกระดาษก็ลอยผ่านช่องประตูเหล็กของโรงพยาบาลไปถึงมือกุ่ยอิง 

 

 

 “เบื้องหลังของจุยเฟิงมีพลังแปลกประหลาดคอยปกป้อง ทำให้ข้าไม่สามารถดูเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้…” กุยเชียนอีไอและพูดว่า “แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ข้าสั่งกุ่ยอิงไปแล้ว…แค่กๆ ต่อไปพวกเราก็แค่รอผลลัพธ์เงียบๆ เถอะ” 

 

 

หลงซีรั่วถอนหายใจ พยักหน้าจากนั้นก็พยุงกุยเชียนอีไปพัก…แต่กลับรู้สึกแย่  

 

 

นี่ทำให้เธออดคิดถึงคำพูดหน้าร้านในวันนั้นไม่ได้ 

 

 

คำพูดที่เจ้าของสมาคมพูด 

 

 

 ‘เวลา? เวลาที่คิดหาวิธี เวลาที่พยายาม แม้กระทั่งเวลาที่คนอื่นสูญเสียไปเพราะช่วยเหลือและความพยายามที่คนอื่นสูญเสียไป…ใช่ ผมไม่ปฏิเสธว่าเมื่อเผชิญปัญหาแล้วผ่านไปสักระยะจะพบกับทางออกเอง แต่สิ่งที่สูญเสียไประหว่างนั้น…ทำไมคุณหลงถึงไม่คิดคำนวณ?’ 

 

 

… 

 

 

… 

 

 

ยามค่ำคืนในเมืองนี้มีคลื่นลมสูง…เพราะมีอีกสังคมหนึ่งที่มนุษย์ไม่รับรู้ ซึ่งก็คือสังคมปีศาจ 

 

 

แต่สังคมปกติก็ยังคงสงบเป็นปกติ 

 

 

เมืองยังคงเต็มไปด้วยรถมากมาย ผู้คนเดินไปเดินมาอย่างเร่งรีบ เพื่อความอยู่รอดและเป้าหมายในใจ อย่างเช่นชื่อเสียง 

 

 

เฉิงอี้หรานมองออกไปนอกหน้าต่าง 

 

 

หลายวันมานี้เขาย้ายเข้ามาพักอยู่ในคฤหาสน์ของจงลั่วเฉิน แต่สถานที่อันกว้างใหญ่กลับมีเพียงแค่พวกเขาสองคน…ผู้ชายที่มีทรัพย์สินอยู่เบื้องหลังมหาศาลจนเขาคาดไม่ถึงกลับไม่มีแม้กระทั่งคนรับใช้ในบ้าน  

 

 

ผู้ชายคนนี้มักจะตื่นตรงเวลาเสมอ ทำอาหารเช้าให้ตนเอง และเวลาว่างชอบนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ข้างหน้าต่าง 

 

 

อ่านเรื่อง ‘เหยื่ออธรรม*’ 

 

 

เฉิงอี้หรานพบว่าผู้ชายคนนี้มักจะว่างเป็นส่วนมาก 

 

 

 

 

 

*เลมีเซราบล์ หรือ เหยื่ออธรรม เป็นนิยายประพันธ์โดยวิกตอร์ อูโก