ตอนที่ 1150 แผนซุ่มโจมตี (1) โดย Ink Stone_Fantasy
ก็เหมือนอย่างที่ไนติงเกลว่าไว้ ที่คามิล่าดูเหนื่อยขนาดนี้นั้นเป็นเพราะความกังวลที่อยู่ในใจของเธอ
หลังผ่านไปแค่สองวัน เธอก็ฟื้นกลับมาเป็นเหมือนปกติ คล้ายกับว่าความสิ้นหวังและสับสนก่อนหน้านี้นั้นไม่เคยมีอยู่มาก่อน
นี่ทำให้โรแลนด์รู้สึกโล่งใจ
เพราะคามิล่านั้นมีความสำคัญสำหรับการทำศึกซุ่มยิงระยะไกลอย่างมาก
ถึงแม้ในสายตาของอีกฝ่ายที่มองดูเขาจะดูมีความระวังและห่างเหินมากกว่าตอนที่เพิ่งกลับมา แต่นี่กลับทำให้เขารู้สึกเป็นธรรมชาติมากขึ้น
เขารู้ว่าคามิล่ายังคงเป็นห่วงโจนอยู่ เพียงแต่ตอนนี้เธอพยายามสะกดความรู้สึกนั้นเอาไว้ในใจ
เพราะว่าเธอยังแบกภาระหน้าที่ที่สำคัญกว่านั้นเอาไว้บนบ่า
นอกจากทิลลี อันนาและไนติงเกลแล้ว เขาก็ไม่ได้บอกเรื่องที่โจนหายไปให้แม่มดคนอื่นรู้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไลต์นิ่ง
โรแลนด์ได้ยินเรื่องของหน่วยสำรวจแห่งเนเวอร์วินเทอร์ของสาวน้อยมามาก แล้วก็รู้ด้วยว่าโจนเป็นหนึ่งในสมาชิกของหน่วย ตอนนี้ไลต์นิ่งกับเมซี่แทบจะกลายเป็นแนวเฝ้าระวังที่อยู่ด้านนอกที่สุดของกองทัพที่หนึ่ง ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา พวกเธอแทบจะไม่ได้ออกมาจากสนามรบเลย ความกดดันที่พวกเธอมีอยู่นั้นไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ว่ามีมากแค่ไหน บวกกับร่างกายของไลต์นิ่งที่ได้รับบาดเจ็บเพราะผู้พิฆาตเวทมนตร์ นี่จึงห้ามไม่ให้มีอะไรผิดพลาดอีกแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นข่าวที่สร้างความกังวลใจเย็นนี้ควรจะเก็บไว้เป็นความลับก่อนจะดีกว่า
ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น เขาก็วิ่งไปๆ มาๆ ระหว่างเมืองชายแดนที่สาม ลานทดสอบอาวุธกับห้องประชุมในปราสาทเพื่อทำการสรุปแผนการซุ่มโจมตี เนื่องจากเป้าหมายนั้นคือผู้พิฆาตเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งที่มีทั้งความคล่องตัวและความเร็วในการบินเหนือกว่าอสูรสยอง นี่จึงทำให้แผนการมีความยากมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก
แผนการรบที่เดิมคิดว่าใช้เวลา 2 – 3 วันก็จะกำหนดเสร็จเรียบร้อยกลับเจอปัญหาหลายๆ อย่างในการจำลองแผนการ โชคดีที่นี่เป็นแผนการที่เน้นเรื่องพลังของแนวร่วมพันธมิตร ด้วยความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่าย สุดท้ายแผนการก็ดำเนินต่อไปได้
การประชุมแผนการรบหลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์จัดขึ้นในโถงใต้ดินของเมืองชายแดนที่สาม
คนแรกที่พูดขึ้นมาคืออาลิเธีย
เธอควบคุมแกนเวทมนตร์ให้แสดงภาพมายาออกมาต่อหน้าทุกคน ลำแสงภาพที่ยาวหลายเมตรลอยอยู่กลางอากาศเหมือนกับหน้าต่าง อีกด้านหนึ่งของภาพมายาเผยให้เห็นภาพด้านหลังของซากเมืองทาคิลา
เนื่องจากภาพมายานั้นไม่ใช่หน้าต่างจริงๆ จึงไม่สามารถจะชะโงกหน้าเข้าไปดูด้านในได้ ดังนั้นทัศนวิสัยที่มองเห็นจึงค่อนข้างแคบ มุมมองหลังจากที่บีบหินเวทมนตร์หลากสีจนแตกก็ไม่สามารถปรับได้ ทำให้ยากต่อการสังเกตดูสถานการณ์รอบๆ ซากเมืองทาคิลา แต่ว่ามันส่องเข้าหาเส้นทางขนส่งหมอกแดงเพียงหนึ่งเดียวของพวกปีศาจพอดี นี่ทำให้การวางแผนซุ่มโจมตีเส้นทางขนส่งหมอกแดงมีความสะดวกมากขึ้น
‘ท่อส่งหมอกแดงเส้นนี้ตรงจากตะวันออกเฉียงเหนือไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เกือบทุกวันจะมีปีศาจกลุ่มหนึ่งเอาหมอกแดงมาส่งให้พวกปีศาจที่ประจำการณ์อยู่ในซากเหมือง ซึ่งเมื่อสิบเดือนก่อน หรือก็คือตอนที่โลก้าพบเห็นปีศาจครั้งแรกและแอชเชสเอาหินเวทมนตร์หลากสีเข้าไประบุตำแหน่ง ตอนนั้นปีศาจที่เอาหมอกแดงเข้ามาส่งนั้นมีอยู่สามกลุ่ม นี่ทำให้เรารู้ว่านับตั้งแต่ที่ปฏิบัติการณ์เพลิงเริ่มต้นขึ้น ทหารที่ตายไปและที่เหลืออยู่ของศัตรูมีจำนวนเท่าไร เนื่องจากมีเส้นทางส่งหมอกแดงอยู่เส้นเดียว ดังนั้นถ้าปีศาจระดับสูงคิดจะถอน มันก็ไม่มีทางออกไปห่างจากเส้นทางส่งหมอกแดงแน่’
“เส้นทางส่งหมอกแดงไม่สามารถทำปลอมขึ้นมาได้ใช่ไหม?” เวนดี้ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
‘ขอเพียงปีศาจยังต้องใช้หมอกแดงในการดำรงชีวิต การวิเคราะห์อันนี้ก็ถือเป็นข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด’ ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยตอบคำถามประเภทนี้ไปหลายครั้งแล้ว แต่อาลิเธียก็ยังอธิบายอย่างอดทน ‘จริงอยู่ที่พวกมันเคยใช้แผนขนส่งหมอกแดงมากเป็นจำนวนมากเพื่อปิดบังการโจมตี หรือไม่ก็เคยแบกหมอกแดงมาเป็นจำนวนมากเพื่อใช้ในการโจมตีระยะไกล แต่ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่พวกมันลดการใช้หมอกแดงลงเพื่อปกปิดการเคลื่อนไหวของกองทัพมาก่อน — เพราะว่านั่นเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย’
“ความจริงนี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายมาก” อกาธาพูดเสริม “ถ้าปีศาจมันมีวิธีที่ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาหมอกแดงจริงๆ มันก็อาจจะอ้อมสถานีแนวหน้าแล้วก็บุกเข้ามาโจมตีพื้นที่ด้านในของเกรย์คาสเซิลได้เลย ไม่ว่าจะตัดเข้ามาทาป่าเร้นลับ หรือว่าบุกขึ้นไปยึดที่ราบสูงเฮอร์มีสก็ล้วนแต่เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับพวกเรา และเสาหินโอเบลิสที่ต้องใช้สายแร่หินอาญาสิทธิ์ในการให้กำเนิดก็จะไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับพวกมันอีก”
เพื่อเห็นทุกคนไม่มีข้อสงสัยอะไรอีก อาลิเธียจึงพูดต่อไปว่า ‘ส่วนใหญ่หน่วยขนส่งหมอกแดงจะประกอบไปด้วยอสูรแห่งสงครามที่ทำการปรับแต่งมาแล้วกับปีศาจคุ้มคลั่งอีกเล็กน้อย ซึ่งนั่นไม่สามารถสร้างปัญหาใดๆ ให้กับหน่วยจู่โจมพิเศษและซีกัลได้ ดังนั้นหลักๆ ที่พวกเราต้องป้องกันก็คืออสูรสยองที่บินอยู่บนฟ้า’
‘ส่วนเรื่องสถานที่’ เธอชี้ไปทางเอดิธส์ ‘ข้าเห็นด้วยกับการวิเคราะห์คนธรรมดานางนี้มาก ต่อไปให้นางมาเป็นคนพูดต่อดีกว่า’
“นี่คือผลลัพธ์จากความพยายามของทีมที่ปรึกษาและทุกคน” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือยิ้มๆ “แน่นอนว่านี่ยังต้องใช้แผ่นที่ที่ไลต์นิ่งกับเมซี่ให้มาอยู่ เชิญทุกคนดูรายงานที่อยู่ในมือ ด้านตะวันออกของเส้นทางส่งหมอกแดงแทบจะกลายเป็นที่ราบ ต้นไม้แทบจะไม่มีเหลือ ไม่เหมาะที่จะให้หน่วยจู่โจมพิเศษใช้หลบซ่อนตัว แต่สำหรับซีกัลแล้ว มันกลับเป็นมุมมองที่ีอย่างมาก ส่วนทางด้านตะวันตกจะมีความซับซ้อนกว่ามาก ไม่เพียงแต่จะมีสภาพพื้นที่ขึ้นๆ ลงๆ แต่มันยังมีเนินเขาเล็กๆ ด้วย”
โรแลนด์เปิดดูรายงานที่วางอยู่บนโต๊ะ ในนั้นมีอยู่หน้าหนึ่งที่เป็นแผนที่แบบง่ายๆ เมื่อเทียบกับแผนที่ความคมชัดสูงที่โซโรย่าวาดขึ้นมาแล้ว แผนที่แผ่นนี้ถือว่าดูเรียบง่ายกว่ามาก น่าจะเป็นเพราะไลต์นิ่งใช้การบินด้วยความเร็วสูงพาเมซี่วนดูพื้นที่แล้ววาดแผนที่แบบคร่าวๆ ออกมา ถึงแม้มันจะไม่สามารถใช้ในการระบุพิกัดให้กับกองทัพหรือการยิงปืนใหญ่ได้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คนเข้าใจสถานการณ์ทางด้านหลังของทาคิลาแบบคร่าวๆ ได้
“ในแฟนธ่อมมองเห็นพื้นที่ตรงนี้เพียงแค่นิดเดียว ดังนั้นจำเป็นต้องใช้แผนที่เข้ามาช่วยด้วย ซึ่งสถานที่ที่เหมาะจะให้คุณหนูแอนเดรียได้ใช้ซุ่มยิงนั้นมีอยู่สามแห่ง ได้แก่ด้านบนยอดเขา พุ่มไม้ตรงตีนเขา แล้วก็เชิงเขาที่ยื่นขึ้นมา
“ตำแหน่งที่เหมาะกับการยิงที่สุดคือยอดเขา” โรแลนด์พูด
ถึงแม้ ‘ภูเขา’ ลูกนี้จะสูงไม่เกินร้อยเมตร เมื่อมองจากระยะไกลๆ แล้วเหมือนกับเป็นเนินดินสูงหนึ่ง แต่มันยังคงเป็นจุดที่สูงที่สุดในช่วงรัศมี 500 กิโลเมตร สำหรับมือสไนเปอร์แล้ว ไม่มีอะไรที่จะสำคัญไปกว่าทัศนวิสัยการมองเห็นอีก การยิงลงมาจากมุมสูงไม่เพียงแต่จะทำให้ได้ระยะยิงที่มากขึ้น แต่ยังทำให้ไล่ตามเป้าหมายที่บินเลียดพื้นได้ด้วย
“ถูกต้องเพคะ คุณหนูแอนเดรียก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน” เอดิธส์พยักหน้า “แต่ว่าภูเขาลูกนี้อยู่ค่อนข้างห่างจากเส้นทางขนส่งหมอกแดง ถ้าทีมที่เข้าไปขัดขวางผู้พิฆาตเวทมนตร์เอาไว้คือซีกัล ระยะทางการเข้าไปสนับสนุนของหน่วยจู่โจมพิเศษก็จะไกลขึ้น เช่นเดียวกัน บนภูเขาที่ไม่มีที่กำบังก็อาจจะทำให้อสูรสยองพบเห็นได้ง่าย ถ้าเกิดอะไรขึ้น ซีกัลก็ยากจะมาช่วยได้ทัน สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือ…มันไม่อยู่ในขอบเขตการมองเห็นของแฟนธ่อมเพคะ”
โรแลนด์ครุ่นคิดความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดประโยคเมื่อกี้ “เจ้ากังวลว่าปีศาจ….?”
“พื้นที่สูงที่สามารถมองเห็นบริเวณทั้งหมดได้ ถ้าหม่อมฉันไปยืนอยู่ฝั่งนั้นหม่อมฉันก็คงต้องป้องกันจุดนี้เหมือนกันเพคะ ถึงแม้ไลต์นิ่งจะบอกว่าปีศาจเหมือนจะไม่ได้มีการเตรียมพร้อมใดๆ แต่นี่เป็นศึกที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ ดังนั้นเราจึงควรระวังเอาไว้ก่อนจะดีกว่า ก็เหมือนกับที่พระองค์ทรงติดตั้งรูนกรีดร้องเอาไว้ตรงริมฝั่งปลายแม่น้ำแดงที่ไม่จำเป็นต้องมีทหารไปเฝ้าก็สามารถใช้เฝ้าระวังพวกปีศาจได้เหมือนกัน ไพ่ตายของหน่วยจู่โจมพิเศษก็คือการเคลื่อนไหวอย่างเป็นความลับ ถ้าเกิดร่องรอยถูกเปิดเผยออกไป หลังจากนั้นก็จะไม่สามารถซุ่มโจมตีได้อีก”
‘หม่อมฉันขอทูลตามตรงเพคะ ในยุคสมัยสมาพันธ์ สิ่งที่ยากจะอธิบายให้คนธรรมดาเข้าใจก็คือพลังเวทมนตร์’ ทันใดนั้นเอง เสียงของอาลิเธียก็ดังเข้ามาในหัวของเขา เมื่อดูจากปฏิกิริยาของคนอื่นๆ แล้ว นี่เป็นคำพูดที่เธอพูดกับเขาเพียงแค่สองคนอย่างไม่ต้องสงสัย ‘วิธีในการครุ่นคิดถึงปัญหาของพวกเขาเหมือนกับใช้ชีวิตอยู่ในอีกโลกหนึ่ง พวกเขาแทบจะไม่เอาพลังเวทมนตร์มาเป็นส่วนหนึ่งในการครุ่นคิดเลย แต่คนธรรมดาคนนี้กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น…พระองค์ทรงมีลูกน้องที่น่าสนใจอย่างมากเพคะ’
‘นั่นเป็นเพราะว่าพวกเจ้าไม่เคยสอนพวกเขาอย่างจริงจัง แต่ไหนแต่ไรมา คนที่เป็นอัจฉริยะนั้นมีแค่ส่วนน้อย ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน การศึกษานั้นคือวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอารยธรม’ โรแลนด์ตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่เป็นธรรมชาติ จากนั้นเขาก็มองไปทางเอดิธส์ “อย่างนั้นเจ้าเลือกจุดไหนมา?”
“พื้นที่พุ่มไม้ด้านล่างตีนเขาเพคะ” เธอตอบอย่างไม่ลังเล “ทัศนวิสัยแคบไปนิด แต่ก็เป็นจุดซ่อนตัวที่ดีอย่างมาก การโจมตีเป้าหมายบนฟ้าก็ไม่ได้มีอุปสรรคอะไร แล้วก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือองค์หญิงทิลลีได้ทุกเมื่อ ตำแหน่งตรงเชิงเขานั้นอยู่ใกล้กว่า แล้วก็มีป่าให้หลบซ่อนตัวเหมือนกัน แต่มันแทบจะอยู่ติดกับซากเมืองทาคิลา ถ้าพวกศัตรูแตกพ่ายและพากันวิ่งหนี พวกนางก็จะถูกพบเห็นได้ง่าย โดยสรุปแล้ว ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนพื้นที่พุ่มไม้ตรงตีนเขาที่ตั้งอยู่ตรงกลางก็ไม่ใช่จุดที่ดีที่สุด……”
“แต่กลับเป็นจุดที่มีความสมดุลที่สุด?” โรแลนด์พูดต่อ
เอดิธส์ยิ้มพร้อมเอามือทาบอก “ถูกต้องเพคะ ทีมเคลื่อนที่สองทีมแยกซ้ายขวาไปคุมเส้นทางหนีของผู้พิฆาตเวทมนตร์เอาไว้ ขอเพียงมันไม่เห็นถึงการเคลื่อนไหวของพวกเรา ก็ให้คุณหนูแอนเดรียเป็นคนรับผิดชอบในการซุ่มโจมตี แล้วก็ให้แม่มดอาญาสิทธิ์ไปดักมันเอาไว้ และแผนการนี้ก็ต้องพึ่งพาอาวุธที่ฝ่าบาทอันนาทรงปรับปรุงขึ้นมาใหม่เพคะ”
…………………………………………………………………………………….