บทที่ 545 หวังว่าจะสมหวัง

The king of War

นี่คือธาตุแท้ของพวกคนมีอำนาจ ในโลกของพวกเขา มีเพียงแค่การหลอกลวงปลิ้นปล้อน มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น

ถึงจะเป็นพิธีศพของนายท่านตระกูลเย่ พวกเขาก็ฉวยโอกาสเพื่อหาผลประโยชน์

หยางเฉินมองภาพตรงหน้า ด้วยสีหน้าราบเรียบ เขายังไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่รู้สึกหดหู่ในใจ

ถึงเขาจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในนั้น แต่เขาออกมาตั้งแต่ยังเล็ก พูดไปพูดมา ก็ถือว่าเกิดมาอย่างยากลำบาก

แต่ทว่าเขาค่อนข้างโชคดี ด้วยสองมือของเขา ทำให้มีอำนาจเหนือแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู

ตอนนี้ตระกูลเย่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน อันที่จริงเขาพูดเพียงประโยคเดียว ก็จัดการได้แล้ว และสามารถทำลายสองตระกูลใหญ่ อย่างตระกูลหลินกับตระกูลซุนได้ด้วย

แต่เขายังไม่ทำตอนนี้ เขาอยากรู้ว่าคนตระกูลสูงส่ง จะหน้าไม่อายได้ถึงขนาดไหน

นอกจากตระกูลหลินกับตระกูลซุน ยังมีตระกูลไหนเข้ามาก้าวก่ายอีกไหม

เขารู้ว่าควรลงมือหรือควรเงียบตอนไหน

ตอนนี้ในใจของเย่ม่าน เต็มไปด้วยความเศร้า จู่ๆ เธอเริ่มเข้าใจการกระทำของเย่จี้จงในตอนนั้น

ขอแค่ให้ตระกูลของตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ถึงจะสามารถยืนหยัดได้ ไม่งั้น ตระกูลของตัวเองคงค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา

สำหรับตระกูลสูงส่งอย่างตระกูลเย่ การแต่งงานเพื่อสร้างเครือข่าย เป็นวิธีที่ได้ผลประโยชน์มาอย่างง่ายดาย

“ฉันไม่มีทางแต่งเข้าตระกูลหลิน!”

หลังเงียบอยู่นาน เย่ม่านกัดฟันเอ่ยขึ้น “สำหรับเรื่องที่ลูกชายคุณโดนทำร้าย เขาหาเรื่องใส่ตัวเอง ไม่เอาชีวิตเขา ถือว่าเมตตาแค่ไหนแล้ว ฉันไม่มีทางส่งคนให้หรอก!”

“ถ้าพวกคุณคิดว่า การที่พ่อฉันตายไป จะกลั่นแกล้งตระกูลเย่ได้ง่ายๆ งั้นก็ลองดู”

“แค่พวกคุณสู้สุดใจ ตระกูลเย่ก็สู้เช่นกัน! กลัวว่าพวกคุณจะไม่กล้าน่ะสิ!”

น้ำเสียงของเย่ม่านมีอำนาจมาก เธอพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

เมื่อคำพูดออกจากปากเย่ม่าน ความอัดอั้นตันใจของคนตระกูลเย่ หายวับไปในพริบตา ทุกคนรู้สึกถึงความฮึกเหิม เลือดร้อนๆ ในตัวพลุ่งพล่านขึ้นมา

หลินเทียนเจ๋อกับซุนซวี่ แอบตกใจเล็กน้อย

การที่พวกเขาพาคนยี่สิบกว่าคนมาที่นี่ ไม่ได้ต้องการสู้ แค่ร่วมมือกันข่มขู่ให้ตระกูลเย่ยอมจำนนเท่านั้น

เพราะตระกูลเย่เป็นตระกูลระดับเดียวกับพวกเขา ถ้าสู้กันจริง ถึงตระกูลหลินร่วมมือกับตระกูลซุน สุดท้ายก็ต้องเสียหายทั้งสองฝ่าย

แค่ตระกูลเย่เสียหายมากกว่าเท่านั้น

แต่ตอนนี้แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเท่าเทียมกันมาก อย่าว่าแต่บาดเจ็บสาหัสเลย ถึงจะบาดเจ็บเล็กน้อย ก็สามารถทำให้ตระกูลหลินกับตระกูลซุนอันตรายถึงชีวิต

เพราะตระกูลอื่น พากันจดจ้องอย่างน่ากลัว และสามารถฆ่าได้ทุกเมื่อ

ถ้าขาดตระกูลใดไปสักตระกูล ตระกูลที่เหลือจะได้ผลประโยชน์มากขึ้น

“เธอแน่ใจเหรอว่าจะสู้”

หลินเทียนเจ๋อพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ในเมื่อตระกูลหลินต้องการสู้ งั้นตระกูลเย่จะสู้ด้วย!” เย่ม่านตอบอย่างแน่วแน่

เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเทียนเจ๋อรู้สึกตื่นตระหนก

ตระกูลหลินกับตระกูลซุนร่วมมือเพียงชั่วคราวเท่านั้น ถ้าตระกูลเย่ต้องการสู้กับตระกูลหลินจริง ตระกูลซุนอาจถือโอกาสล่าถอย

ถ้าให้เทียบระหว่างการร่วมมือกับตระกูลหลิน เพื่อสู้กับตระกูลเย่ สู้มองตระกูลหลินต่อสู้กับตระกูลเย่ตรงๆ ตระกูลซุนยังได้ผลประโยชน์มากกว่า

“พี่หลินวางใจเถอะ ในเมื่อตระกูลซุนตัดสินใจร่วมมือกับตระกูลหลินแล้ว จะสู้หรือถอยก็ต้องทำด้วยกัน ถ้าสู้ ตระกูลซุนก็สู้ด้วย”

เหมือนซุนซวี่รับรู้ความคิดในใจของหลินเทียนเจ๋อ เขายิ้มและเอ่ยขึ้น นับว่าสร้างความมั่นใจให้หลินเทียนเจ๋อ

“ผู้ชายสองคนร่วมมือกัน รังแกผู้หญิงเพียงคนเดียว หน้าไม่อายสิ้นดี”

จู่ๆ ก็มีน้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้น

ทุกคนหันไปมอง เห็นกลุ่มคนสองสามคน กำลังเดินเข้ามา

คนที่เดินนำมาคืออวี๋เหวินเกาหยาง เจ้าบ้านตระกูลอวี๋เหวิน

ข้างๆ อวี๋เหวินเกาหยาง คือชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตามเขามา ชายหนุ่มคนนั้นคือหวังเฉิน คนที่หยางเฉินช่วยให้เป็นผู้สืบทอด

เมื่อเจออวี๋เหวินเกาหยางอีกครั้ง หยางเฉินไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่มีความสับสนวุ่นวาย เหมือนเจอคนแปลกหน้าเท่านั้น

“อวี๋เหวินเกาหยาง นายจะเข้ามาก้าวก่ายด้วยเหรอ”

หลินเทียนเจ๋อถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ซุนซวี่มองอวี๋เหวินเกาหยาง ด้วยแววตาเย็นชา และใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรเช่นกัน

“เจ้าบ้านตระกูลอวี๋เหวิน!”

เย่ม่านพยักหน้าเบาๆ แววตาของเธอแฝงไปด้วยความซาบซึ้ง

อวี๋เหวินเกาหยางไม่ได้พาคนมาเยอะ และล้วนเป็นญาติในตระกูลอวี๋เหวิน ดูจากที่เขาพูดเมื่อครู่ ก็พอเดาเจตนาการมาที่นี่ได้

อวี๋เหวินเกาหยางพยักหน้าให้เย่ม่านเบาๆ จากนั้นจึงหันไปมองหลินเทียนเจ๋อ เขาแสยะยิ้ม “ตระกูลหลินรังแกผู้หญิงได้ แต่ตระกูลอวี๋เหวินจะช่วยคนไม่ได้หรือไง”

“ถ้าฉันจำไม่ผิด สองสามวันก่อนหน้านี้ ธุรกิจภายใต้ตระกูลอวี๋เหวิน เพิ่งเสียหายไปอย่างมหาศาลไม่ใช่เหรอ เรื่องนี้เกี่ยวกับตระกูลเย่หรือเปล่า”

ซุนซวี่ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าบ้านตระกูลอวี๋เหวิน คงไม่ได้ทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรี จนไม่สนใจผลประโยชน์ของตระกูลที่เสียหายไปใช่ไหม”

อวี๋เหวินเกาหยางยิ้มบางๆ “เสียหายไปแค่ไม่กี่พันล้านเอง ตระกูลอวี๋เหวินยอมขาดทุนได้ เจ้าบ้านซุนไม่ต้องมาหนักใจหรอก”

“เจ้าบ้านตระกูลอวี๋เหวิน เรื่องก่อนหน้านี้ ฉันขอโทษจริงๆ!”

เย่ม่านถือโอกาสขอโทษ

อวี๋เหวินเกาหยางโบกมือไปมาอย่างไม่ถือสา “เรื่องเล็กน้อยน่า ฉันเคารพนายท่านตระกูลเย่มานานแล้ว ฉันมาที่นี่เพื่อเคารพศพเขา”

พูดจบ อวี๋เหวินเกาหยางพาคนในตระกูลเข้ามา

หลินเทียนเจ๋อกับซุนซวี่ไม่พูดอะไรอีก เมื่อยังไม่แน่ใจว่าอวี๋เหวินเกาหยาง มาช่วยตระกูลเย่หรือเปล่า พวกเขาจึงไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม

ถ้าอวี๋เหวินเกาหยางช่วยตระกูลเย่ ถึงตระกูลหลินกับตระกูลซุนร่วมมือกัน ก็คงทำอะไรตระกูลเย่ไม่ได้มาก กลับกันพวกเขาจะเสียหายเองด้วย

“เจ้าบ้านเย่ ฉันกะว่าจะคุยเรื่องความร่วมมือกับตระกูลเย่ ไม่ทราบว่าเจ้าบ้านเย่ยินดีหรือเปล่า”

จู่ๆ อวี๋เหวินเกาหยางหัวเราะ และพูดกับเย่ม่าน

เมื่อได้ยิน เย่ม่านถึงกับดีใจ และพูดว่า “หวังว่าจะได้ร่วมมือกันค่ะ!”

“ก่อนที่จะคุยธุรกิจกัน ควรเชิญคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปก่อนหรือเปล่า”

อวี๋เหวินเกาหยางยิ้มและถามขึ้น

เย่ม่านอึ้งไป จากนั้นจึงเข้าใจความหมายของอวี๋เหวินเกาหยาง จิตใจที่ว้าวุ่นของเธอ สงบลงแล้ว ถึงไม่ได้พูดออกมา แต่สิ่งที่เห็น คือตระกูลอวี๋เหวินจะร่วมมือกับตระกูลเย่

หลินเทียนเจ๋อกับซุนซวี่สีหน้าไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก

“เจ้าบ้านตระกูลหลิน เจ้าบ้านตระกูลซุน ในเมื่อพวกคุณเคารพศพเรียบร้อยแล้ว เชิญกลับไปได้แล้ว!”

เมื่อมีความช่วยเหลือจากอวี๋เหวินเกาหยาง เย่ม่านมีอำนาจมากขึ้น เธอพูดด้วยสีหน้าเฉยชา

เธอพูดเชิญพวกเขาออกจากตระกูลเย่ แต่น้ำเสียงและท่าทีเย็นชามาก ดูเหมือนไม่ได้เชิญให้กลับแม้แต่น้อย

“อวี๋เหวินเกาหยาง นายจะช่วยตระกูลเย่จริงๆ ใช่ไหม”

หลินเทียนเจ๋อกัดฟันพูด แววตาของเขาเย็นชา

“เจ้าบ้านตระกูลหลิน คุณอยากรู้มากเกินไปแล้ว เรื่องของตระกูลอวี๋เหวิน ให้คนนอกมายุ่งตั้งแต่เมื่อไร”

สีหน้าของอวี๋เหวินเกาหยางเคร่งขรึม เขาพูดอย่างเย็นชา “ถ้าตระกูลหลินอยากตาย ฉันยินดีช่วยตระกูลเย่ ทำลายตระกูลหลินให้ย่อยยับเป็นอันดับแรก!”

เมื่ออวี๋เหวินเกาหยางเอ่ยขึ้น ทุกคนถึงกับอึ้ง

เย่ม่านแค่ไล่ตระกูลหลินกับตระกูลซุนออกไป แต่อวี๋เหวินเกาหยางกลับข่มขู่ว่าจะทำลายตระกูลหลิน