ตอนที่ 1650 อยู่ร่วมกันอย่างสันติ

Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง

หลังจากนั้นสองสามวัน 

 

 

เป็นตอนเช้าของวันทำงานอีกวันหนึ่งแล้ว 

 

 

พอส่งแฟนภาพยนตร์ที่พาลูกมาจากต่างประเทศเพื่อถ่ายรูปคู่กับเฟยหม่าซือ ตอนนี้ในร้านขายสัตว์เลี้ยงก็ไม่เหลือใครอีก 

 

 

จักรยานไฟฟ้าคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าประตูร้าน 

 

 

หวางเฉียนกับหลี่คุนที่จูงพวกลูกสุนัขเดินเล่นอยู่ในพื้นที่สีเขียวกลับมาพอดีก็พากันทักทาย จางจื่ออันได้ยินเสียงจึงเดินออกไปนอกร้าน 

 

 

คนที่มาคือช่างไฟฟ้าอู๋ เพราะงานกันน้ำบนหลังคายังเหลือช่วงท้ายของงานที่ยังทำไม่เสร็จ ถ้าไม่รีบทาสีกันน้ำให้เสร็จก่อนฝนตกลงมา งานที่ทำก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า ดังนั้นเขาจึงเจียดเวลามาทำงานให้เสร็จเอง 

 

 

ช่างไฟฟ้าอู๋เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล นำนมลังหนึ่งกับแอปเปิลถุงหนึ่งให้ช่างเชื่อมจ้าวแล้ว ถึงแม้สนิทกันมากแค่ไหน ไปเยี่ยมคนป่วยด้วยมือเปล่าก็ไม่ค่อยดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่างเชื่อมจ้าวที่ได้รับของขวัญแล้วดีใจเลย 

 

 

จางจื่ออันชวนช่างไฟฟ้าอู๋เข้าไปพักหายใจในร้านก่อนค่อยทำงานต่อ ถึงอย่างไรก็ไม่รีบร้อน และทุกคนก็อยากรู้อาการล่าสุดของช่างเชื่อมจ้าว 

 

 

ช่างไฟฟ้าอู๋ไม่เหนื่อย ถึงอย่างไรขี่จักรยานไฟฟ้าก็ไม่เปลืองแรง เขาบอกว่ามือของช่างเชื่อมจ้าวพันผ้าพันแผลเอาไว้ กำลังรับน้ำเกลือ ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลก็รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะในปริมาณมาก ตอนนี้ผ่านพ้นขีดอันตรายภายในสี่สิบแปดชั่วโมงมาแล้ว อาการก็ยังทรงตัวดี 

 

 

โรงพยาบาลตรวจเลือดให้ช่างเชื่อมจ้าวแล้ว ยืนยันว่าเป็นแบคทีเรียวิบริโอวัลนิฟิคัส เนื่องจากเป็นเคสที่โรงพยาบาลรับรักษาเป็นครั้งแรก จึงให้ความสนใจอย่างมาก ในห้องผู้ป่วยของช่างเชื่อมจ้าวมีหมอเข้าๆ ออกๆ ตลอดเวลา ยังรวมถึงอาจารย์หมอคุณธรรมและบารมีสูงส่งที่พานักศึกษาแพทย์เข้าไปด้วย ได้ยินว่าสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นมาสัมภาษณ์ที่โรงพยาบาลแล้ว จะออกอากาศสถานีโทรทัศน์ในอีกไม่กี่วัน ขณะเดียวกันก็ถือโอกาสนี้เตือนให้ชาวเมืองที่เล่นน้ำริมทะเลระมัดระวังความปลอดภัย รวมถึงการกินอาหารทะเลดิบด้วย 

 

 

ช่างเชื่อมจ้าวเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จักมาหลายสิบปี ได้กลายเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน รับการสัมภาษณ์ทั้งวันอย่างมีความสุข เขาเพลิดเพลินกับการสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น ถึงเป็นการสัมภาษณ์ของสื่อบนอินเทอร์เน็ตเขาก็ยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขา เพราะทุกคนต่างก็รู้จักมารบาท ไม่ได้มามือเปล่า ห้องผู้ป่วยเล็กๆ จึงแน่นขนัดขึ้นมาทันตา ของขวัญก็กองสุมอยู่จนวางบนตู้ข้างเตียงไม่ได้แล้ว 

 

 

ช่างเชื่อมจ้าวกลับเปิดใจกว้าง ถึงอย่างไรก็เสียผลประโยชน์ไม่ได้ อย่างน้อยต้องช่วยค่านอนโรงพยาบาลได้ 

 

 

วันนี้คนที่มาเยี่ยมและสัมภาษณ์ลดลงไปมาก ช่างเชื่อมจ้าวเริ่มโอดครวญว่าอยากออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับบ้านแล้ว หมอแนะนำให้เขาอยู่ดูอาการอีกสองวัน แต่เขาเสียดายค่านอนโรงพยาบาล อย่างช้าที่สุดคือออกจากโรงพยาบาลวันพรุ่งนี้ 

 

 

แน่นอนว่าช่างเชื่อมจ้าวที่ฝ่ามือถูกผ้าพันแผลพันเอาไว้ยังทำงานหนักไม่ได้ วันนี้ช่างไฟฟ้าอู๋จึงมาเก็บงานด้วยตัวเอง ถึงอย่างไรก็เหลืองานไม่มากแล้ว 

 

 

พวกจางจื่ออันฟังจบ ก็นับว่าวางใจแล้ว 

 

 

ช่างเชื่อมจ้าวเป็นคนไข้ที่ติดเชื้อแบคทีเรียวิบริโอวัลนิฟิคัสรายแรกซึ่งโรงพยาบาลรับรักษา แต่อาจจะเป็นอาการของโรคที่ปรากฏในเมืองปินไห่เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้อาจจะมีคนติดเชื้อตายไปโดยที่ไม่รู้เพราะรักษาล่าช้า ถ้าการป่วยครั้งนี้ของช่างเชื่อมจ้าวเพิ่มความระมัดระวังแบคทีเรียวิบริโอวัลนิฟิคัสให้กับคนอีกหลายคนได้ การเจ็บตัวครั้งนี้ก็นับว่าได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าแล้ว 

 

 

ผ่านประสบการณ์ครั้งนี้ไปแล้ว ในที่สุดช่างเชื่อมจ้าวก็ตัดสินใจเริ่มเลิกเหล้า แม้จะบอกว่าส่วนใหญ่แล้วครอบครัวบังคับ จางจื่ออันจึงไม่ได้ให้เหล้าสองขวดนั้นไป 

 

 

ช่างไฟฟ้าอู๋ถ่ายทอดคำขอบคุณของครอบครัวช่างเชื่อมจ้าวให้จางจื่ออันฟังแล้ว จากนั้นก็ไปทำงานข้างนอก 

 

 

จางจื่ออันกลับไปบนชั้นสอง เหลือบไปเห็นแมวจรจัดตัวหนึ่งกระโดดออกจากหน้าต่างพอดี 

 

 

ชั้นสองยังมีผู้ป่วยที่ยังไม่หายดี วลาดิเมียร์ก็โอดครวญว่าอยากออกไปข้างนอกเหมือนช่างเชื่อมจ้าว และเน้นย้ำอยู่หลายครั้งว่าอย่าเห็นมันเป็นคนไข้ 

 

 

แผลของมันเริ่มสมานกันแล้ว แต่ยังพันผ้าพันแผลเอาไว้ เขาไม่อนุญาตคำขอออกไปข้างนอกของมัน เพราะถ้าเป็นแมวตัวอื่น การออกไปข้างนอกที่ว่าก็หนีไม่พ้นการเปลี่ยนจากชั้นสองลงไปชั้นหนึ่ง แต่การออกไปข้างนอกของมันนั้น หมายถึงการออกไปข้างนอกร้านขายสัตว์เลี้ยงอย่างเห็นได้ชัด 

 

 

“วันนี้เหมือนข้างนอกจะมีอากาศเย็นสบายมาก ออกไปข้างนอกได้ไหม เมี๊ยวแล้วก็เหมียว! อยู่แต่ในบ้านทั้งวัน ฉันอึดอัดจะตายอยู่แล้ว เหมือนกับตกนรกทั้งเป็นเลย!” มันถามอย่างรอไม่ไหว 

 

 

วันนี้เป็นวันฟ้าครึ้มอีกวันหนึ่ง มีลมเย็นโกรก กวาดความร้อนก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว 

 

 

ที่จางจื่ออันไม่รับปากให้มันออกไปข้างนอกเพราะอากาศร้อนเกินไป แผลจะติดเชื้อได้ง่าย ตอนนี้อากาศเย็นสบายแล้ว แต่เหตุผลนี้ก็ยังไม่ผ่านอยู่ดี 

 

 

“มีนรกที่ไหนดีขนาดนี้ แถมยังเปิดแอร์ด้วย ถ้านายออกไปข้างนอก นายคิดจะไปไหน แผลของนายยังไม่หายสนิท ถ้าไปหาเรื่องเสี่ยวไป๋ละก็ ห้ามเด็ดขาด” เขาเดินไปริมหน้าต่าง มองเห็นเงาร่างของแมวจรจัดตัวนั้นหายไปที่หัวมุมถนน 

 

 

เซฮวายังคงไลฟ์สดอยู่ในห้องน้ำ โม้เรื่องการเดินทางไปอเมริกาให้แฟนคลับฟังต่างๆ ยังนำรูปที่จางจื่ออันถ่ายตามทางไปเป็นของตัวเองด้วย น่าประหลาดใจที่การเดินป่าครั้งนี้ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีจากพวกเพื่อนบนอินเทอร์เน็ต เพราะทุกคนก็เห็นสีสันมากมายแล้ว แต่ชอบรสชาติธรรมดาแบบนี้มาก 

 

 

พายนั่งพิมพ์งานดังป้อกแป้กอยู่หน้าโน้ตบุ๊กอย่างตั้งใจ ไม่ว่าการพูดคุยอย่างลับๆ ของวลาดิเมียร์กับแมวจรจัดหรือเสียงเอะอะของเซฮวาก็ไม่ส่งผลกระทบถึงมันเลย 

 

 

กระบองไม้แท่งหนึ่งวางพักอยู่ข้างๆ เก้าอี้สานแขวน เป็นกระบองไม้ที่จางจื่ออันเหลาให้มันในป่าเรดวูด มันตัดใจทิ้งไม่ลง เพราะกระบองไม้อันนี้เป็นตัวแทนความกล้าหาญของมันที่ช่วยพาเขากลับมายังเมืองปินไห่ 

 

 

เขาเติมเต็มความปรารถนาของตัวเองแล้ว กระบองไม้เบามาก และไม่ใช่สิ่งของต้องห้าม ขอแค่ทำท่าทางเดินเท้าไม่สะดวกก็ใช้มันเป็นไม้เท้าได้ ถึงตอนผ่านศุลกากรและขึ้นเคลื่อนไปเจอกับสายตาของแอร์โฮสเตสจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยก็ตาม 

 

 

ตอนพายพักผ่อนและไม่ได้พิมพ์งาน มันมักจะกอดกระบองไม้มองไปที่ไกลแสนไกล แถมยังดมกระบองไม้อยู่ตลอด ราวกับได้กลิ่นความสดชื่นของต้นซีคัวญ่าอายุหลายพันปี 

 

 

วลาดิเมียร์นั่งอยู่บนขอบหน้าต่าง พลางมองแมวจรจดตัวนั้นด้วยสีหน้าอิจฉา 

 

 

“ฉันไม่ได้โง่นะ!” มันพูด “ตอนนี้เป็นเวลาที่ฉันอ่อนแอที่สุด ถึงอยากทะเลาะก็ไม่เลือกทำตอนนี้หรอก” 

 

 

“งั้นนายคิดจะ…” 

 

 

“ฉันอยากไปหาเสี่ยวไป๋ แต่ไม่ได้อยากทะเลาะกับมัน” วลาดิเมียร์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ในทางตรงกันข้าม ฉันคิดจะคุยกับเสี่ยวไป๋ต่อหน้า ยุคสมัยของการต่อสู้ได้ผ่านไปแล้ว สองสามวันนี้ฉันประเมินกำลังที่แท้จริงของทั้งสองฝ่ายอย่างจริงจังแล้ว แมวและหมาจรจัดไม่มีทางได้รับสิทธิพิเศษที่เหนือกว่าใคร แทนที่จะต่อสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย สู้มองข้ามการโต้เถียง อยู่ร่วมกันอย่างสันติด้วยหลักการแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน และสร้างความสัมพันธ์ยุคใหม่ไฉไลกว่าเดิม!” 

 

 

“พวกเราไม่ต้องเปลี่ยนเป็นศัตรูหรือมิตร แต่เมืองปินไห่ใหญ่ขนาดนี้ รองรับได้ทั้งแมวจรจัด และหมาจรจัด ทิ้งความขัดแย้งไว้ชั่วคราว และพัฒนาไปด้วยกัน” มันกลัวจางจื่ออันเข้าใจผิด จึงพูดเสริมอีก 

 

 

จางจื่ออัน “…ฟังดูแล้วมีเหตุผลมาก นายจะไปตอนนี้เลยไหม” 

 

 

“ยิ่งเร็ว ยิ่งดี!” มันพยักหน้า “ขืนอยู่ในบ้านต่อไป ฉันต้องอึดอัดจนเป็นบ้าแน่ๆ!” 

 

 

“เอาล่ะ…งั้นฉันจะขับรถไปส่งนายแล้วกัน ไม่ได้เจอเสี่ยวไป๋นานแล้วด้วย ไม่รู้ว่าพวกหมาจรจัดเป็นยังไงบ้าง ฉันก็อยากไปดูอยู่พอดี” 

 

 

ในที่สุดเขาก็ยอมประนีประนอมแล้ว และรับปากคำขอร้องออกไปข้างนอกของวลาดิเมียร์