จางจื่ออันไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการทางความคิดของวลาดิเมียร์ ตั้งแต่เข้ากันกับสุนัขจรจัดไม่ได้ จนถึงยินยอมอยู่ร่วมกันอย่างสันติในตอนนี้ หลายวันนี้มันต้องคิดหลายๆ เรื่องเพราะไม่ได้ออกจากบ้านแน่นอน และประสบการณ์การบาดเจ็บในป่าเรดวูดอาจจะส่งผลมาถึงขั้นนี้ แม้เลือดสุนัขในร่างกายของมันจะถูกเปลี่ยนถ่ายไปแล้ว แต่ก็น่าจะมีบางอย่างหลงเหลืออยู่
เขาบอกกับพนักงานร้านและช่างไฟฟ้าอู๋ กำชับให้พวกพนักงานร้านตาไวหูไว หากช่างไฟฟ้าอู๋ต้องการอะไรก็รีบเตรียมให้ อย่ามัวแต่เล่นเกม จากนั้นก็ออกจากบ้านและขึ้นรถไปพร้อมกับวลาดิเมียร์
นับดูแล้วก็ไม่ได้ไปชานเมืองทางใต้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว เขากับวลาดิเมียร์นั่งอยู่ในรถ มองทิวทัศน์ข้างทางที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ยังคงเดิม แต่ผู้คนกลับเปลี่ยนแปลงไป
ไม่นานนัก อู่หลิงเสินกวงก็มาถึงชานเมืองทางใต้แล้ว เขาจอดรถอยู่ตรงข้ามลานฝังกลบขยะ
สายตาของจางจื่ออันกับวลาดิเมียร์จ้องเขม็งไปที่ป่าขนาดเล็ก ทางนั้นน่าจะมีป่าและคลองขุดสายหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับมีเพิงไม้ง่ายๆ หลังหนึ่งและรั้วลวดเหล็กเพิ่มขึ้นมา
พวกสุนัขจรจัดนอนอยู่ข้างใต้เพิงไม้อย่างสบายใจเฉิบ ใช้ชีวิตสะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนมาก
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
มีสุนัขจรจัดที่รับหน้าที่ลาดตระเวนพบอู่หลิงเสินกวงเข้าแล้ว ทีแรกมันจำจางจื่ออันไม่ได้ แต่พอวิ่งเข้ามาดมกลิ่นดีๆ ในที่สุดก็นึกออกว่าเขาคือผู้ให้อาหารที่ก่อนหน้านี้นำอาหารมาให้พวกมันบ่อยๆ
เสี่ยวไป๋ได้รับข่าวแล้ว จึงวิ่งเข้ามาเช่นกัน
“เสี่ยวไป๋ เพิงไม้พวกนี้….” เขาลงจากรถมาถาม
“ผู้หญิงคนนั้นทำให้น่ะ ผู้หญิงที่ชื่อว่าผู้ต้องสงสัยวาย” เสี่ยวไป๋อธิบายง่ายๆ
จางจื่ออันนึกออกแล้ว ก่อนจะไปอเมริกา เขาพาผู้ต้องสงสัยวายซึ่งเป็นผู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสุดโต่งคนนั้นมาที่นี่ ให้เธอเห็นสุนัขที่ต้องการความช่วยเหลือพวกนี้ด้วยตัวเอง ดูท่าทางตอนนี้ความสามารถอันกล้าหาญของเธอใช้ได้ผลแล้วจริงๆ
ตามที่เสี่ยวไป๋พูด หลังจากจางจื่ออันไปอเมริกา ผู้ต้องสงสัยวายก็มาที่นี่บ่อยครั้ง บางครั้งนำอาหารมาด้วย บางครั้งพาคนที่เหมือนคนงานมาสร้างเพิงไม้ให้สุนัขจรจัด ทำให้สุนัขจรจัดได้มีสถานที่หลบหิมะในฤดูหนาวที่เหมือนอีกนานมากกว่าจะมาถึง แต่ความจริงแค่พริบตาเดียวก็ใกล้เข้ามาแล้ว
เธอทำอะไรเพื่อสุนัขจรจัดไม่น้อย เสี่ยวไป๋รู้สึกขอบคุณเธอมาก แต่ก็ไม่ค่อยชอบเธอนัก เพราะเธอเหมือนเห็นสุนัขจรจัดเป็นขอทาน อยากล้อมคอกเลี้ยงพวกมันเหมือนสุนัขในศูนย์รับเลี้ยง แต่พวกมันดูแลตัวเองได้และไม่ต้องการที่พักพิงจากคนอื่น ดังนั้นมันจึงรู้สึกขัดแย้งในใจ
ตอนนี้เอง มันเห็นวลาดิเมียร์กระโดดลงมาจากอีกด้านหนึ่งของรถ ก่อนหน้านี้มันได้กลิ่นของวลาดิเมียร์แล้ว รู้ว่าศัตรูตัวฉกาจก็มาด้วย แต่เห็นอีกฝ่ายท่าทางได้รับบาดเจ็บ มันจึงยิ่งประหลาดใจ
เสี่ยวไป๋รู้จักพละกำลังของวลาดิเมียร์ดีกว่าใคร แต่ศัตรูคู่อาฆาตที่แทบจะมีฝีมือสูสีกับมัน หรือกระทั่งกดมันได้กลับได้รับบาดเจ็บอย่างคาดไม่ถึง นี่ไม่ได้หมายความว่าคนหรือสัตว์ที่จู่โจมวลาดิเมียร์แข็งแกร่งจนยากจะจินตนาการหรอกเหรอ?
“อยากหัวเราะหรือเปล่า? ถ้าอยากหัวเราะก็เชิญ วันนี้ฉันไม่อยากทะเลาะกับนาย” วลาดิเมียร์พูดด้วยท่าทางใจเย็น
ท่าทางของมันดูจนตรอกมากจริงๆ ด้วยเพราะจางจื่ออันกับเมแกนฝีมือกระจอกเกินไป ตัดขนของมันมั่วซั่ว ตรงหน้าอกและบ่าพันผ้าพันแผลไว้รอบหนึ่ง ราวกับนักรบที่ถอยออกจากสนามรบจริงๆ
เสี่ยวไป๋ไม่ได้หัวเราะ “ใครทำให้นายมีสภาพแบบนี้?”
“พูดแล้วก็ซับซ้อนมาก…สรุป นายรู้แค่ว่ามันตายแล้วก็พอ แม้ฉันจะไม่ได้ฆ่ามันด้วยมือของตัวเองก็ตาม” วลาดิเมียร์ขี้เกียจเล่าเรื่อง “ถ้าอยากรู้ละก็ นายถามเขาแล้วกัน”
เสี่ยวไป๋อยากรู้มากทีเดียว แต่มันอดทนไม่ถามออกไป เพราะเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ต่อไปจะถามตอนไหนก็ได้ ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้นต้องคุยกัน
“ตามฉันมา มีบางอย่างพวกนายเห็นจะดีที่สุด”
เสี่ยวไป๋พูดจบก็นำทางอยู่ข้างหน้า พาจางจื่ออันกับวลาดิเมียร์เข้าไปในลานฝังกลบขยะ
ไม่ต้องพูดเลยว่าลานฝังกลบในฤดูร้อนกลิ่นเหม็นแค่ไหน แมลงวันบินว่อนกันเป็นกลุ่ม ตัวอ่อนของแมลงวันก็ขยับขยุกขยิกอยู่ทุกที่ แค่กลิ่นอย่างเดียวก็เวียนหัวแล้ว
จางจื่ออันใช้เสื้อปิดจมูก แต่กลิ่นชวนอาเจียนเป็นระลอกก็ยังยากจะรับได้อยู่ดี
เดินไปสักพัก ข้างหน้าก็เริ่มมีกลิ่นจางลง และเผยให้เห็นภูเขาขยะกองย่อมๆ และเป็นภูเขาขยะที่ไม่มีกลิ่นอะไร ในกองขยะชุมชนที่กองอยู่รอบๆ นี้สะอาดสะอ้านผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
ครั้งแรกที่มองเห็นภูเขาขยะ สีที่คุ้นเคยนั้นทำให้จางจื่ออันจำได้ในทีแรก คิดไม่ถึงว่านี่เป็นภูเขาขยะที่เกิดจากถุงอาหารสุนัขเล็กซี่ถุงแล้วถุงเล่ากองสุมกันเอาไว้
ถุงอาหารสุนัขพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ได้เปิดผนึก มีเพียงจำนวนน้อยที่เปิดแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าถูกผู้บริโภคที่เป็นมนุษย์ฉีกเปิด หรือเป็นสัตว์เล็กที่อาศัยอยู่ในกองขยะฉีกเปิด
มีหนูตัวใหญ่สีเทาตัวหนึ่งเห็นคนกับแมวเข้ามา มันกำลังเคี้ยวอาหารสุนัขอยู่เต็มปาก และวิ่งหนีไปอย่างลุกลี้ลุกลน
“ฉันไม่รู้ว่าพวกนายเจอเรื่องอะไรที่อเมริกา แต่ตั้งแต่สองสามวันก่อน ทุกที่ในเมือง รวมถึงชานเมือง รถขนขยะจะขนอาหารสุนัขแบบนี้มากองใหญ่ ส่วนใหญ่ยังไม่ได้เปิด จนถึงวันนี้ก็ยังขนมาอยู่ จำนวนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีลดเลย” เสี่ยวไป๋พูดด้วยท่าทางกังวล
จางจื่ออันสบตากับวลาดิเมียร์ครั้งหนึ่ง พวกเขาเข้าใจว่านี่ก็คือหนึ่งในผลลัพธ์ของเรื่องการเปิดโปงอาหารสุนัขเล็กซี่ และเป็นผลลัพธ์ที่พวกเขาคาดไม่ถึง
อาหารสุนัขเล็กซี่ขายไม่ออก และไม่มีคนช่วยพวกเขา พ่อค้าคนกลางถูกฟ้องร้องและคืนสินค้าจากลูกค้าจำนวนมาก จะทำอย่างไรกับอาหารสุนัขที่คืนมาแล้วกองสุมเท่าภูเขาอยู่ในโกดังได้? วางไว้ก็กินที่ แถมยังเพิ่มรายจ่ายให้กับการเก็บของในโกดัง ไม่มีวิธีคืนอาหารสุนัขเล็กซี่ให้กับสำนักงานของอเมริกาได้ด้วย ทำได้แค่ทิ้งไป
ได้ยินว่าร้านค้าออนไลน์ของอาหารสุนัขเล็กซี่ในประเทศจีนก็ปิดร้านเผ่นไปแล้ว ผู้บริโภคทั่วไปที่ซื้ออาหารสุนัขผ่านช่องทางออนไลน์ไม่สามารถคืนสินค้าได้หรือไม่อยากยุ่งยากกับการปกป้องสิทธิ จึงทิ้งอาหารสุนัขที่ยังกินไม่หมดไปอย่างจำใจ
บวกกับคลองที่กระจัดกระจายอยู่ อาหารสุนัขเล็กซี่ที่ถูกทิ้งก็ถูกรวบรวมมาอยู่ที่ลานฝังกลบขยะ กลายเป็นภูเขาขยะลูกนี้
“นายเป็นห่วงว่าหมาจรจัดจะอดใจกินอาหารหมาพวกนี้ไม่ได้เหรอ” จางจื่ออันถาม ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นอาหารที่ได้มาง่ายๆ แม้คนหิวแทบตาย รู้ดีว่าอาหารหมดอายุหรืออาจจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพ ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเหมือนกัน
เสี่ยวไป๋ส่ายหน้าช้าๆ “ตอนนี้พวกหมาจรจัดมีชีวิตดีกว่าเมื่อก่อนมาก ยังพออดทนได้”
“งั้นนายกังวลอะไร” เขาถามต่อ
“เมื่อคืนพวกฉันได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถ ทีแรกคิดว่าเป็นรถขยะขนขยะล็อตใหม่มา แต่พอฟังดีๆ แล้ว เสียงกับแรงสั่นสะเทือนที่มาจากพื้นไม่เหมือนกับรถขยะ แล้วก็แทบไม่มีรถคันอื่นผ่านมาที่นี่ตอนกลางดึก ฉันเลยพาหมาสองสามตัวไปตรวจสอบสถานการณ์กับฉัน พบว่าแถวนี้มีคนขับรถมาขโมยอาหารหมาพวกนี้…อาหารหมาที่ถูกทิ้งแล้วใช้คำว่า ‘ขโมย’ อาจจะไม่ค่อยเหมาะสม แต่ยังไงก็มีหลายคนขับรถมาแอบขนอาหารหมาไปจำนวนหนึ่ง ฉันได้ยินสำเนียงของพวกเขา เหมือนจะเป็นชาวบ้านที่อยู่ละแวกนี้ พวกเขาขนอาหารหมาไปให้หมาที่ตัวเองเลี้ยงกิน มีความสุขสนุกสนานเหมือนตอนปีใหม่เลยเชียว” เสี่ยวไป๋ถอนหายใจ