ตอนที่ 200 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 200 แบกรับข้อกล่าวหา (2)

             อี้เป่ยซีอยู่ในโรงพยาบาลที่ตัวเองเกลียดที่สุดเป็นเวลาสามวัน อี้เฉิงและภรรยาเอ่ยขึ้นมาว่ามีความคิดที่จะพาอี้เป่ยซีกลับบ้าน

            “เป่ยซี ความหมายของพ่อกับแม่ของลูกคือ…”

            เธอตาแดง ปลายจมูกยังคงแดงระเรื่อเนื่องจากลมหนาว ยิ่งทำให้รู้สึกน่าสงสาร อี้เป่ยซีส่ายหน้า “พ่อคะ หนู ไม่อยากกลับไป…ถ้าลั่วจื่อหานรู้ว่าหนูจากไปคนเดียว เขาจะต้องโกรธมากแน่”

            อี้เฉิงถอนหายใจ ในแววตามีความจริงจังและแน่วแน่ที่ไม่มีใครสามารถเพิกเฉยได้ “เป่ยซี ถึงลูกจะไม่เข้าใจสาเหตุของเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าดีเลวยังไงลูกก็รู้อะไรใช่ไหม? ลูกคิดว่าพ่อกับแม่จะวางใจให้ลูกให้อยู่ที่นี่คนเดียวได้ยังไง? พวกเรากลับบ้านกันก่อน ถ้ามีสถานการณ์อะไร พ่อจะรีบติดต่อลูกแล้วพาลูกมาที่นี่…ที่นี่ก็ไม่ไกลจากบ้านมาก มันยังไม่สายเกินไป”

            อี้เป่ยซีหลบไปด้านหลัง ส่ายหน้า “พ่อคะ หนูไม่อยากกลับไปจริงๆ”

            “ลูกสู้ลู่เซิงไม่ได้หรอก เป่ยซี”

            “แต่ว่าพ่อคะ” อี้เป่ยซีเงยหน้า “หนูทำอะไรไม่ได้ หมายความตอนนี้ลู่เซิงจะปกป้องตัวเองก็ยากแล้ว คงจะไม่มีแรงทำอะไรหนูหรอก”

            อี้เฉิงถอนหายใจ “ที่ลูกพูดก็มีเหตุผล แต่ว่าลูกรู้จักลู่เซิงน้อยไป ลูกจะรู้ได้ยังไงว่าเธอจะไม่ทำอะไรที่คาดเดาไม่ได้เพราะถูกบีบจนจนมุม พ่อรู้ว่าลูกไม่วางใจลั่วจื่อหาน พ่อก็บอกลูกแล้ว ว่าพ่อจะบอกอาการของเขาให้ลูกฟังแน่นอนและจะพาลูกไปหาเขาด้วย ลูกยังมีอะไรไม่วางใจอีกเหรอ?”

            “พ่อคะ พ่อจะพาหนูมาเจอลั่วจื่อหานเหรอคะ?” อี้เป่ยซีมองอี้เฉิงด้วยดวงตาเป็นประกาย ลำตัวของอี้เฉิงที่ตั้งตรงในตอนแรกกลับห่อเหี่ยวลงทันใด

            เขายังจะพาเป่ยซีกลับมางั้นเหรอ? เขาบอกไม่ได้ แต่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความเกลียดชังที่พ่อแม่ของลั่วจื่อหานมีต่อเธอ เขาไม่ยอมทิ้งอี้เป่ยซีให้อยู่ต่อ เพราะนอกจากอันตรายที่ซ่อนเร้นจากลู่เซิงแล้ว เขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าอี้เป่ยซีจะได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจจากบ้านลั่วไม่น้อย

            นี่คือลูกสาวที่ครอบครัวของเขาประคบประหงม จะปล่อยให้คนอื่นบอกว่ารังแกก็รังแกได้อย่างไร

            แม้แต่บ้านลั่ว พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์นี้

            ลู่เยี่ยจิ่งเคาะประตู สายตาของทั้งสองคนมองไปที่เขาพร้อมกัน เขากระแอมไอ “คุณลุงอี้ เป่ยซี” สีหน้าของอี้เฉิงไม่น่าดูเล็กน้อยเนื่องจากการมาของเขา เขายังจำได้ว่าผู้ชายคนนี้เคยด่าทอและทำร้ายอี้เป่ยซีต่อหน้าทุกคนอย่างไร

            “เธอมาทำอะไร?” อี้เฉิงจู่โจมก่อน เมื่อเขารู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองมีความกระหายเลือดมากเกินไปแล้ว อดไม่ได้ที่จะสงบสติของตัวเองลง แต่สีหน้ายังคงไม่สู้ดีนัก

            “คุณลุงอี้ ลุงวางใจให้เป่ยซีอยู่ที่นี่ต่อเถอะครับ ส่วนเรื่องอื่นผมจะแก้ไขได้”

            “เธอแก้ไข? ไม่รบกวนคุณชายรองลู่ดีกว่า”

            ลู่เยี่ยจิ่งไม่ใส่ใจกับพฤติกรรมของอี้เฉิง “คุณลุงอี้ ผมสืบเรื่องในอดีตอย่างชัดเจนแล้ว มันเป็นความผิดผมเอง ตอนนี้ลุงคิดซะว่าเป็นการชดเชยก็ดี เป็นการช่วยเป็นธุระให้พี่ชายผมก็ดี ตอนนี้คุณลุงก็น่าจะเข้าใจว่าผมจะไม่ทำร้ายเธอ อีกอย่างผมรับประกันว่าอยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่าอยู่บ้านอี้แน่นอน คุณลุงอี้ว่าจริงไหมครับ?”

            อี้เฉิงมองแววตาของลู่เยี่ยจิ่ง มีความลังเลเล็กน้อย เขายอมรับว่าถ้าหากลู่เซิงตั้งใจจะทำร้ายอี้เป่ยซีจริงๆ ล่ะก็ บ้านของเขาก็เป็นเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่งที่ขวางหน้าไว้เท่านั้น ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย แต่พวกลู่เยี่ยจิ่งนั้นไม่เหมือนกัน เขาสามารถปกป้องอี้เป่ยซีได้อย่างแท้จริง แต่ว่าจะต้องทิ้งลูกสาวของตัวเองไว้ที่นี่จริงๆ เหรอ?

            ลู่เยี่ยจิ่งเหลือบมองอี้เป่ยซีที่กำลังก้มหน้า พูดขึ้นเบาๆ “ได้ยินว่าลั่วจื่อหานใกล้จะฟื้นแล้ว” คนที่กำลังก้มหน้าได้ยินดังนี้ก็เงยหน้าขึ้น

            “พ่อคะ”

            อี้เฉิงจึงพยักหน้าภายใต้สายของอี้เป่ยซี พร้อมเตือนลู่เยี่ยจิ่ง “ฉันจะเชื่อเธอสักครั้ง ถ้าเป่ยซีได้รับอันตรายอะไรล่ะก็ ต่อให้ฉันต้องเสี่ยงชีวิตแก่ๆ นี้ก็จะทำให้พวกมันรับโทษอย่างสาสม”

            “วางใจเถอะครับ คุณลุงอี้ ผมจะปกป้องเธออย่างดีแน่นอน”

            คืนวันเดียวกัน อี้เฉิงก็กลับบ้านพร้อมกับภรรยาของตัวเองแล้ว อี้เป่ยซีมองดูแผ่นหลังของพวกเขาที่จากไปพร้อมกัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบจมูก

            “เธออย่าร้องไห้สิ ถ้าเธอร้องไห้ฉันก็จะโยนเธอกลับบ้านเธอนะ”

            “ลู่เยี่ยจิ่ง ฉันไม่เคยเจอคนที่น่ารังเกียจเหมือนนายเลยจริงๆ”

            เขาหัวเราะ น้ำเสียงขมขื่นเล็กน้อย “ใครจะไปเหมือนคนที่เธอชอบล่ะ เอาเถอะ เก็บของเธอซะ ฉันจะพาเธอไป”

            “ไปไหน?”

            “ลั่วจื่อหานเปลี่ยนที่แล้ว เธอไม่คิดว่าเธอควรจะเปลี่ยนที่ด้วยเหรอ?”

            “อ่อ” เมื่อกลับถึงห้องคนไข้ ลั่วจื่อจี้ก็นั่งรอเธออยู่ที่โซฟาแล้ว พอเห็นว่าลู่เยี่ยจิ่งเข้ามาพร้อมเธอ สีหน้าก็เปลี่ยนไป

            เขาเดินเข้าไปหาอี้เป่ยซีทันที แยกทั้งสองคนออกจากไป “อาซ้อ ทำไมเธอถึงอยู่กับเขาได้”

            “หา นั่นเป็นเพราะว่า…”

            “อัยยา จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ เธอไม่รู้เหรอว่าพี่ชายฉันเป็นคนระวังตัวแค่ไหน เธอยังจะไปอยู่กับลู่เยี่ยจิ่งอีก ใครจะไปรู้ว่าเขากำลังคิดแผนชั่วอะไรอีก”

            ลู่เยี่ยจิ่งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำ “ฉันจะคิดแผนชั่วอะไรได้?”

            “ฉันคุยกับอาซ้อฉัน เกี่ยวอะไรกับนาย”

            “ฉันพูดถึงฉันนี่นา อีกอย่าง นายกำลังคุยกับซ้อของฉัน ทำไมฉันจะขัดจังหวะไม่ได้”

            ลั่วจื่อจี้ค้อนเขา “อาซ้อ อีกสองวันพี่ชายฉันก็ตื่นแล้ว เธอไม่ต้องห่วงนะ”

            “งั้นฉันจะได้เจอเขาเมื่อไร”

            “เรื่องนั้นก็พูดยากอยู่ รอไว้พี่ชายฉันฟื้นแล้ว เธอก็น่าจะเจอเขาได้แล้ว” หลังจากลั่วจื่อหานฟื้น พ่อแม่ของเขาก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้อี้เป่ยซีเจอเขาได้แล้ว ลั่วจื่อจี้คิดพลางพยักหน้า มันก็น่าจะง่ายดายแบบนั้น พี่ชายเขาเป็นใคร มีเรื่องอะไรบ้างที่เขาทำไม่ได้ ตราบใดที่เขาต้องการเจออี้เป่ยซี ใครก็ขัดขวางไม่ได้

            อี้เปยซีเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา ยิ้มให้เขา “ขอบคุณนะ จื่อจี้ นายบอกฉันได้ไหมว่าตอนนี้พี่ชายนายอยู่ที่ไหน?”

            “ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้” ลั่วจื่อหานลำบากใจเล็กน้อย “ตอนนี้เขาอยู่ที่บ้าน แต่ว่าอาซ้อ…”

            “เอาเถอะ ฉันรู้ ฉันรู้”

            ลั่วจื่อจี้จึงสบายใจ เขาไม่ได้กลัวว่าอี้เป่ยซีจะไปหาลั่วจื่อหาน เขาเพียงแต่กลัวว่าแม่ของตัวเองจะทำให้เธอลำบากใจ อย่างไรก็ดูจากท่าทางของแม่เขาแล้ว เธอได้โยนความรับผิดชอบส่วนใหญ่ของเรื่องนี้ไปให้อี้เป่ยซีจริงๆ ซะแล้ว

            “เธอยังไม่ได้บอกเลย ว่าเธอกับลู่เยี่ยจิ่งมันเรื่องอะไรกัน?”

            “ตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านฉัน” ลู่เยี่ยจิ่งมองลั่วจื่อจี้ เลิกคิ้วด้วยความภูมิใจเล็กน้อย ลั่วจื่อจี้ตกใจจนอ้าปากค้าง

            “อา อาซ้อ…เธอ เธอ ทำไมเธอถึง…” ลั่วจื่อจี้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ท่าทางเหลือเชื่อ ตอนนี้เรื่องระหว่างอี้เป่ยซีกับลู่เยี่ยจิ่งกลับตาลปัตรแล้ว “ถ้าพี่ พี่ชายฉันรู้…งั้น…เธอ”

            ลู่เยี่ยจิ่งเดินไปข้างหน้า ยิ้มเจ้าเล่ห์ “นายอย่าเข้าใจผิด มันเป็นแบบที่นายคิดนั่นแหละ”

        “มันไม่ใช่แบบที่นายคิด!”

————