GGS:บทที่ 783 สถานีกำจัดขยะห้วงเวลายกระดับแล้ว (1)

 

หลังจากฟังเสียงอิเล็กทรอนิกสิ์พูดจบ ซูจิ้งนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง

ซักพักเขาก็แสดงท่าทางปลื้มปลิ่มออกมา

เขานั้นดีใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว

ตอนแรกเริ่มที่รู้ว่าสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาแห่งนี้ใช้ปฏิสสารเป็นแหล่งพลังงาน

เขานั้นแทบจะหมดหวังในชีวิตเลยทีเดียว

ตอนนั้นว่าเขาแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าเขาต้องลงแรง ลงเวลา ลงเงินไปซักเท่าไหร่กันกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

 

เขานึกเทียบเคียงระหว่างมนุษย์ในเกมและสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้

เหมือนกับเวลาเล่นเกมที่ทำอะไรไม่ได้เลยเมื่ออยู่ระดับศูนย์

เมื่อหาทางยกระดับได้ถึงจะมีทักษะพิเศษประจำอาชีพปรากฎขึ้นมาบ้าง

สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯสมควรจะเป็นเช่นเดียวกัน

เมื่อเริ่มยกระดับได้ก็สมควรจะมีระบบอะไรบางอย่างมาใช้งานได้บ้าง

นี่สิถึงจะเป็นสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯของจริงซะที

ซูจิ้งถึงกับเม้มปากสุดแรงก่อนจะพูดออกมาดังๆว่า “เยี่ยม”

 

มีเสียงอิเลคทรอนิกส์ดังขึ้นมาอีกครั้งโดยบอกว่า

“สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้เตรียมพร้อมที่จะยกระดับแล้ว

โปรดออกจากสถานีแห่งนี้และอย่าพยายามกลับเข้ามาก่อนที่จะได้รับการยืนยันว่ายกระดับเสร็จสมบูรณ์

ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายขึ้นได้”

เมื่อได้ยินดังนั้นซูจิ้งนำร่างของไป๋ไทฮองเก็บเข้าไปในกระเป๋ามิติและเดินออกไปในทันที

เขายังได้ยินเสียงอิเลกทรอนิกส์นั้นพูดออกมาต่อว่า “สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯเริ่มยกระดับ

เริ่มนับถอยหลัง สิบ เก้า แปด เจ็ด …”

จนเมื่อนับถึงศูนย์ ซูจิ้งไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกต่อไป เขารอคอยด้วยความตื่นเต้น แต่หลังจากรอไปสองชั่วโมงเขาก็ยังไม่ได้ยินเสียงยืนยันการยกระดับเสร็จสมบูรณ์ซักที

แน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะเหยียบย่างเข้าไปแม้แต่น้อยนั่นก็เพราะสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯได้ย้ำเขาอย่างหนักแน่นว่าห้ามเข้าใกล้เพราะมันอันตรายมาก

แถมสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯยังใช้ปฏิสสารเป็นพลังงานขับเคลื่อนแน่นอนว่าเขาไม่มีทางต้านทานพลังระดับนั้นได้แน่นอน

 

“ใจเย็นในสิตัวข้า จะรีบร้อนไปไย”

ซูจิ้งได้ทำการปลอบประโลมตัวเองแต่เขาก็ยังอดที่จะร้อนใจไม่ได้

ร้อนใจถึงขนาดที่ว่าได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นออกมา เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงเริ่มขับเคลื่อนวิถีแห่งใต้หล้าในจิตสำนึก นั่นจึงทำให้เขาเย็นใจลงได้บ้าง

 

ซูจิ้งยังคงรอคอยต่อไป ในระหว่างที่รอเขาได้ทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย

ระหว่างนี้เขาได้แอบไปหาไป๋ฮิตูอย่างลับๆ พร้อมทั้งมอบร่างของไป๋ไทฮองให้แก่ไป๋ฮิตูเพื่อนำไปประกอบพิธี

เป็นที่รู้กันทั่วไปอยู่แล้วว่าไป๋ไทฮองนั้นสภาพร่างกายไม่ได้ดีอะไรแถมเขายังไปมั่วกามราคะอย่างหนัก

ต่อให้คนทั่วไปรู้เข้าทุกคนก็ต้องคิดไปในทางเดียวว่าไม่ทำงานหนักจนตายก็เป็นการตายคาอก

แน่นอนว่าการที่จะให้ลูกชายอย่างไป๋ฮิตูจัดการเรื่องนี้ย่อมเป็นเรื่องปกติ

และแน่นอนว่ากิจการทั้งหมดที่อยู่ในนามไป๋ไทฮองจะตกอยู่ในกำมือไป๋ฮิตูทั้งหมด

 

ซูจิ้งยังคงรออยู่ถึงสามวันจนเขาเริ่มกังวลใจขึ้นมาจนแทบจะคลั่งอยู่แล้ว ถึงขนาดที่เรียกว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับเลยก็ว่าได้

ในยามดึกคืนหนึ่งในขณะที่เขาพยายามข่มตานอน อยู่ๆก็ได้ยินเสียงหนึ่งในจิตสำนึก “กริ๊ง” ตามมาด้วยเสียง
อิเลกทรอนิกส์ดังออกมาต่อว่า “สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯใกล้จะยกระดับเสร็จสิ้นแล้ว

ตอนนี้สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯสามารถปรับแต่งสถานีก่อนจะทำการดำเนินการขึ้นสุดท้าย

ท่านต้องการจะปรับแต่งสถานีหรือไม่”

ซูจิ้งเด้งตัวขึ้นมาจากเตียงในทันทีพร้อมกับที่วิ่งลงไปที่ชั้นหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ทำการก้าวต่อไปก่อนจะถามว่า

“นี่หมายความว่าสถานีคัดแยกขยะแห่งนี้เป็นห้วงมิติที่มีขนาด 1,800 ตารางเมตร ที่ฉันสามารถจัดการรูปร่างของพิ้นที่ทั้งหมดได้ใช่รึเปล่า”

ไม่นานก็มีเสียงอิเลกทรอนิกส์ตอบกลับมาว่า “ในตอนนี้สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้ด้วยการที่เพิ่งจะยกระดับเป็นระดับหนึ่ง

พื้นที่ที่ใช้งานได้ในตอนนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของมิติที่ใช้ในการจัดการขยะซึ่งเป็นมิติทรงกลม

ซึ่งการยกระดับจะเป็นการเปิดเผยพื้นที่ใช้สอยพวกนี้เท่านั้นโดยจะเริ่มจากด้านบนแล้วไล่ลงไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้เป็นวงกลมสมบูรณ์

โดยพื้นที่ส่วนบนนั้นเป็นพื้นที่ที่ใช้ในการลองรับขยะห้วงเวลาฯซึ่งที่ว่าเป็นพื้นที่เบื้องต้นเท่านั้น

เมื่อสามารถเปิดพื้นที่ไปได้เรื่อยๆจะเริ่มมีเตาเผา มีพื้นที่ย่อยขยะสดที่มีความสามารถในการย่อยสลายขยะห้วงเวลา และมีแม้แต่พื้นที่กักเก็บขยะห้วงเวลาฯ

ในส่วนเตาเผาขยะห้วงเวลาฯและพื้นที่ย่อยขยะห้วงเวลาฯนั้น จะมีช่องใส่ส่งตรงไปยังพื้นที่ที่ฝังเอาไว้อยู่ในกลางมิติ

ส่วนพื้นที่พักขยะห้วงเวลานั้นจะอยู่ตรงส่วนล่างของมิติแห่งนี้ ซึ่งในตอนนี้พื้นที่ดังกล่าวถือได้ว่ายังโล่งมากๆ ท่านสามารถเข้าไปจัดการในส่วนนี้ได้”

ซูจิ้งได้ยินดังนั้นก็ได้แสดงท่าทางยินดีออกมาเต็มที่

อย่างที่เขาคิดไว้ว่าสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้จะต้องมีเตาเผาและพื้นที่ย่อยขยะห้วงเวลาณ

ถ้าสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯยกระดับเสร็จเมื่อไหร่ต้องใช้งานพวกมันได้บ้างไม่มากก็น้อย

 

ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯจะทำอะไรได้บ้างเพราะว่าแบบจำลองของสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้ถูกโยนทิ้งไป

แถมไอ้คนที่ทิ้งไปก็ดันบอกออกมาว่า “สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้ไม่มีระบบกำจัดขยะหรอก มีแต่เทกองทับถมมาเรื่อยๆ”

ถ้าให้พูดตามความเป็นจริงแล้วการที่จะเรียกที่ไหนสักทีว่าเป็นสถานีกำจัดขยะได้สมควรจะต้องมีระบบกำจัดขยะซักอย่างสองอย่าง

ซึ่งกลายเป็นว่าเขานั้นคิดถูก ยิ่งไปกว่านั้นสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้ยังมีแม้กระทั่งระบบคัดแยกเป็นพื้นที่กักเก็บอีกด้วย

 

สำหรับขั้นตอนการที่จะเปลี่ยนสถานีสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้ทำให้ซูจิ้งต้องคิดซักเล็กน้อย เขาได้คิดจริงจังออกมาพักหนึ่งก่อนจะถามออกมาว่า “การจัดการพื้นที่นี่ต้องใช้พลังงานด้วยรึเปล่า”

 

เสียงอิเลกทรอนิกส์ได้ตอบกลับมาว่า “แน่นอนว่าต้องใช้แต่ตราบใดที่ไม่ใช่การจัดการที่มีขนาดใหญ่หรือสลักสำคัญอะไรจนถึงขนาดเปลี่ยนรูปร่างมิติหรือเปลี่ยนรูปร่างและตกแต่งตึกล่ะก็ พอจะบอกได้ว่าแทบจะไม่ใช่พลังงานเลย”

 

“หากมีการเดินเครื่องเตาเผาและพื้นที่ย่อยขยะ การปรับพื้นที่มิติขนาดประมาณ10ตร.ม. ให้กลายเป็นรูปใบพัดในส่วนพื้นที่พักขยะ พร้อมทำการลดขนาดพื้นที่ในส่วนนั้นด้วย ทั้งหมดนี่ใช้พลังงานเท่าไหร่” ซูจิ้งยังคงถามต่อไป

“ใช้ปฏิสสารประมาณ 0.001 กรัมในการดำเนินการทั้งหมด เมื่อเทียบกับปฏิสสารที่เหลืออยู่ประมาณ 0.009 กรัมแล้วถือได้ว่าเพียงพอ”

“ค่อนข้างจะต่างจากที่คิดไว้แหะ” ซูจิ้งนั้นรู้ดีว่าห้องเก็บของที่บ้านในตอนนี้ใกล้จะเต็มแล้ว

และของพวกนั้นเอาจริงๆก็ไม่ควรจะจับไปอัดเอาไว้กันที่นั่นเพียงที่เดียวเพราะมีโอกาสที่จะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน

เขาอยากได้ห้องเก็บของที่มีความปลอดภัยระดับสูงมากๆอยู่แล้ว

พื้นที่พักของในสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯนี้สมควรจะมีขนาดใหญ่และปลอดภัย แถมยังเก็บความลับเหล่านี้ได้อย่างดีแน่นอน

 

“ขอบังอาจแนะนำท่านเจ้าของว่าพื้นที่พักขยะไม่ควรจะมีขนาดใหญ่มากนัก

เพราะทั้งเตาเผาขยะห้วงเวลาฯและพื้นที่ย่อยขยะห้วงเวลาฯเมื่อใด อัตราในการกำจัดและย่อยสลายขยะจะสูงมาก

หากจะให้กล่าวออกมาคร่าวๆแล้ว ขยะหนึ่งตันหากนำไปเผาจะเหลือเพียงแค่ไม่ถึงกรัม

ถ้าจะให้ดีพื้นที่พักขยะพวกนี้ควรมีขนาดเล็กมากๆ เพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินการ เก็บขน เคลื่อนปรับแต่ง ทำความสะอาด หรือแม้แต่การนำฝังกลบก็ถือได้ว่าสะดวกดี

การที่จะทำการขยายตามรูปทรงที่ท่านเจ้าของต้องการอาจเกินกำลังของท่านในการจัดการ และอาจเป็นการเสียพื้นที่ไปโดยเปล่าประโยชน์ ท่านเจ้าของแน่ใจแล้วใช่หรือไม่”

 

เมื่อซูจิ้งได้ยินประสิทธิภาพของเตาเผาก็ถึงกับอึ้งในทันที ขยะหนึ่งตันเหลือไม่ถึงกรัม ช่างเป็นอัตราการเผาที่ทรงพลังจริงๆ

แต่ยังไงซะเขาก็ยังคงตั้งใจที่จะทำการปรับเปลี่ยนขนาดของพื้นที่พักขยะอยู่ดี เพราะเขาจะเน้นไว้ใช้ในการเก็บของจริงๆไม่ใช่แค่พักขยะไว้ก่อนกำจัดเพราะฉะนั้นพื้นที่ส่วนนี้ยิ่งใหญ่ได้เท่าไหร่ยิ่งดี

นั่นก็เพราะว่าด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้เขาได้รับประสบการณ์จากการหย่อนยานในการจัดการขยะของตัวเองมาแล้วอย่างเรื่องเศษลูกธนูนั่น

 

ทำให้ซูจิ้งไม่อยากจะใช้วิธีการฝังกลบขยะห้วงเวลาฯอีกต่อไป เพราะไม่ว่าขยะที่คัดแยกออกไปจะไร้ค่าสำหรับเขาแค่ไหนก็ตาม แต่กับโลกนี้แม้เพียงเศษเสี้ยวของขยะพวกนี้ก็อาจกวาดล้างโลกได้

คราวนี้ของที่เหลือจากการจัดการถ้าไม่ถูกเผาก็จะถูกโยนเข้าเครื่องย่อยในทุกกรณีอย่างแน่นอน

ต่อให้เผาหรือย่อยไม่ได้ เขาก็จะเก็บไว้ในพื้นที่พักจนกว่าสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแห่งนี้จะพร้อมต่อกำจัดพวกมันหรืออาจจะปล่อยลืมไปเลยก็ได้

“ยืนยันตามนั้นแหล่ะ”

“ท่านเจ้าของต้องการจัดการในพื้นที่ห้องเย็น พื้นที่ทั่วไป และพื้นที่วิวทิวทัศน์โดยรอบหรือไม่”

“ฉันจัดการได้ด้วยงั้นหรอ” ซูจิ้งสงสัยในทันที

“แน่นอนว่าได้ พื้นที่ห้องเย็น ถูกใช้ในการป้องกันไม่ให้เกิดการเน่าเสียและย่อยสลาย

พื้นที่ทั่วไปเป็นพื้นที่ใช้สอยทั่วไปเหมือนกับเป็นที่อยู่อาศัยของท่านเจ้าของซึ่งปกติมักจะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสายพันธุ์ของผู้ถือครองสถานีแห่งนี้

และสุดท้ายพื้นที่วิวทิวทัศน์ท่านสามารถปรับสภาพแวดล้อมได้ตามใจไม่ว่าจะเป็นลมพัด ฝนตก แดดออก แล้วแต่ใจท่านเจ้าของ

แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนส่วนนี้ย่อมใช้พลังงาน และในกรณีห้องเย็น และสภาพวิวทิวทัศน์ต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำงานตลอดเวลา

โดยทั่วไปแต่ละอย่างหากมีการปรับโดยให้มีความเหมาะสมกับท่านเจ้าของ ปฏิสสารที่จำเป็นต้องใช้ต่อปีจะอยู่ที่ประมาณ 0.01 กรัม ต่อหนึ่งพื้นที่

อย่างไรก็ตามการบำรุงรักษานั้นสามารถใช้เศษซากจากการย่อยสลายขยะห้วงเวลาฯมาใช้ได้ทำให้ไม่สิ้นเปลืองพลังงานแต่อย่างใด”

 

ซูจิ้งแทบจะโพล่งออกมาว่าสถานีกำจัดขยะแห่งนี้สามารถทำอะไรได้อีกรึเปล่า แค่สร้างสภาพแวดล้อมจำลองต้องใช้ปฏิสสารที่ 0.01 กรัมต่อปี ฟังดูไม่เยอะเลยแค่ 300 ล้านหยวนแค่นั้นเอง(ประชด) มันเท่ากับการตกแต่งตึกๆหนึ่งในพื้นที่แห่งนี้เท่านั้นเอง แถมพอคิดๆดูแล้วตอนนี้ยังพื้นที่ชั้นสามด้วย คิดได้ดังนั้นซูจิ้งจึงได้ถามออกมาว่า “แล้วหลังจากนี้ยังจัดการพวกนี้ได้อีกรึเปล่า”

“ย่อมได้อย่างแน่นอน”

“เยี่ยม งั้นตอนนี้แบ่งพื้นที่หกส่วนไปเป็นพื้นที่ห้องเย็น ส่วนที่เหลือใช้เป็นพื้นที่ใช้สอยและสร้างสิ่งแวดล้อมจำลองด้วย” ซูจิ้งตัดสินใจได้ในทันที

“ท่านยืนยันการปรับแต่งสถานีตามนี้หรือไม่”

“ยืนยัน”

“คำยืนยันได้รับการยอมรับแล้ว เริ่มการปรับแต่งสถานี” หลังจากสิ้นเสียง ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน แม้แต่ซูจิ้งก็ไม่ยอมขยับไปไหน ยังคงรอคอยฟังเสียงอยู่อย่างนั้น