GGS:บทที่ 784 สถานีกำจัดขยะห้วงเวลายกระดับแล้ว (2)
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุดซูจิ้งก็ได้ยินเสียงหนึ่ง “กริ๊ง” ดังในจิตสำนึก ตามมาด้วยเสียงอิเลกทรอนิกส์ว่า “การยกระดับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯยกระดับเสร็จสิ้น ตอนนี้อยู่ในระดับที่ 1 โปรดตั้งชื่อสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯด้วย”
ซูจิ้งที่กำลังฝึกสมาธิอยู่ด้วยวิถีแห่งใต้หล้าในลืมตาขึ้นในทันที
ในที่สุดจิตใจของเขาก็จะได้รู้สึกสงบลง แต่ได้แค่ครู่เดียวจิตใจก็ต้องพุ่งพล่านอีกครั้ง
ตอนนี้เขาอยากรีบเข้าไปดูสภาพภายในให้เร็วที่สุด
เขาไม่ได้จะใส่ใจในการตั้งชื่อแต่อย่างใด
เขาหยุดชะงักตัวเองเพื่อจะคิดเล็กน้อยว่า ในเมื่อสถานีแห่งนี้ปรากฎที่เมืองฉิงหยุน และที่นี่เองก็เป็นเมืองที่ทำให้เขาได้ลืมตาอ้าปากได้ เขาจึงพูดออกไปว่า “เรียกที่นี่ว่า ฉิงหยุน ก็แล้วกัน”
“เป็นชื่อที่ดีท่านเจ้าของ ข้าจะดูแลฉิงหยุนอย่างดีแน่นอน”
เสียงอิเลกทรอนิกส์ได้ถามออกมาต่อว่า “ท่านเจ้าของต้องการจะเปลี่ยนเสียงข้าด้วยหรือไม่”
“เสียงของนายน่ะหรอ”
“แน่นอนว่าใช่ ด้วยการที่เสียงนี้เป็นเสียงอิเลกทรอนิกส์จึงสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงผู้ชาย ผู้หญิง หรือเด็ก ได้ทั้งแบบเสียงสูง ปกติ เศร้า หรือแม้แต่เสียงที่ดูสนุกสนาน” ฉิงหยุนได้แสดงการพูดเสียงในรูปแบบต่างๆทั้งหมดให้แก่ซูจิ้งได้ลองฟัง
หนึ่งในนั้นมีเสียงของผู้หญิงออกแนวหุ่นยนต์แบบในหนังหน่อยๆซึ่งซูจิ้งชอบมากจึงได้เลือกอันนั้นไป
“ตอนนี้ฉันสามารถเข้าไปในสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯได้รึยัง” ซูจิ้งถามออกมา
“แน่นอนว่าได้” ฉิงหยุนกล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนวลน่าหลงใหล ประหนึ่งดั่งเป็นพี่สาวที่ดูทรงภูมิคนหนึ่ง
ซูจิ้งได้ตรงไปยังหินทรงแปดเหลี่ยม วางมือลง และซักพักก็ได้หายตัวไปจากตรงนั้นแล้วไปโผล่ยังสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯ
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าซูจิ้งในตอนนี้คือพื้นที่วิวทัศน์ดูกว้างใหญ่ขึ้น ส่วนอย่างอื่นไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก มิติโดยรอบยังดูว่างเปล่าและน่าพิศวงเหมือนเดิม เพียงแต่มันดูชัดขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เท่านั้น
“สถานีกำจัดขยะยังโอกาสเต็มหรือล้นอยู่อีกรึเปล่า” ซูจิ้งคิ้วขมวดในทันทีเพราะเขามองไม่เห็นอะไรเลยในลานทิ้งขยะห้วงเวลาฯ
“โปรดลองนำมือไปแตะบริเวณขอบ” ฉิงหยุนตอบออกมา
ซูจิ้งลองใช้มือไปแตะบริเวณที่น่าจะเป็นขอบของลานทิ้งขยะ
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาจะเห็นมันตรงๆและเดินผ่านได้โดยไม่รู้สึกอะไร
แต่ในตอนนี้เมื่อเขาลองเอามือไปแตะกับส่วนโค้งของพื้นที่ลานทิ้งที่ลักษณะเหมือนแก้วใสๆบางๆ
ซูจิ้งอดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า “มันทำมาจากอะไรน่ะ แล้วแตกหรือหักได้รึเปล่า”
“สิ่งนี้คือกำแพงมิติสิ่งแน่นอนว่าโดยปกติจะไม่มีทางแตกหรือหัก
เว้นเสียแต่ว่าท่านเจ้าของจะมีทักษะหรือพลังมากพอที่จะพังมันได้
ในตอนนี้สถานีกำจัดขยะจะไม่มีวันเต็มหรือล้นอีกต่อไป
หากท่านเจ้าของต้องการจะรีไซเคิลวัสดุขอให้เร่งทำก่อนที่จะถึงขีดจำกัด
ไม่อย่างนั้นขยะที่เต็มหรือล้นจะถูกนำไปเผาในเตาเผาขยะห้วงเวลาฯโดยอัตโนมัติ” ฉิงหยุนอธิบาย
“สุดยอด” ซู่จิ้งรู้สึกดีใจอย่างที่สุด เขาไม่ต้องกังวลเรื่องขยะเต็มอีกต่อไปแล้ว หรือแม้แต่เรื่องอากาศ สิ่งมีชีวิต หรือแม้แต่ขยะห้วงเวลาฯ จะหลุดลอดออกจากที่นี่ไปด้วยเช่นกัน
ดีจริงๆที่เขาตัดสินใจยกระดับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯให้เร็วที่สุด
“ฉันอยากจะเห็นพื้นที่ที่อยู่ใต้ที่นี่ พอจะเป็นไปได้รึเปล่า” ซูจิ้งมองไปที่พื้นแล้วพบว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นสีขาวและไม่มีทางลงแต่อย่างใด
หลังจากสิ้นประโยคคำถาม ทันใดนั้นก็มีพื้นสีขาวก็ค่อยๆโปร่งใสขึ้นจนสามารถมองเห็นระบบปั่นแยกที่อยู่ตรงกลางล่าง
โดยข้างในนั้นเขาเองก็มองได้ไม่ถนัดนัก และนอกจากส่วนปั่นแยกแล้วพื้นที่ตรงอื่นสามารถทำให้โปร่งใสได้ทั้งหมด แม้แต่พื้นที่รูปใบพัดและพื้นคัดแยกเองก็ยังดูสะอาดและว่างเปล่าอยู่
“มีพื้นที่ส่วนไหนที่ท่านเจ้าของต้องการจะไปหรือไม่” ฉิงหยุนถามออกมา
“พื้นที่ระบบนิเวศเสมือน” ซูจิ้งพูดออกมาเขานั้นคิดเพียงว่าน่าจะเป็นประตูโผล่ออกมาให้เดินเข้าไปเหมือนประตูไปที่ไหนก็ได้ของโดเรม่อน แต่ไม่คิดว่าพอสิ้นเสียงนั้นอยู่ๆเขาก็เห็นทุ่งดอกไม้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา พื้นที่โดยรอบเปลี่ยนตาไปในทันที เมื่อเขารู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าตัวเขาอยู่ในพื้นที่รูปใบพัดนั่นซะแล้ว
“ห้ะ เคลื่อนย้ายมิติงั้นหรอ” ซูจิ้งทำน่าฉงนขึ้นมา
“พื้นที่ระบบนิเวศเสมือนนี้มีระบบบรรยากาศ อย่างลม ฝน สายฟ้า กระแสไฟฟ้า และแสงอาทิตย์..”
เมื่อฉิงหยุนพูดถึงลมทันใดนั้นก็มีลมพัด เมื่อพูดถึงฝนฝนก็ตกจากท้องฟ้า เมื่อพูดถึงแสงอาทิตย์ก็มีพระอาทิตย์ขึ้นมาจากทิศตะวันออก
ฉิงหยุนยังอธิบายต่อว่า “หากท่านเจ้าของไม่ประสงค์จะเลี้ยงสัตว์หรือปลูกพืชที่นี่ ระบบนิเวศเสมือนนี้ก็จะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อท่านเจ้าของออกจากพื้นที่เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน”
“ขอดูพื้นที่ใช้สอยหน่อย” ซูจิ้งพูดจบภาพโดยรอบก็เปลี่ยนไปในทันที ตอนนี้เขาได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่รูปใบพัดที่อยู่ข้างๆแล้ว เอาจริงๆสภาพมันก็ไม่ได้ดูดีอะไรแต่เขาแค่อยากสัมผัสประสบการณ์ตอนแวบได้เมื่อกี้อีกครั้ง
ตอนนี้ยังเหลือพื้นที่อีกหกส่วนที่เป็นห้องเย็นที่เขาไม่สามารถเข้าไปได้เพราะมันอยู่ลึกสุดในส่วนพื้นที่เก็บขยะ
เอาจริงๆเขาก็ไม่อยากเข้าไปด้วยเพราะเขาเองก็มองเห็นได้จากตรงนี้อยู่แล้ว
ห้องเย็นที่เขาเห็นนั้นเป็นห้องแก้วที่มีกำแพงใสกั้นเอาไว้ นั่นทำให้เขาไม่ต้องกลัวว่ามันจะแตกหรือรั่วจนเกิดปัญหาขึ้นมา
“ไหนๆก็ไหนๆแล้วลองจัดการขยะดูกว่า” ซูจิ้งพูดลอยๆออกมาก่อนจะถามว่า “ฉันจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงล่ะเนี่ย”
“แค่บอกฉิงหยุนก็พอ” หลังจากสิ้นเสียงทิวทัศน์ดอกไม้ได้กลับมาอยู่ตรงหน้าซูจิ้งอีกครั้ง
ก่อนที่เขาจะแวบไปอยู่หน้าหินแปดเหลี่ยมอีกครั้ง ซึ่งอยู่ที่ชั้นหนึ่งของบ้านเขา
เขาไปที่ชั้นสี่พร้อมกับหยิบถังขยะบนโลก หลังจากนั้นเขาจัดการเทขยะนั้นลงบนพื้น
ก่อนที่จะมีเสียงของฉิงหยุนดังมาในหัวว่า
“ท่านเจ้าของ ท่านอยากจะลองระบบกำจัดจากภายนอกอย่างงั้นหรือ”
ซูจิ้งถึงกับชมเชยความฉลาดของระบบควบคุมนี้อยู่ในใจก่อนจะพูดออกมาว่า “ใช่แล้ว”
“ถ้าอย่างงั้นระบบการกำจัดขยะห้วงเวลาฯขออนุญาตท่านเจ้าของเข้าสู่โหมดกำจัดอัตโนมัติ” ฉิงหยุนเว้นช่วงไปซักพัก ซูจิ้งรู้สึกสนามพลังแม่เหล็กไฟฟ้าตรงหน้าเขา หลังจากนั้นขยะตรงหน้าของซูจิ้งได้ลอยขึ้นและลอยลงบนพื้น แต่ขยะกองนั้นได้ถูกจัดประเภทเรียบร้อยในทันที กองหนึ่งเป็นกระดาษ กองหนึ่งเป็นพลาสติก และกองหนึ่งเป็นกระป๋อง
“ระบบคัดแยกอัตโนมัติ” ซูจิ้งอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้ระบบนี้มันเหมือนจะดูธรรมดามากแต่กับซูจิ้งนั้นโคตรมีประโยชน์
ต้องไม่ลืมว่าขยะห้วงเวลาฯนับวันยิ่งเพิ่มขึ้น แถมครั้งสุดท้ายยังเป็นขยะคนละห้วงเวลาซะอีก
ถ้าเขาสามารถจัดการคัดแยกละเอียดหลังจากคัดแยกเบื้องต้นล่ะก็
เวลาที่ใช้ในการจัดการขยะจะเร็วขึ้นและสบายขึ้นอย่างแน่นอน
“ใช่แล้ว ฉิงหยุนสามารถคัดแยกขยะโดยดูจากลักษณะวัสดุ รูปร่าง การใช้งาน ฯลฯ โดยไม่ทำให้ขยะเหล่านั้นเสียหายแม้แต่น้อย
ท่านเจ้าของโปรดแสดงความต้องการออกมาว่าต้องการให้คัดแยกโดยใช้สิ่งใดเป็นเกณฑ์” ฉิงหยุนพูดออกมา
“ใช้ทั้งหมดนั่นแหล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยท่าทางยิ้มกริ่ม
“รับทราบ” หลังจากฉิงหยุนพูดเสร็จซักพักขยะที่อยู่ตรงหน้าก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที
หลังจากนั้นซักพักฉิงหยุนก็ได้พูดออกมาว่า “เตาเผาขยะและการย่อยขยะเสร็จสิ้น”
ซูจิ้งในตอนนี้น้ำตาเกือบจะไหลทะลักออกมาด้วยความยินดี เขานึกอยู่แล้วว่าหลังจากยกระดับสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯจะต้องมีอะไรสุดยอดให้ใช้งานได้อย่างแน่นอน
พอคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
เขาจะต้องคัดแยกขยะด้วยตัวเองทีละชิ้นทีละชั้น
แถมยังต้องขนขยะที่ไร้ประโยชน์ออกไปหาที่ทิ้งอย่างลับๆ
หลังจากนั้นยังต้องมาทำความสะอาดลานทิ้งขยะในสถานีอีก
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงขยะที่ค่อยๆเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆนั่นอีก
ถ้าเขาไม่ได้ฝึกฝนร่างกายและจิตใจให้แข็งแกร่งก่อนการจัดการขยะในแต่ละครั้งล่ะก็ ป่านนี้เขาคงต้องเหนื่อยตายแผ่หลาไปแล้ว
“เดี๋ยวนะ ฉันลืมถามไปอีกอย่าง พลังงานที่ใช้ในการเผาและย่อยขยะห้วงเวลานี่ใช้พลังงานเท่าไหร่”
ซูจิ้งได้ถามออกมาในทันทีที่นึกขึ้นได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาถามเพียงแค่พลังงานที่ใช้ในการใช้งานสภาพแวดล้อมจำลองกับพื้นที่คัดแยกเท่านั้น ลืมถามระบบสำคัญนี้ไปเลย
“พลังงานที่ใช้จะขึ้นอยู่กับขยะที่กำจัด ยกตัวอย่างเช่น หิน ไม้ ไม่ว่าจะกองเล็กหรือใหญ่จะใช้พลังงานจากปฏิสสารอยู่ที่ 0.0001 กรัม ต่อ 100 ตัน” ฉิงหยุนพูดออกมา
หลังจากได้ยินซูจิ้งก็มีสีหน้ามืดมนในทันที ขยะ 100 ตัน ใช้พลังงานจากปฏิสสาร 0.0001 กรัม ถึงฟังๆดูจะไม่เยอะแต่หากคำนวนย้อนกลับการผลิตปฏิสสารกลับไปจะเท่ากับใช้เงิน 3 ล้านหยวน หรือจะเอาง่ายๆคือ 3 ล้านหยวนกำจัดได้ 100 ตัน ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะใจเด็ดพอที่จะใช้แน่นอนเพราะปกติขยะหนึ่งกิโลจะเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดอยู่ที่ประมาณ 15 หยวนเท่านั้น (หากนำมาเทียบกันจะเป็น 1.5 ล้านหยวนต่อ 100 ตัน)
สมมติให้ขยะห้วงเวลาฯที่เข้ามาทุกเดือนนั้นเทลงมาขั้นต่ำ 1000 ตันเลย
โดยเฉลี่ยจะเทลงมาประมาณ 1.5 ครั้งต่อเดือนก็จะมีขยะเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 6000 ตันต่อเดือน
ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 180 ล้านหยวนต่อเดือน
ซึ่งฟังๆดูก็ยังดูเล็กน้อยแต่ต้องนึกด้วยว่าในทุกๆครั้งขยะยิ่งเพิ่มมาก แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ก็ต้องยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย
ซูจิ้งทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเท่านั้น อย่างที่เขาว่ากันว่าของฟรีไม่มีในโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งของสุดเจ๋งแบบเตาเผาและระบบย่อยขยะห้วงเวลาฯคุณภาพสูงสุดยอดแบบนี้
นี่ก็ถือว่าใช้น้อยกว่าระบบอื่นบนโลกถ้าคุณภาพเท่ากันแล้ว
ไม่แปลกใจเลยว่าผู้จัดการสถานีในตอนนั้นเลือกที่จะไม่จัดการใดๆแต่หาวิธีผลักภาระไปจัดการที่อื่น
เอาจริงๆนี่ขยะที่ต้องกำจัดไม่ใช่แค่พันตันหรอก แต่เขาต้องกำจัดขยะทั่วไปด้วยแค่ปีนี้ขยะในตำบลเซิ่นเจิ้นก็ปาเข้าไป 15000 ตันเข้าไปแล้ว
นี่คือปริมาณขยะแค่ตำบลเดียวนะ แล้วถ้าเกิดเป็นระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ จนถึงระดับโลกอีกล่ะ
ขยะมากมายในหนึ่งวัน ไม่ต้องพูดถึงระดับเดือน หรือปีเลย
แทบจะจินตนาการได้เลยว่าผู้จัดการสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯคนก่อนต้องปวดหัวแค่ไหน
ต้องสูญเสียพลังงานไปกับการกำจัดขยะไร้ค่าพวกนั้นโดยไม่ได้อะไรเลย
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ขยะพวกนั้นมีขยะพิษเล็กน้อยแต่พิษก็คือพิษ
ถ้าจัดการไม่ได้เล็กน้อยก็ส่งผลเสียใหญ่หลวง อย่างน้อยสถานีกำจัดห้วงเวลาฯในตอนนี้ก็มีพื้นที่รองรับแล้วล่ะนะ ในที่สุดก็มีพื้นที่ทิ้งหนูลองยาดีๆซักที