แน่นอนว่าชิงสุ่ยผู้เป็นพ่อจะต้องรับหน้าที่เป็นอาจารย์สอนเด็กน้อยช่วยตัวเอง พื้นฐานของการศึกษามันขึ้นอยู่กับอาจารย์ผู้สอนเสมอ ความสามารถของอาจารย์ ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ เด็กน้อยก็จะได้รับพลังได้รับการเรียนรู้ที่กลายเป็นเกราะปราการ คอยปกป้องตัวเองไม่ให้ผู้อื่นกล้าเข้ามายั่วยุ
ช่วงเวลา3 ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นเวลาสั้นๆ สำหรับยอดยุทธที่มีอายุหลายร้อยปี 3 ปีเหล่านั้นได้เสริมสร้างรากฐานให้กับชิงสุ่ย จนเขามั่นใจว่าอย่างน้อยมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์และคนอื่นก็ไม่กล้าเข้ามายุ่ง หรือสร้างศัตรูกับเขา
ยิ่งเขาได้ดูดซับพลังจากรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มันยิ่งทำให้เขาเชื่อมั่นว่าเขาสามารถรับมือกับมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ได้ แต่อีกส่วนหนึ่งของจิตใจ เขาก็ยังไม่แน่ใจนักว่ามหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ จะมีผู้อาวุโสระดับพลังปีศาจซ่อนตัวอยู่ภายในโดยที่เขาไม่รู้ ซึ่งถ้าหากมี เขาเองก็จะไม่มั่นใจในพลังที่เขาครอบครอง
แต่ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูหน้าไหนก็ตามความแข็งแกร่งของเขามันเกือบจะไร้เทียมทานและคู่ต่อสู้แล้ว ยิ่งผนวกกับทักษะวชิระจู่โจม มันจะยิ่งผลักดันพลังโจมตีของเขาสูงถึง 1200 ล้านเต๋า ซึ่งรุนแรงพอจะแยกแผ่นดิน พลิกมหาสมุทร ก่อพายุคลั่งที่พร้อมจะถล่มเมือง
ซึ่งเมื่อเขาคิดเช่นนี้เขาเองก็อยากจะหาคู่ต่อสู้ให้กับตนเพื่อขัดเกลาฝีมือ
ในช่วง3 ปีที่ผ่านมา มันไม่ได้มีเพียงแค่ถานท่ายหลิงเยียนคนเดียวที่เติมโต คนอื่นๆก็พัฒนาก้าวหน้าไปด้วยเช่นกัน ยิ่งได้รับการช่วยเหลือโดยตรงจากชิงสุ่ย นึกว่าจะเป็นยา พลังรักษา หรือหลักฐานพลัง มันยิ่งทำให้ระดับของแต่ละคนทะลวงก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ทุกคนที่อยู่รอบตัวชิงสุ่ยล้วนมีพลังที่โดดเด่นและมีรากฐานที่แข็งแกร่งขึ้นแต่ละคนก้าวเดินไปในเส้นทางแห่งความสำเร็จ และก้าวนำผู้อื่นโดยอาศัยช่วงเวลาอันสั้น
ในตอนแรกเหลียนหลิงเฟิงและหยินต่งพยายามสุดกำลังเพื่อไล่ตามชิงสุ่ยจนต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และฟันฝ่าไม่ได้ ในที่สุดพวกเขาก็มีพลังก้าวขึ้นสู่ระดับ 10 ล้านเต๋าและพร้อมจะยืนเคียงข้างชิงสุ่ยในตอนที่เขายังไม่ได้กลั่นพลังจากรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
แต่หลังจากที่ชิงสุ่ยดูดซับพลังของรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เขาก็กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่ถานท่ายหลิงเยียน อีเย่เจี้ยนเก้อและะชิงห่านอี้ที่แข็งแกร่งสุด ก็ยังไม่สามารถไล่ตามชิงสุ่ยได้ทันอีกแล้ว
ชิงห่านอี้ไม่มีวี่แววว่าจะท้องหรือมีลูกกับชิงสุ่ยเลย ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ชิงสุ่ยยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องดังกล่าวซึ่งมันก็เป็นส่วนหนึ่งในการฝึกฝนโดยอาศัยทักษะทวิบ่มเพาะ คนนึงมีร่างกายเก้าหยาง ส่วนอีกคนนึงมีร่างกายเก้าหยิน แน่นอนว่าการผสานระหว่างพลังทั้งสองคนมันยิ่งทำให้พวกเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว และถ้าหากทั้งสองคนมีลูกด้วยกัน ลูกของพวกเขาจะต้องมีร่างกายที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมันก็ยิ่งกลายเป็นขอท้าทายความสามารถในตัวลูกของพวกเขา
แต่กฎของโลกนี้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่ายิ่งคนที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่โอกาสในการมีลูกก็ยิ่งยาก เธอพยายามอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะตั้งครรภ์
ช่วงเวลา3 ปีสำหรับการมีลูกของเหล่ายอดยุทธมันถือเป็นเรื่องที่สั้นมากเพราะโดยปกติแล้ว เหล่ายอดยุทธต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ถึง 30 ปี เพื่อจะมีลูก แต่ที่เธอรีบร้อน ก็เพราะเธอรู้ดีว่าอีกไม่นาน ชิงสุ่ยคงต้องออกเดินทาง
ทางด้านของหอคอยจักรพรรดิก็ไม่ได้ไปเปิดสาขาใหม่ เนื่องจากชิงสุ่ยเองก็ยังไม่พบคนที่มีความสามารถพอจะมาเป็นคนดูแลหอคอยจักรพรรดิที่เขาต้องการ
ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาเริ่มไม่สนใจจะมองหาคนนอกถ้าหากเขาจะเจอใครสักคนนึง เขาก็คงต้องพึ่งโชคชะตา หรือไม่ก็คนใกล้ตัว
”ท่านอาจารย์!!”องค์ชายสิบสามแสดงความเคารพขณะกล่าวทักทายชิงสุ่ย
ตลอดเวลา3 ปีที่ผ่านมา ชิงสุ่ยได้สอนให้เขารับรู้เรื่องต่างๆมากมาย จนมันจะพังทลายความรู้สึกอึดอัดใจในด้านอายุ แล้วมันยิ่งทำให้องค์ชายสิบสามนับถือเขาในฐานะอาจารย์ยิ่งกว่าเดิม
”มีอะไรหรือองค์ชายสิบสาม?”ชิงสุ่ยสังเกตุเห็นสีหน้าแปลกขององค์ชายสิบสาม
”ท่านบรรพบุรุษอาวุโสบอกกับข้าวันนี้จะเป็นวันที่ข้าต้องกลายเป็นผู้ปกครองมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์”องค์ชายสิบสามกล่าว
ชิงสุ่ยยิ้มตอบ”อืม เดี๋ยวข้าจะไปกับเจ้าเอง” ชิงสุ่ยรู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึงย้อนกลับไปในตอนที่บรรพบุรุษอาวุโสของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ เขาเองก็ได้เล่าเหตุการณ์เรื่องเหล่านี้พร้อมกับประกาศให้ชิงสุ่ยกลายเป็นอาจารย์ขององค์ชายสิบสาม
โดยสรุปแล้วภารกิจที่องค์ชายสิบสามต้องทำมันไม่ใช่เรื่องง่ายยิ่งเป็นการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งองค์จักรพรรดิแห่งมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์มันก็ยิ่งยาก นอกเหนือจากการได้รับความสนับสนุนโดยบรรพบุรุษอาวุโสแล้ว เขายังจำเป็นต้องได้รับกำลังสนับสนุนจากผู้ที่แข็งแกร่งคนอื่นด้วย
ตอนองค์จักรพรรดิคลั่งขึ้นครองตำแหน่งองค์จักรพรรดิพิเศษเขาคือผู้ปกครองคุมกำลังที่แข็งแกร่งทั้ง 3 ของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ มันจึงทำให้เขามีผู้สนับสนุนที่คอยเชิดชูมากมาย แต่ยังไงซะ มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ก็ยังคงมีขุมกำลังอีกมากมาย แม้แต่อาณาจักรอิสระบางส่วน ที่อยู่ภายใต้มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ ก็ยังคงอยู่นอกเหนือการควบคุมของจักรวรรดิ
มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์รู้เรื่องเหล่านี้ดีแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ พวกเขาได้แต่รอคอยองค์จักรพรรดิคนที่เหมาะสม เพื่อมาจัดการเรื่องเหล่านี้
หลังจากที่ได้ยินคำพูดขององค์ชายสิบสามชิงสุ่ยก็รู้ได้ทันทีเลยว่าท่านบรรพบุรุษอาวุโสคงจะสังเกตได้ว่าเขาได้ทำการกลั่นแล้วดูดซับพลังจากรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะตัดสินใจมอบตำแหน่งองค์จักรพรรดิให้กับองค์ชายสิบสาม
”ท่านปู่บอกว่าพวกเรายังไม่ต้องรีบก็ได้ รออีกสัก 3 เดือน 5 เดือนก็ไม่เป็นไร”องค์ชายสิบสามตอบกลับ
ชิงสุ่ยส่ายหน้า”ไม่เป็น เจ้ากลับไปก่อน แล้วเดี๋ยวอีก 2-3 วันข้าจะรีบตามไป”
”ได้เลยท่านอาจารย์ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอกลับไปยังมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์เพื่อเตรียมการเรื่องนี้ก่อน” ……………………..
……………
ผู้คนมากมายต่างได้ยินข่าวและรู้ว่าอีก2-3 วันข้างหน้า มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์จะมีองค์จักรพรรดิคนใหม่ แท้จริงแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเหล่าประชาชนที่อยู่ภายใต้มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ แต่ก็มีคนอีกส่วนหนึ่งที่สนใจในเรื่องนี้
หลายคนไม่ต้องการให้องค์ชายสิบสามขึ้นมาเป็นองค์จักรพรรดิพวกเขาได้แต่สงสัยว่า องค์ชายสิบสามที่ไม่ได้แข็งแกร่ง และไม่ได้มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน เขาก็ไม่น่าจะได้ขึ้นครองบัลลังก์
นี่จึงเป็นเหตุผลหลักๆว่าทำไมบรรพบุรุษอาวุโสถึงได้ยกองค์ชายสิบสามให้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของชิงสุ่ย
ข่าวลือกระจายเหมือนไฟป่าภายในเมืองจักรพรรดิสวรรค์ เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทหารลาดตระเวนคอยคุ้มกันเมืองทั่วทุกทิศทาง เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่กว้างขวางใหญ่โตน่าเหลือเชื่อ แน่นอนว่าในฐานะที่มันเป็นถึงสัญลักษณ์ประจำมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ ตึกรามบ้านช่องและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ต้องยิ่งตระการตา เหนือจินตนาการมากเท่าที่จะมากได้
ภายในเมืองแม้จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายแต่ในเมืองชั้นในคนส่วนใหญ่กับถูกห้ามไม่ให้เข้ามันจะมีเฉพาะคนที่ได้รับอนุญาตและมีคุณสมบัติเพียงพอเท่านั้นที่จะได้เข้าสู่หัวเมืองชั้นใน
ลานราชกิจสวรรค์!!
ลานราชกิจสวรรค์ถูกใช้เป็นสถานที่ขึ้นส่งมอบบัลลังก์ไม่เพียงแต่มันจะถูกใช้เป็นที่คลองบัลลังก์เท่านั้น วันนี้มันจะกลายเป็นวันที่ทุกคนจะได้รู้ว่าใครคืออาจารย์ขององค์ชายสิบสาม นั่นก็หมายความว่าชิงสุ่ยจะได้รับตำแหน่งผู้นำเทวะ และได้รับตำแหน่งผู้นำเทวะแห่งองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ไปพร้อมกัน