บทที่ 1938 - เด็กน้อยอย่างเจ้าได้ตำแหน่งอาจารย์?

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

ซึ่งชิงสุ่ยก็ไม่ค่อยพึงพอใจนักที่ได้รับตำแหน่งผู้นำเทวะในปัจจุบันชิงสุ่ยจะช่วยเหลือมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์เมื่อไหร่ก็ได้ที่เขาต้องการ แล้วตัวของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ก็เป็นประโยชน์ในอนาคตสำหรับเขาเช่นกัน นอกจากนี้องค์ชายสิบสามเองก็เป็นถึงผู้สืบทอดมรดกแห่งเทพสงครามที่เขาไม่ต้องการจะละเลย ผนวกกับการที่เขาได้รับรากฐานเต๋าเทวาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จากบรรพบุรุษอาวุโส มันก็กลายเป็นเครื่องผูกมัด ที่ทำให้เขาต้องทำตามสัญญา
แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาภายในเมืองจักรพรรดิ์สวรรค์มันคือเมืองหลวงจักรพรรดิแห่งมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ ความยิ่งใหญ่ของมันทำให้เมืองหลินไห่กลายเป็นเมืองของมดไปเลยในทันตา พลังปราณจิตที่วนเวียนอยู่ภายในเมืองจักรพรรดิ์สวรรค์ เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว ความเข้มข้นต่างชนิดกัน ราวกับว่าใจกลางเมืองคือแหล่งน้ำพุที่คอยกระจายพลังปราณของสวรรค์ไปสู่เมืองอื่น
น้ำพุแห่งปราณและเส้นเลือดปราณจิตคือสิ่งที่มีค่ายิ่งในโลกใบนี้ผู้ใดที่ฝึกฝนวรยุทธภายในเมืองจักรพรรดิ์สวรรค์ ผู้นั้นจะมีความเร็วในการฝึกฝนมากกว่าที่อื่นถึง 20 ส่วน ในขณะเดียวกันน้ำพุแห่งปราณก็จะคอยหล่อเลี้ยงร่างกาย จึงทำให้ความรู้ในการฝึกฝนปราณจิตเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า
นิกายบนโลกนี้นับล้านนิกายพยายามเลือกตั้งนิกายในบริเวณที่น้ำพุแห่งปราณปรากฏหรือไม่ก็เป็นบริเวณที่เส้นเลือดปราณจิตพาดผ่าน แต่ส่วนใหญ่สถานที่เหล่านี้จะปรากฏอยู่ภายในถ้ำลึก มันเลยกลายเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมเหล่ายอดยุทธถึงได้ปลีกตัวไปฝึกฝนตามภูเขาและในถ้ำ
ฝูงชนอัดแน่นทั่วไปทั้งเมืองจักรพรรดิ์สวรรค์แม้แต่เมืองชั้นในที่ผ่านการคัดกรองผู้คนก็ยังคงคับคั่ง คนจากเมืองต่างๆมารวมตัวกันในเมืองแห่งนี้จนทำให้เมืองบริวารรอบนอกเงียบเหงาจนกลายเป็นเมืองว่างเปล่า
”ตาเฒ่าชายคนนั้นยังไม่มาทีเหรอ?”ที่แถวหน้าของลานราชกิจสวรรค์ ชายชราคนหนึ่งกำลังกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง ผมสีขาวของชายชราทำให้เขาดูเหมือนราชสีห์ที่กำลังบ้าคลั่ง มันให้ความรู้สึกเหมือนกระแสปราณรอบตัวกำลังปั่นป่วน
ตาเฒ่าที่เขากล่าวถึงไม่ใช่ใครอื่นไกลเลยเขาก็คือบรรพบุรุษอาวุโส แห่งมหาจักรวรรดิราชันย์
สถานที่แห่งนี้จัดเรียงลำดับตามความสำคัญผู้ที่อยู่แถวหน้าสุดคือเหล่าผู้คนที่มีตำแหน่งสูงส่ง และช่องว่างระหว่างแถวแรกแถวที่ 2 ก็จะมีความห่างเป็นพิเศษ และลดหลั่นลงตามลำดับ
ฉะนั้นชายชราที่นั่งอยู่ด้านหน้าจนเกือบจะใกล้ชิดลานราชกิจสวรรค์ เขาจะต้องเป็นคนสำคัญมากที่สุด ไม่เป็นเพื่อนสนิท ก็ต้องเป็นมิตร หรือศัตรูที่มาจากอาณาจักรในระดับเดียวกับมหาจักรวรรดิราชันย์
”ผู้อาวุโสซือกงท่านจะรีบไปเพื่ออะไร มันยังไม่ถึงเวลาเลย” บรรพบุรุษอาวุโส แห่งมหาจักรวรรดิราชันย์นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหน้า โดยด้านข้างเป็นเก้าอี้ขององค์ชายสิบสาม ส่วนคนอื่นๆจะนั่งอยู่ด้านหลัง
กว่า80 ส่วนแถวหน้าเป็นเหล่าผู้อาวุโส แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์
”แน่นอนว่าข้าต้องรีบตระกูลเซี่ยข่มขี่ตระกูลซือกงมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ดูเหมือนว่ามันกำลังเดินทางมาถึงจุดจบ”ชายชราหัวเราะพลาง กล่าวพลาง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขที่แท้จริง
บรรพบุรุษอาวุโสแห่งตระกูลเซี่ยไม่ได้โกรธเขาตอบกลับเพียงแค่รอยยิ้ม “เจ้ารู้ภูมิหลังของตระกูลเซี่ยดีแค่ไหนกัน ต่อให้พวกเราต้องล้ม เจ้าก็ไม่มีทางได้ครอบครองอำนาจ”
”ฮ่าฮ่าฮ่าเจ้าเป็นคนแก่ในตระกูลเซี่ยคนเดียวที่ข้าเกรงกลัว และเจ้าก็น่าจะมีอายุขัยเหลืออยู่เพียงแค่ 5 ปี ส่วนข้าเหลืออีก 200 ปี ด้วยระยะเวลาขณะนี้มันก็เพียงพอจะทำให้ข้ามีอำนาจ”ผู้อาวุโสทั้งสองคนพูดคุยถึงเรื่องอำนาจโดยไม่มีการปิดบังใดๆทั้งสิ้น
”ข้ากลัวเหลือเกินว่าหลังจากที่คนคนนึงกระหายอำนาจและพยายามจะกินอำนาจนั้นเข้าไป มันอาจจะมีเสี้ยนตำคอ จนทำให้การเลือกตายได้”บรรพบุรุษตระกูลเซี่ยยังคงสงบนิ่งเหมือนสายน้ำ ไม่แยแสต่อคำพูดของผู้อื่น การที่เขายังคงรักษาสภาพแบบนี้เอาไว้ได้ ช่างเป็นทัศนคติที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
”สหายเซี่ยคนที่จะพูดถึงแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ? ขุมกำลังมากมายกำลังจับตาดูสถานะของพวกเราในตอนนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิซางเหลียน จักรวรรดิหมาป่าจันทรา พระราชวังอมตะจรัส แม้แต่ราชวงศ์ซือกง ตะกูลหลิน ตลอดไปจนถึงดินแดนฝั่งตะวันออกขององค์จักรพรรดิคลั่ง ทุกคนต่างก็รอดูความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้”ชายชราผู้สง่างามกล่าวอย่างช้าๆ  ชายชราคนนี้ก็คือเหวินเจี้ยนผู้เป็นหัวหน้าใหญ่แห่งเหล่าผู้นำเทวะของมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ และยังเป็นหนึ่งในผู้ทรงอำนาจสูงสุดภายในมหาจักรวรรดิ เขามักจะอยู่สันโดษไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของมหาจักรวรรดิ เขาเป็นอีกคนนึงที่ทรงพลังแต่ไร้ทายาท เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กเขาได้รับบาดเจ็บหนักจนทำให้เขากลายเป็นคนมีบุตรยาก บรรดาภรรยาและญาติทั้งหมดได้จากเขาไปหมดแล้ว ทำให้เขาต้องอยู่ตามลำพัง ซึ่งคนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุดก็คือองค์ชายสิบสาม เขาจึงคอยดูแลองค์ชายสิบสามไม่ต่างจากลูกชาย
มันจึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บรรพบุรุษอาวุโสมอบตำแหน่งผู้นำสูงสุดแห่งเหล่าผู้นำเทวะให้กับชายคนนี้ซึ่งไม่ใช่คนตระกูลเซี่ย
”เขากำลังจะมาแล้ว!!”บรรพบุรุษอาวุโสจ้องมองออกไป ณ เส้นขอบฟ้า มันปรากฏให้เห็นเป็นจุดเล็กๆสีดำกำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วแสง ในพริบตาเขาก็มายืนอยู่ตรงกลางลานราชกิจสวรรค์
ชิงสุ่ยยืนอยู่ที่ใจกลางลานราชกิจสวรรค์ก่อนจะโค้งคำนับ “ท่านผู้อาวุโส ข้ามาแล้ว!!”
ผู้คนนับพันที่อยู่ล้อมรอบลานราชกิจสวรรค์ต่างก็เป็นคนที่มีความสามารถ พวกเขาแต่ละคนมีพลังในระดับสามารถข่มขู่คุมกำลังอื่นได้ โดยอาศัยทักษะง่ายๆ
”ฮ่าฮ่า ฮ่า เกือบได้เวลาพอดี มาเถิด เรามาเริ่มพิธีกัน”บรรพบุรุษอาวุโสแห่งตระกูลเซี่ยป่าวประกาศอย่างตรงไปตรงมา
คำกล่าวที่เกิดขึ้นสร้างความประหลาดใจอย่างมากเขาไม่ได้แนะนำอะไรเลย และการป่าวประกาศแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรจากการเชิญแขกทุกคนมาเป็นพยานที่มีหน้าที่แค่รับรู้เฉยๆ
”เดี๋ยวก่อนนะไอ้หนุ่มคนนี้มาจากไหน ตาเฒ่าเซี่ย ท่านไม่ใช่คนที่ประมาณแบบนี้ แต่สิ่งที่ท่านทำอยู่มันเหมือนกับการรนหาที่ตาย เรื่องนี้มันไร้สาระเกินไป”ผู้อาวุโสตระกูลซือกงกล่าวย้ำ  ชิงสุ่ยจ้องมองมาที่ชายชราทรงผมสิงโตด้วยสีหน้านิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง”ชายชราคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงเรียกผู้อาวุโสด้วยคำหวนๆแบบนี้ได้? หรือว่าท่านเองก็ต้องการจะเป็นองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่”
ผู้อาวุโสซือกงไม่สามารถทนคำพูดแบบนี้ได้เพราะเขาเองก็อยากเป็นองค์จักรพรรดิคนถัดไป มันจึงทำให้ความสงสัยของชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้ามันกลายเป็นคำพูดดูถูกเหยียดหยาม “การที่ข้าจะอยากเป็นองค์จักรพรรดิหรือไม่มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า บอกมา เด็กน้อยอย่างเจ้าได้ตำแหน่งอาจารย์มาได้อย่างไร?”
”ฮ่าๆๆไม่ว่าข้าจะได้ตำแหน่งอะไรมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่าน แต่ดูเหมือนว่าความแก่ชรามันไม่ใช่ทำให้ท่านมีมารยาทดีขึ้นเลย”ชิงสุ่ยรู้ได้ทันทีว่าชายชราคนนี้กำลังจะกลายเป็นปัญหา ทันทีที่เจอหน้าเขาก็กล่าวคำดูถูกเหยียดหยามยังไม่เกรงใจ ชิงสุ่ยจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพอีกต่อไปแล้ว ในสายตาของชิงสุ่ยผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นสมควรที่ได้รับความเคารพจากเขา