นางไม่พูดคำนี้ก็ยังดี นางพูดขึ้นมา สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็เริ่มไม่ดีอีกครั้ง ทับตัวลงบนตัวนาง กัดฟันพูดออกมาทีล่ะคำ แต่ให้นางได้ยินชัดเจน “เจ้ามันคนหลอกลวง ข้าจะไม่เชื่อเจ้าอีก”

 

 

เห็นท่าทางของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจจนเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ตนจะต้องเป็นหญิงสาวคนแรกของรัฐอู่ที่เสียชีวิตบนเตียงแน่ๆ รีบยื่นมือทั้งสองข้างออกมาโอบคอของเขาไว้ จูบลงบนริมฝีปากของเขาหนึ่งที รับประกันอย่างประจบประแจงว่า “ไม่แน่นอน ครั้งนี้ไม่แล้วแน่นอน ครึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ข้าคิดถึงเจ้าจนเจ็บปวดใจไปหมด”

 

 

ประโยคนี้ทำให้หวงฝู่อี้เซวียนพอใจอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเขาเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวถามด้วยเสียงต่ำว่า “เจ้ายังมีใจอยู่หรือ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรีบพยักหน้าไม่หยุด “มีๆๆ อยู่นี่ทั้งหมดเลย ไม่น้อยลงไปแม้แต่น้อย”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะออกมา พลิกตัว นอนหันข้างอยู่ข้างๆ นาง ยื่นมือโอบกอดนางไว้ “คำพูดที่เจ้าพูด เจ้าจงจำไว้ให้ดี หากเจ้ายังกล้าหนีไปจากข้าอีก ชีวิตนี้ข้าจะทำให้เจ้าลงจากเตียงไม่ได้อีกเลย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเหมือนกับไก่จิกเมล็ดข้าว “ข้าจำไว้แล้ว ข้าจำจนขึ้นใจแล้ว”

 

 

จะจำไม่ได้ได้อย่างไร สามวันที่ผ่านมา ถูกเขาทรมานซ้ำไปซ้ำมา กระดูกทั้งตัวเหมือนไม่ใช่เป็นของตัวเองแล้ว หนักกว่าการฝึกที่โหดร้ายที่สุดในชาติที่แล้วหนึ่งร้อยเท่า หนึ่งพันเท่า ความรู้สึกนี้ ทั้งชีวิตนี้นางไม่อยากสัมผัสอีก

 

 

หาวหนึ่งครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวเกิดอาการง่วงอีกครั้ง ขอร้องด้วยเสียงเบาๆ อย่างไม่มั่นใจว่า “ข้านอนอีกสักพักได้หรือไม่”

 

 

รู้ว่าตัวเองทรมานนางมากเกินไปแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนลุกขึ้น ใส่เสื้อ เดินไปข้างประตูแล้วเปิดประตู ยกอาหารที่องครักษ์ลับเตรียมไว้เข้ามา ป้อนนาง เช็ดมุมปากนางอย่างอ่อนโยน “นอนเถิด รอเจ้าตื่น แล้วเราค่อยกลับเมืองหลวงกัน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่พยายามลืมตาได้ยินเขาพูดประโยคนี้จบ ก็หลับไปในทันที

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนห่มผ้าห่มให้นางอย่างใส่ใจ ก้มตัวลงไปแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากนางเบาๆ หนึ่งที แล้วลุกขึ้น ยกถ้วยชามให้องครักษ์ลับ กำลังจะกลับเข้าไปนอนพักเป็นเพื่อนเมิ่งเชี่ยนโยว คนกลุ่มหนึ่งเดินเสียงดังเอะอะโวยวายเข้ามาทางนี้ เห็นชายหลายสิบคนที่มีร่ายกายกำยำล่ำสัน แข็งแรงบึกบึน หยุดชะงักพร้อมกันทันที หลังจากนั้นค่อยๆ เลื่อนสายตา เห็นหวงฝู่อี้เซวียนที่ยืนอยู่หน้าประตู ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาช่างงดงามจริงๆ ประหนึ่งเดินออกมาจากภาพวาด ทำให้คนเห็นแล้ว ไม่อาจละสายตาไปได้ แต่สง่าราศีที่สูงศักดิ์รอบๆ นั้น ทำให้คนไม่กล้าจ้องเขาตรงๆ

 

 

หลังจากทุกคนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ว ก็ตามมาด้วยเสียงกลืนน้ำลายพร้อมกัน หวังต้าเกอบังคับตัวเองให้ใจกล้า กล่าวถามด้วยเสียงสั่นๆ ว่า “เจ้า พวกเจ้าเป็นผู้ใด เพราะเหตุใดจึงมาอยู่ที่บ้านอวี้เหนียง”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว มองไปทางองครักษ์ลับที่อยู่ข้างๆ

 

 

องครักษ์ลับรีบก้าวออกมารายงานว่า “ซื่อจื่อ อยู่ที่นี่องค์หญิงชิงเหอใช้ชื่อว่าอวี้เหนียง”

 

 

เสียงของเขาไม่ดัง แต่ทุกคนกลับได้ยินอย่างชัดเจน แต่ไม่มีผู้ใดเชื่อ แปดเดือนก่อน ก็มีประกาศมาติดที่นี่แล้ว ประกาศให้รางวัลคนที่หาองค์หญิงชิงเหอเจอ ตอนนั้นพวกเขาทุกคนเห็นอย่างชัดเจน ในใบประกาศเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยงาม ดวงตาสวยหยาดเยิ้ม จะเป็นอวี้เหนียงที่มีใบหน้าดำๆ เหมือนคนเป็นโรคได้อย่างไร

 

 

ชายหนึ่งคนหนึ่งที่ร่างกายแข็งแกร่ง มีใบหน้าดำๆ เหมือนกันกล่าวเสียงดังว่า “เป็นไปไม่ได้ องค์หญิงชิงเหอยังไม่แต่งงาน แต่อวี้เหนียงมีสามีแล้ว”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกะพริบตา กล่าวเสียงต่ำว่า “นางพูดเยี่ยงนี้กับพวกเจ้าหรือ”

 

 

ทุกคนตอบกลับพร้อมกัน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนดีใจ

 

 

แต่ชายหนุ่มกล่าวต่อว่า “สามีของนางโชคร้ายป่วยหนักเสียชีวิตในระหว่างทางที่มา ฉะนั้นอวี้เหนียงมาที่นี่เพื่อหวังพึ่งพาญาติตัวคนเดียว นางจะเป็นองค์หญิงชิงเหอได้อย่างไร”

 

 

สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนเริ่มเคร่งขรึมลง น้ำเสียงเต็มไปด้วยอันตราย “พวกเจ้าเชื่อคำพูดที่นางพูดหรือ”

 

 

ทุกคนพยักหน้า ชายหนุ่มยังกล่าวอีกว่า “อวี้เหนียงเป็นหญิงสาวนิสัยตรงไปตรงมา รู้จักทดแทนบุญคุณ นางไม่โกหกพวกข้าแน่นอน”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง มองพินิจพิเคราะห์ชายหนุ่ม แล้วกล่าวถามด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “เจ้าคือผู้ใด”

 

 

ใบหน้าที่ดำๆ ชายหนุ่มเริ่มแดง หวังต้าเกอจึงตอบกลับไปแทนว่า “พวกข้าเป็นเพื่อนที่ตั้งแผงขายของข้างๆ อวี้เหนียง อวี้เหนียงมาที่นี่นานหลายเดือนแล้ว จะไปตั้งแผงขายของที่ตลาดตรงเวลาทุกวัน ไม่เคยหยุดพักสักวัน แต่ครั้งนี้ไม่ไปติดต่อกันสามวัน พวกข้ากลัวว่านางจะเกิดอะไรขึ้น ไม่วางใจ เลยรวมตัวกันมาดู”

 

 

กวาดสายตาไปที่ทุกคนหนึ่งรอบ หวงฝู่อี้เซวียนก็หันหลังกลับไปในห้อง มือเพิ่งจะแตะเมิ่งเชี่ยนโยว ร่างกายของเมิ่งเชี่ยนโยวที่หลับลึกอยู่รีบหดตัวทันที ตามมาด้วยเสียงขอร้องว่า “อี้เซวียน ไม่เอาแล้ว ข้าเหนื่อยมาก”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนทั้งโกรธทั้งหัวเราะ แต่ก็ยังคงดึงตัวนางขึ้นมาอย่างอ่อนโยน หยิบเสื้อมาใส่ให้นางทีละชิ้น แล้วอุ้มออกไป

 

 

“เจ้าจะทำอะไร” รู้สึกถึงการกระทำของเขา แต่ลืมตาไม่ขึ้นจริงๆ เมิ่งเชี่ยนโยววางหัวลงบนไหล่เขา หลับตาลง แล้วกล่าวถามอย่างมึนงง

 

 

“มีคนมาหาเจ้า ข้าอุ้มเจ้าออกไปพบ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “อืม” กลับไปเบาๆ แล้วนอนหลับต่อบนไหล่เขา แต่หลังจากหวงฝู่อี้เซวียนก้าวออกไปอีกก้าว ก็ตื่นขึ้นมาทันที ทำตาโต แล้วกล่าวซ้ำอีกครั้งว่า “มีคนมาหาข้า”

 

 

มองตาของนาง หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า

 

 

“รีบปล่อยข้าลงมา ข้าแต่งตัวก่อนแล้วค่อยไปพบพวกเขา” เมิ่งเชี่ยนโยวขยับตัว แล้วรีบกล่าว

 

 

สายตาของหวงฝู่อี้เซวียนเริ่มไม่พอใจ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหึงหวง “กลัวผู้ใดเห็นเจ้าในสภาพนี้หรือ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ตระหนักถึงอันตราย พยักหน้า

 

 

มือหวงฝู่อี้เซวียนที่อุ้มนางยิ่งแน่นขึ้นไปอีก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวออกเสียงโอดโอย

 

 

“บอกมา กลัวผู้ใดเห็นเจ้าในสภาพนี้” ขยับเข้าไปใกล้นาง กล่าวถามด้วยเสียงต่ำ

 

 

ทุบตีเขาอย่างไม่มีแรงหลายๆ ครั้ง ตอบกลับด้วยเสียงเบาๆ ว่า “พวกเขาเป็นชายหนุ่มกันทั้งนั้น ข้าออกไปเช่นนี้ได้เยี่ยงไร”

 

 

ไม่ใช่คำตอบที่ตัวเองคิดไว้ ความหึงหวงในใจของหวงฝู่อี้เซวียนค่อยๆ หายไป “ไม่เป็นไร เจ้าเป็นภรรยาข้า ข้าไม่สนใจก็พอแล้ว”

 

 

พูดจบ ก็เดินออกมานอกประตูแล้ว

 

 

ทุกคนเห็นเขาอุ้มหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งกายเรียบร้อย แต่ปล่อยผมยาวออกมา ทำตาโตตกใจกันหมด

 

 

แต่หวงฝู่อี้เซวียนกลับก้มลงไปกล่าวข้างๆ หูนางว่า “ทุกคนเป็นห่วงเจ้าขนาดนี้ ยังไม่กล่าวขอบคุณทุกคนอีกหรือ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดง เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางทุกคน

 

 

ทุกคนสูดหายใจเข้าลึกๆ

 

 

หญิงสาวตรงหน้าผิวหน้าเนียนขาว หน้าแดง ท่าทางอายๆ นางนี้ไม่มีเงาของอวี้เหนียงที่มีใบหน้าดำๆ ทำงานอย่างตรงไปตรงมาคนนั้นเลยแม้แต่น้อย

 

 

ชายหนุ่มออกเสียงตกใจออกมาอย่างไม่เชื่อว่า “อวี้ อวี้เหนียง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวออกมาอย่างเกรงใจว่า “ข้ารู้สึกเกรงใจทุกคนมาก ครึ่งปีกว่าที่ผ่านมาได้รับการดูแลจากพวกท่านมามาก เชี่ยนโยวขอบคุณมากจริงๆ เจ้าค่ะ”

 

 

ประโยคเดียวอธิบายทุกอย่าง แล้วยังดับความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจเป็นเวลานานของชายหนุ่มไปด้วย

 

 

ทุกคนหยุดชะงักไป

 

 

หวังต้าเกอมองเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วมองหวงฝู่อี้เซวียน แล้วกราบลงไปทันที “เมื่อครู่ข้าน้อยทุกคนทำผิดมหันต์ ขอซื่อจือประทานอภัยด้วยขอรับ”

 

 

ทุกคนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบกราบลงไปพร้อมกัน แล้วขอประทานโทษพร้อมกัน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกอดเมิ่งเชี่ยนโยวไว้แน่น ไม่ขยับ กวาดสายตาไปที่ทุกคน แล้วสั่งโจวอันว่า “ให้รางวัลหนึ่งพันตำลึง”

 

 

โจวอันรับคำสั่ง หยิบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงออกมายื่นไปหน้าหวังต้าเกอ

 

 

 

 

 

หวังต้าเกอไม่กล้ารับ ขอประทานโทษอีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ข้าน้อยทั้งหลายไม่รู้ว่าอวี้เหนียงคือองค์หญิงชิงเหอ ไม่ได้ไปแจ้งทางการให้ทราบ ขอซื่อจืออภัยโทษด้วยขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวด้วยเสียงอบอุ่นว่า “โยวเอ๋อร์ตั้งใจปิดบังฐานะ ทำการปลอมตัว พวกเจ้าแยกไม่ออก ก็ไม่แปลก หนึ่งพันตำลึงนี้แบ่งให้ทุกคน เพื่อขอบคุณพวกเจ้าที่ช่วยดูแลนางในช่วงเวลาที่ผ่านมา”

 

 

หวังต้าเกอรีบโบกมือไปมา “ปกติมีแต่อวี้เหนียงที่ดูแลข้าน้อยทั้งหลาย ตั๋วเงินนี้ข้าน้อยทั้งหลายรับไว้ไม่ได้จริงๆ ขอรับ”

 

 

“หวังต้าเกอ รับไว้เถิด แล้วแบ่งให้ทุกคน ถ้าหากไม่ได้พวกท่านใจดีช่วยข้าตั้งแต่แรก ข้าจะลงหลักปักฐานที่นี่เร็วอย่างนี้ได้อย่างไร”

 

 

ถึงตอนนี้ หวังต้าเกอและทุกคนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ไม่ใช่เพราะเมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีตั๋วเงิน จนใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาไม่ให้ปลาและกุ้งพวกนั้นไปโดยไม่รับตั๋วเงิน นางก็สามารถหาวิธีดำรงชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปได้เหมือนกัน พูดตรงๆ ก็คือ พวกเขาไม่ได้ช่วยอะไรนางเลย แต่ครึ่งปีที่ผ่านมากลับกินของนางมากมาย ในใจยิ่งรู้สึกเกรงใจมากขึ้นไปอีก โบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “ตั๋วเงินนี้พวกข้ารับไว้ไม่ได้จริงๆ รับไม่ได้จริงๆ”

 

 

ทุกคนเห็นด้วยกันทั้งหมด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสัญญาณให้หวงฝู่อี้เซวียนปล่อยนางลงมา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ทำตาม แต่กลับอุ้มนางมาข้างหน้าทุกคน

 

 

ใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งแดงขึ้นไปอีก โกรธจนหยิกตรงเอวของเขาแรงๆ หนึ่งที

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตัวสั่นไปชั่วขณะแม้ใบหน้าจะไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสัญญาณให้โจวอันนำตั๋วเงินยัดใส่มือหวังต้าเกอ “หวังต้าเกอ ท่านรับแทนทุกคนเถิด ครึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ข้าเข้ากับทุกคนอย่างมีความสุข ตั๋วเงินนี้ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจากไปของข้าแล้วกันนะ”

 

 

หวังต้าเกอไม่ได้ปฏิเสธอีก จับตั๋วเงินไว้แน่น กราบหัวลงไปแทนทุกคน “ขอบพระทัยซื่อจือ ขอบพระทัยองค์หญิงชิงเหอขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือไปมา “ทุกคนลุกขึ้นเถิด”

 

 

ทุกคนขอบพระทัย แล้วลุกขึ้นยืน

 

 

“วันนี้อยู่ครบทุกคน ข้าก็จะลาทุกคนที่นี่เลย อีกไม่กี่วันข้าก็จะกลับเมืองหลวงแล้ว คงจะไม่ไปลาทีละคนแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว

 

 

ทุกคนแสดงสีหน้าอาลัยอาวรณ์ออกมา พยักหน้าบอกลานางทุกคน แล้วจากไปพร้อมกัน

 

 

เดินออกไปไม่ไกล ชายหนุ่มทนไม่ไหวหันหลังกลับไปมอง

 

 

หวังต้าเกอที่เดินอยู่ข้างๆ ตบไหล่เขาเบาๆ แล้วถอนหายใจ “ไปเถิด ไม่ต้องคิดแล้ว”

 

 

ชายหนุ่มอ้าปาก แต่ก็ก้มหัวลงทันที แล้วเดินตามทุกคนโดยไม่กล่าวอะไรเลย

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเห็นทุกอย่าง ก้มหัวแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “องค์หญิงชิงเหอเสน่ห์แรงไม่เบาเลย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เข้าใจ กล่าวถามเขาด้วยสีหน้ามึนงงว่า “เจ้าพูดอะไร”

 

 

สีหน้าของนางทำให้หวงฝู่อี้เซวียนพอใจมาก

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะออกมาเบาๆ อุ้มนางหันหลังแล้วกลับเข้าไปในห้อง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยววางหัวไว้บนหน้าอกของเขา แล้วปิดตาลง

 

 

มองท่าทางง่วงนอนมากของนาง หวงฝู่อี้เซวียนส่ายแล้วหัวเราะออกมา ค่อยๆ วางนางลงบนเตียง “นอนพักอีกสักหน่อยเถิด พรุ่งนี้เริ่มเดินทางกลับเมืองหลวง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยว “อืม” เบาๆ หนึ่งคำ แล้วหลับลึกไปเลย

 

 

มองดูใบหน้าที่หลับลึกของนาง ในใจของหวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ ลุกขึ้น สั่งโจวอันไปซื้อรถม้าหนึ่งคัน

 

 

รอจนเมิ่งเชี่ยนโยวตื่นขึ้นอีกครั้ง รู้สึกว่าร่างกายตัวเองกำลังขยับไปมา ลืมตาขึ้น ข้างหน้าเป็นหน้าอกกว้างใหญ่ เงยหน้าข้างๆ มองขึ้นไป เห็นใบหน้าที่งดงามของหวงฝู่อี้เซวียนที่ยิ้มอยู่

 

 

“ตื่นแล้วหรือ” หวงฝู่อี้เซวียนถามอย่างอ่อนโยน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มออกมาอย่างสวยงาม กล่าวถามด้วยรอยยิ้มว่า “เราอยู่บนรถม้าหรือ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกถูกนางยั่ว ทนไม่ไหวก้มลงจูบนางแรงๆ หนึ่งที กล่าวด้วยเสียงหอบว่า “เจ้าไม่ตื่นซักที ข้ารอไม่ไหวเลยพาเจ้าขึ้นรถม้ากลับเมืองหลวงเลย”

 

 

“ข้าหลับไปกี่วันแล้ว”

 

 

“ตั้งแต่เมื่อวานถึงตอนนี้”

 

 

ไม่ได้หลับสบายอย่างนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ออกมาจากเมืองหลวง ความคิดถึงวนเวียนอยู่ในใจตลอดเวลา ทำให้กลางคืนนอนไม่หลับ กลางวันก็นอนไม่หลับ จนบางครั้งถึงขั้นคิดว่า กลับไปอย่างนี้แหละ ขอแค่หวงฝู่อี้เซวียนไม่สนใจ นางจะไปสนใจทำไม แต่สุดท้ายสติก็ชนะความคิดถึงทุกครั้ง กัดฟันอดทนมาแปดเดือน ถ้าหากหวงฝู่อี้เซวียนไม่ปรากฏตัว นางคิดว่านางอาจจะอดทนต่อไป แต่ตอนนี้ คนที่คิดถึงอยู่ตลอดเวลามาอยู่ตรงหน้าแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็วางใจทันที เข้าใจแล้วว่าทั้งชีวิตนี้ตัวเองไม่สามารถหนีไปจากเขาได้อีก ยื่นมือออกไป โอบกอดคอของเขาไว้ เงยหน้าขึ้นแนบริมฝีปากลงบนมุมปากของเขาเบาๆ หนึ่งที “อี้เซวียน ข้าคิดถึงเจ้ามาก”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหยุดชะงักไป ในสายตาแสดงความดีใจออกมา ในสายตาสวยงามคู่นี้ เพราะคำพูดของนางประโยคเดียว สว่างวาบขึ้นมาทันที เหมือนดั่งประกายระยิบระยับของดาวบนท้องฟ้าที่มืดมน

 

 

“โยวเอ๋อร์ ตอนแรกข้าอยากให้เจ้าพักผ่อนดีๆ แต่เจ้ากลับมายั่วข้า”

 

 

พูดจบ คนก็พลิกตัวทับลงไปทันที

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวใช้ร่างกายของตัวเองตอบรับอย่างอ่อนโยน ปล่อยให้เขาพาตัวเองไปจุดสูงสุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

ผ่านไปหลายรอบ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีแม้แต่แรงกระดิกนิ้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิง นอนอยู่ข้างๆ หวงฝู่อี้เซวียนด้วยร่างกายที่แดงจ้ำไปหมดทั้งตัว

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากของนางหนึ่งทีด้วยความรัก ยกมือหยิบผมของนางทัดหู “เหนื่อยมากไปสินะ เดี๋ยวก็ถึงโรงเตี๊ยมแล้ว เราพักผ่อนหนึ่งวันแล้วค่อยเดินทางต่อ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเบาๆ วางหัวไว้บนหน้าอกของเขา ฟังเสียงเต้นหัวใจของเขา ในใจเกิดความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก สวรรค์ให้นางเกิดใหม่อีกครั้ง อาจเป็นเพราะให้นางมาเจอหวงฝู่อี้เซวียน ทำไมนางถึงโง่จะปล่อยเขาไป ยังดีที่เขามาหา ตั้งแต่นี้ต่อไป แม้ว่าไม่มีบุตร แม้ว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะเย้ย แม้ว่าทุกคนจะคิดว่านางไม่เหมาะสมกับเขา นางก็จะไม่ปล่อยมือ ชายคนนี้เป็นของนาง ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน อนาคต ก็จะเป็นของนางตลอดไป