ลานของโรงหมออีกแห่งมีขนาดเล็กมาก ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงมาถึงที่ที่เด็กทารกอาศัยอยู่ในทันที ข้างในมีเด็กอีกสองสามคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าไอและมีไข้ เด็กคนอื่นๆ ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เมื่อหลิน ชูจิ่ว มาถึง มีเพียงทารกที่เป็นโรคปอดบวมที่กำลังยื่นมือออกมาทันทีเพื่อขอให้เธออุ้ม
(ทารถส่งเสียงอ้อแอ้ให้หลิน ชูจิ่ว) ทารกได้รับการรักษาในทันเวลา ดังนั้นตอนนี้อาการของเขาจึงดีขึ้นมาก มือและเท้าของเขาตอนนี้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างแข็งแรงมากขึ้น ดวงตาสีดำของเขาเต็มไปด้วยความฉลาด
“เจ้าคนฉลาดตัวน้อย ข้าไม่สามารถอุ้มเจ้าได้ในตอนนี้” หลิน ชูจิ่วจับมือของทารถน้อยเอาไว้ ที่เธอไม่ได้อุ้มเขาเพราะเธอยังมีเลือดอยู่กับเสื้อผ้าของเธอ
(ทารถส่งเสียงอ้อแอ้ให้หลิน ชูจิ่วอีกครั้ง) เด็กชายตัวน้อยยิ้มอย่างเต็มที่ เขาคิดว่าหลิน ชูจิ่วกำลังเล่นกับเขาอยู่
หลิน ชูจิ่ว ตรวจดูอุณหภูมิของทารก เธอถอดเสื้อผ้าของเขาต้องการที่จะฟังเสียงการเต้นของหัวใจและปอดของเขา … …
หลังจากเปิดเสื้อผ้าของเด็กแล้ว ไฝรูปดอกไม้ขนาดเล็กของทารกก็ถูกเปิดเผยขึ้น หลิน ชูจิ่ว ตรวจสอบสภาพของทารกทุกวัน ดังนั้นเธอจึงไม่เห็นว่ามันแปลกอีกต่อไป แต่……
นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวเทียนเหยาเห็นมัน!
“ ช้าก่อน” การแสดงออกทางสีหน้าของเสี่ยวเทียนเหยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาดึงแขนของหลิน ชูจิ่ว ด้วยแรงที่ไม่น้อย เธอจึงโซเซและเกือบจะล้มลงไป“เกิดอะไรขึ้น”
เสี่ยวเทียนเหยา สังเกตว่าเขาใช้แรงมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงขมวดคิ้วและถามขึ้น“ เปิ่นหวางทำให้เจ้าเจ็บหรือไม่?”
“ ไม่ ข้าเพียงแค่ตกใจ” โชคดีที่ไม่มีอะไรอยู่ภายในมาก มิฉะนั้นด้วยความแข็งแกร่งของเสี่ยวเทียนเหยา ถ้าเธอล้มลงไปคงจะเจ็บมาก
เสี่ยวเทียนเหยายังไม่คิดที่จะขอโทษ เขาเพียงแค่อธิบายขึ้น“เป็นความเคยชิน” มันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่เคยมีผู้หญิงอยู่รอบๆ ตัวเขา
“ข้าจะระวังตัวเองให้มากขึ้นในครั้งต่อไป” ข้าจะอยู่ห่างๆ จากท่าน
“ไม่ เปิ่นหวางจะจำเอาไว้” เสี่ยวเทียนเหยาดูสง่างามในขณะที่เขาให้คำสัญญา อย่างไรก็ตามหลิน ชูจิ่ว หัวเราะและไม่ได้คิดจริงจังอะไร เธอชี้ไปที่ไฝที่มีรูปดอกไม้และถามขึ้น“ไฝมีปัญหาหรือ?”
“ นี่ไม่ใช่ไฝ นี่เป็นตราประจำตระกูล” เสี่ยวเทียนเหยาคุ้นเคยกับตราประจำตระกูลแบบนี้มาก หกเดือนที่แล้วมีใครบางคนกำลังมองหาทารกที่มีตราแบบนี้อย่างบ้าคลั่ง“เขามาจากตระกูลฮวาของอาณาจักรกลาง”
ครึ่งปีที่ผ่านมาคุณชายน้อยผู้ซึ่งมีอายุยังไม่ถึงสามเดือนถูกขโมย ไม่มีใครพบเขาอีก เพื่อที่จะตามหาเด็กคนนี้ตระกูลฮวาของอาณาจักรกลางได้เดินทางไปทั่วทั้งสี่แคว้น แต่ล้มเหลว
“อะไรนะ?” ทันใดนั้นเสียงของหลิน ชูจิ่ว ก็ดังขึ้น เธอจำได้ว่ายังมีเด็กอยู่ในห้องโถงอีก ดังนั้นเธอจึงลดเสียงของเธอลง“ เขาไม่ใช่เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรอกหรือ”
“ไม่ใช่ เขาถูกขโมยมา” เสี่ยวเทียนเหยารู้เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ แต่เขาไม่ได้สนใจ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาพบเด็กคนนี้โดยบังเอิญ เขาก็ไม่สามารถเมินเฉยได้อีกต่อไป
เขาและตระกูลฮวานั้นมีมิตรภาพต่อกันอยู่เล็กน้อย ตระกูลฮวาค่อนข้างดีไม่น้อย
“ เป็นเช่นนี้ก็ดี!” หลิน ชูจิ่วยิ้มอย่างมีความสุข
“เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ” สิ่งที่ซู่ฉาพูดไว้ถูกต้องแล้วหลิน ชูจิ่วเป็นคนที่มีโชคดีมากทีเดียว
ในขณะที่ถูกล้อเลียนโดยเสี่ยวเทียนเหยา หลิน ชูจิ่วก็พูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “เราจะแจ้งครอบครัวของเขาเพื่อให้พวกเขามารับเขาหรือไม่”
“แน่นอนที่สุด แต่เราต้องพาเขากลับไปก่อน มันไม่ปลอดภัยที่จะทิ้งเขาไว้ที่นี่” ถ้าคนอื่นค้นพบเด็กทารก มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
“เด็กคนนี้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เขายังต้องได้รับการรักษา” หลิน ชูจิ่วเป็นห่วง
“เขาจะอยู่ในเสี่ยวหวางฟู่จนกว่าตระกูลฮวาจะมารับ” ในเมืองหลวงของฮ่องเต้ ไม่มีที่ไหนปลอดภัยไปกว่าตำหนักเสี่ยวหวางฟู่อีกแล้ว
“ ดี” หลิน ชูจิ่วไม่มีความคิดเห็นอื่น เธอเป็นผู้รับผิดชอบการรักษาของทารกคนนี้เท่านั้น เสี่ยวเทียนเหยาสามารถจัดการส่วนที่เหลือได้แล้วแต่เขา
เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้นำทารถไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ ในทันที เขาจัดคนให้ส่งเด็กคนนี้ไปแทน ที่เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้นำเด็กทารถกลับไปด้วยไม่ใช่เพราะมันไม่ปลอดภัย แต่เพราะเขาไม่ต้องการให้เด็กทารถทำลายเวลาของเขากับหลิน ชูจิ่ว……