รถม้าที่พวกเขาใช้ในขณะนี้ไม่ใช่รถม้าที่พวกเขา“ ยืม” มาชั่วคราว รถม้าที่พวกเขาใช้คือรถม้าของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ซึ่งไม่เพียง แต่จะสะดวกสบาย แต่ยังกว้างขวางมาก เสี่ยวเทียนเหยา และหลิน ชูจิ่ว สามารถครอบครองแต่ละด้านเอาไว้เป็นของตัวเองได้ และพวกเขายังสามารถนอนได้ถ้าต้องการ
หลิน ชูจิ่วขึ้นรถม้าเป็นคนแรก จากนิสัยในอดีตของเธอ เธอเลือกที่จะนั่งทางด้านซ้ายในขณะที่เสี่ยวเทียนเหยาอยู่ทางด้านขวา อย่างไรก็ตามเสี่ยวเทียนเหยา ไม่พอใจ หลังจากเข้าไปในรถม้าแล้วเขาก็นั่งข้างๆ หลิน ชูจิ่วแทน
หลังจากที่มีคนนั่งข้างๆ เธอ พื้นที่ของรถม้าก็ดูเล็กลงและจมูกของเธอก็ถูกบุกรุกโดยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และเยือกเย็นของเสี่ยวเทียนเหยา หลิน ชูจิ่ว ขยับไปด้านข้าง แต่หลังจากเธอพบว่าพวกเขายังคงนั่งใกล้กันมาก เธอจึงขยับอีกครั้ง……
เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้พูดอะไร เขาอยากจะดูว่าหลิน ชูจิ่วจะขยับไปไหนต่อ
รถม้ามีขนาดใหญ่มากหลิน ชูจิ่ว ขยับไปจนถึงที่สิ้นสุดของรถม้า อย่างไรก็ตามเธอยังคงอยู่ห่างจากเสี่ยวเทียนเหยาเพียงช่วงแขนเท่านั้น หลิน ชูจิ่ว ต้องการขยับอีก แต่ก็ไม่มีพื้นที่เหลือให้ขยับแล้ว
เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ!
หลิน ชูจิ่วนั่งอย่างสะดวกสบายและแอบมองไปที่เสี่ยวเทียนเหยา เมื่อเธอเห็นว่าเขาไม่ได้โกรธ หลิน ชูจิ่วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่……
มันเร็วเกินไปที่เธอจะมีความสุข!
“ เปิ่นหวางเหนื่อย!” เสี่ยวเทียนเหยา นอนลงและเอนตัวลงไปบนต้นขาของหลิน ชูจิ่วทันที
“ หวางเย่……” หลิน ชูจิ่วตกใจและร่างกายของเธอเริ่มแข็งทื่อขึ้น
“ฮืมม?” เสี่ยวเทียนเหยาเพียงแค่ส่งเสียงขึ้น
“ ถ้า…ถ้าท่านนอนหลับไปเช่นนี้ มันจะไม่สบายตัวเอาได้นะ” คำพูดเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่หลิน ชูจิ่ว คิด แต่ที่จริงเธอไม่สามารถพูดในสิ่งที่เธอต้องการได้
“อืม” เสี่ยวเทียนเหยายังคงส่งเสียงสั้นๆออกมา เขารู้สึกไม่สบายตัว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
อย่างไรก็ตาม ด้วยขาที่ยาวของเสี่ยวเทียนเหยา หลิน ชูจิ่วก็รู้ว่าเขาคงต้องอึดอัดอย่างแน่นอน ในที่สุดแล้วรถม้าคันนี้ก็ไม่กว้างขวางอีกต่อไป เสี่ยวเทียนเหยา ไม่สามารถยืดขาของเขาออกไปได้อีก แต่……
เสี่ยวเทียนเหยามีความสุขมากที่ได้นอนแบบนี้!
เสี่ยวเทียนเหยาผ่อนคลายและพักผ่อนอยู่บนต้นขาของหลิน ชูจิ่ว ดวงตาของเขาปิดลงและใบหน้าของเขาก็ดูผ่อนคลายขึ้น เขาดูง่วงนอนจริงๆ
เมื่อเห็นเสี่ยวเทียนเหยา เป็นเช่นนี้ หลิน ชูจิ่วก็ไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ เธอค่อย ๆ ผ่อนคลายร่างกายของเธอเพื่อให้ทั้งสองคนรู้สึกสบายมากขึ้น
เสี่ยวเทียนเหยาคนที่มักจะเป็นผู้ปกครองกลุ่มคนเสมอมา ดังนั้นเมื่อเขาค้นพบว่าหลิน ชูจิ่วไม่ต่อต้านเขาอีกต่อไป เขาก็พูดขึ้น“เปิ่นหวางรู้สึกปวดหัว”
“ ข้าจะนวดให้ท่าน” หลิน ชูจิ่ว ตอบโต้ขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อเธอรู้ตัวอีกที มือของเธอก็นวดอยู่ที่ขมับของเสี่ยวเทียนเหยาแล้ว ดูเหมือนว่าจะสายเกินไปที่จะดึงมือของเธอกลับมา
ใบหน้าของหลิน ชูจิ่ว นั้นเต็มไปด้วยเส้นสีดำ จิตใต้สำนึกของเธอนั้นไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!
เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้เหนื่อยจริง ๆ เขาแค่อยากให้หลิน ชูจิ่วคุ้นเคยกับการอยู่กับเขา อย่างไรก็ตามเมื่อหลิน ชูจิ่วนวดให้ เขาก็รู้สึกผ่อนคลายและหลับลงอย่างสนิท เขาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เมื่อรถม้าหยุดลงแล้ว
หลิน ชูจิ่วนวดขมับของเสี่ยวเทียเหยา มาตลอดทางจนถึงเสี่ยวหวางฟู่ เธอไม่ได้หยุดเลย เสี่ยวเทียนเหยา ลุกขึ้นและจับมือหลิน ชูจิ่ว จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและถามขึ้น“ปวดหรือ?”
“อืม” น้ำเสียงของหลิน ชูจิ่ว ฟังดูหดหู่เล็กน้อย
ท่านคิดว่าข้าต้องใช้เวลาไปนานเท่าไหร่ ท่านยังจำได้ที่จะถามข้าว่ามันปวดหรือไม่ แต่ท่านไม่เคยถามข้าเมื่อข้าต้องนวดจุดฝังเข็มที่ขาของท่าน
“ อย่าทำเช่นนี้อีกในครั้งต่อไป” เสี่ยวเทียนเหยาจับมือของหลิน ชูจิ่ว แล้วบีบนวดนิ้วของเธอเบาๆ เขาไม่ได้ใช้กำลังภายในที่มากเกินไป แต่หลิน ชูจิ่วก็ยังรู้สึกว่ามีกระแสบางอย่างที่อบอุ่นไหลลงมาจากนิ้วของเสี่ยวเทียนเหยา ซึ่งช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของนิ้วมือของเธอได้ในทันที
“นี่คือกำลังภายในหรือ?” ใบหน้าของหลิน ชูจิ่วประหลาดใจราวกับว่าเธอค้นพบบางสิ่งที่น่าอัศจรรย์
“ ใช่ เปิ่นหวาง ค้นพบว่ามันมีประโยชน์มาก” เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา เห็น ว่าหลิน ชูจิ่ว มีความสุข เขาก็รู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“สิ่งนี้มีประโยชน์มากจริง ๆ ” ในเรื่องนี้หลิน ชูจิ่วไม่ได้ปฏิเสธว่ามันมีประโยชน์จริงๆ แต่สิ่งสำคัญคือเสี่ยวเทียนเหยาต้องเต็มใจที่จะใช้มันเพื่อเธอไม่เช่นนั้นมันก็ไร้ประโยชน์!
ด้านนอกรถม้า ทหารรออยู่นานแล้ว เขาไม่รู้ว่าควรเตือนหวางเย่ ของพวกเขาดีหรือไม่ว่าพวกเขามาถึงนานแล้ว
มีใครเปลี่ยนสถานที่กับข้าได้บ้าง?
“อะแฮ่ม…” หลังจากรอมานาน เมื่อพวกเขายังไม่เห็นสัญญาณใด ๆ ว่าจะมีคนออกมา ทหารคุ้มกันก็ข่มความกลัวของเขาเอาไว้และพูดขึ้น“ หวางเย่ หวางเฟย พวกเรามาถึงแล้วขอรับ!”
“ โอ้…” ใบหน้าของหลิน ชูจิ่ว แดงขึ้นและรีบดึงมือของเธอกลับมาอย่างวุ่นวาย
เธอไม่รู้ว่ารถม้าหยุดลงแล้ว เธอไม่รู้ว่าอยู่ในรถม้านานแค่ไหน มันน่าอายจริงๆ