หลิน ชูจิ่ว ที่ใบหน้าแดงก่ำอยากจะลงไปจากรถม้า แต่เธอพบว่าเสี่ยวเทียนเหยาอยู่ข้างหน้าเธอ เธอจึงเดินออกไปไม่ได้
“ ลงไปจากรถม้าได้แล้ว” หลิน ชูจิ่วผลักเสี่ยวเทียนเหยา เสี่ยวเทียนเหยา ส่ายหัว แต่ในที่สุดเขาก็ลงไปก่อน เขาหันหน้าของเขาและมองที่ทหารคุ้มกัน “ไป!”
“ขอรับ” พวกทหารคุ้มกันต่างก็กลัวและจากไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดหายไปในพริบตา
“ ลงมาได้แล้ว ผู้คนหายไปหมดแล้ว” เสี่ยวเสียนเหยา เอื้อมมือออกไปและช่วยหลิน ชูจิ่วลงมา
“ท่านช่วยเอ่ยเตือนข้าด้วยในครั้งต่อไป มันน่าอัยอายมาก” ไม่มีใครอยู่ข้างนอก ดังนั้นใบหน้าของหลิน ชูจิ่วที่กลายเป็นสีแดงจึงค่อยๆหายไป แต่ในที่สุดเธอก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย
รถม้าหยุดแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้ออกมาเป็นเวลานาน มันยากที่จะอดจินตนาการได้
“น่าอัยอายตรงไหน? เราไม่ได้ทำอะไร” เสี่ยวเทียนเหยาตอบกลับด้วยความมั่นใจ ดังนั้นหลิน ชูจิ่วจึงไม่พูดอะไรอีก……
ใช่แล้ว พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย ดังนั้นทำไมเธอถึงรู้สึกเขินอาย
หลังจากเสี่ยวเทียนเหยา ออกจากวังไปแล้ว เขาก็ไปรับหลิน ชูจิ่ว และเขาก็ไม่ได้ปกปิดมันต่อคนอื่น ดังนั้นฮ่องเต้จึงเรียนรู้สิ่งนี้ในไม่ช้า
“ เขาไม่สนใจ แต่เขากลับไปรับนางด้วยตนเอง” ฮ่องเต้ยิ้มอย่างเหยียดหยามขึ้น
เนื่องจากเสี่ยวเทียนเหยาให้ความสำคัญกับหลิน ชูจิ่วเป็นอย่างมาก สิ่งต่าง ๆ จึงกลายเป็นเรื่องง่าย เสี่ยวเทียนเหนา ไม่มีจุดอ่อน แต่ หลิน ชูจิ่วนั้นเต็มไปด้วยจุดอ่อน
เขาไม่เชื่อว่าหากหลิน ชูจิ่ว ประสบกับเรื่องที่ไม่คาดคิดอีกครั้ง เสี่ยวเทียนเหยาจะยังคงปล่อยคนเหล่านั้นที่อยู่เบื้องหลังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังไป
เรื่องที่เกี่ยวกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง จะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด ไม่เพียงแต่จะทำพวกเขาสารภาพออกมา แต่ยังทำให้เขารู้สึกสบายใจ เขาจะไม่ยอมให้กองกำลังที่ไม่รู้ที่มาปรากฏตัวอยู่ในแคว้นตะวันออกของเขาอย่างแน่นอน
เรือนของหลิน ชูจิ่ว นั้นไกลจากเรือนของเสี่ยวเทียนเหยามาก เสี่ยวเทียนเหยา ต้องการไปพร้อมกับหลิน ชูจิ่ว แต่เขาก็ถูกหลิน ชูจิ่วปฏิเสธ “ข้าทำให้ท่านต้องเสียเวลามาตลอดช่วงบ่ายแล้ว ท่านไปเถอะ ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว”
“ อืม” เสี่ยวเทียนเหยาพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้องหนังสือของเขา
เขามีหลายสิ่งหลายอย่างต้องทำจริงๆ
ในห้องหนังสือทั้งหลิวไป๋ และซู่ฉา กำลังรอเขาอยู่ ทั้งสองกำลังพูดถึงแนวหน้า เมื่อเห็นเสี่ยวเทียนเหยา เดินเข้ามาทั้งสองก็ลุกขึ้นยืน“หวางเย่”
“นั่งลง” เสี่ยวเทียนเหยาสั่งให้ทั้งสองนั่งลงได้และถามขึ้นทันที“ เกิดอะไรขึ้น?”
“ มันราบรื่นมาก หมออู๋ทำการตรวจสอบคุณภาพของชุดยาใหม่ด้วยตัวเองและยังบอกว่าคุณภาพดีมาก” ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น หลิวไป๋ มีความสุขมาก
ในที่สุดปัญหาการขาดแคลนยาในแนวหน้าก็ได้ยุติลง
“ส่งคนไปช่วยตระกูลซุยเกี่ยวกับเรื่องธุระของพวกเขา” ตระกูลซุย ช่วยเขาในการหายาชุดใหม่ ดังนั้นจึงเป็นธรรมชาติที่จะเขาจะตอบแทนความดีความชอบนั้น
“ข้าเข้าใจ” ด้วยคำพูดของเสี่ยวเทียนเหยา ธุระของตระกูลซุย จะกลายเป็นเรื่องง่ายมาก
หลิวไป๋ รายงานเรื่องอื่น ๆ อีกสองสามเรื่องและต่างก็ไม่มีปัญหาใดๆ พูดง่ายๆ ก็คือธุระล่าสุดของเขาก็จบลงอย่างง่ายดาย
ไม่ใช่ว่าความแข็งแกร่งของหลิวไป๋นั้นเพิ่มขึ้น แต่เป็นเพราะฮ่องเต้ไม่มีเวลารบกวนพวกเขา เขายุ่งมากในเรื่องที่เกี่ยวกับแนวหน้าและสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เขาไม่มีเวลาจ้องมาที่เรื่องของเสี่ยวเทียนเหยา ไม่มีใครแอบโจมตีพวกเขาอย่างลับๆดังนั้นทุกอย่างจึงราบรื่น
หลังจากหลิวไป๋ เสร็จสิ้นการรายงานของเขาแล้ว ซู่ฉา ก็พูดขึ้นสั้น ๆ เกี่ยวกับเรื่องของกับโจว เหอและเซี่ยวรุ่ย “ เด็กคนนั้นที่มีนามสกุลโจว เชื่อในตัวหวางเฟย โชคดีที่ข้าไปพร้อมกับหวางเฟยในวันนี้ ไม่เช่นนั้นสิ่งต่าง ๆ จะเป็นเรื่องยากขึ้น” ซู่ฉาพูดสรรเสริญหลิน ชูจิ่ว อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีนางผลลัพธ์ก็จะยังคงเหมือนเดิม
“ ดีมาก” เสี่ยวเทียนเหยาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและตอบด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายมาก จากนั้นเขาก็จากไปราวกับสายลมที่พัดโชย……
เพียงหนึ่งวันผ่านไป หลังจากคืนที่รุ่มร้อนของพวกเขา แต่ตอนนี้เสี่ยวเทียนเหยาก็กำลังวางริมฝีปากของเขาไว้ข้างหูของหลิน ชูจิ่วและกัดเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ เปิ่นหวางมีประโยชน์มากไหม?”
“ ในด้านใด?” หลิน ชูจิ่วหายใจเข้าลึก ๆ และหยุดการจู่โจมของใครบางคนด้วยมือของเธอ
“ แล้วเปิ่นหวางมีประโยชน์ในด้านใดบ้าง” เสี่ยวเทียเหยากัดหูของหลิน ชูจิ่วอีกครั้ง หลิน ชูจิ่ว งอร่างของเธออย่างงุ่มง่าม“ เบา ๆ ……”
“เบาหรือ? ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่พอ?”
“ ไม่ ไม่…พอแล้ว”
“อะไรที่บอกว่าพอ เจ้ากำลังบอกว่าเปิ่นหวางดีไม่พออย่างนั้นหรือ?”
“ ไม่ใช่ ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น”
“ โกหก เจ้าหมายถึงอะไรที่บอกว่าในบางแง่มุมเปิ่นหวางนั้นมีประโยชน์?”
“ ใช่แล้ว…ในบางแง่มุม ท่านก็มีประโยชน์มาก”
“ เป็นเช่นนั้นหรือ? แล้วเปิ่นหวาง มีประโยชน์ในด้านใดมากที่สุด?”
“ ……” ทำให้ผมข้าแห้งด้วยมือของท่าน
(ตรงประโยคนี้กับตอนต่อไป มันเป็นการกล่าวถึงอีกฉากแล้วตัดกลับไปที่อีกฉากนะคะ)