ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาใช้อำนาจบาตรใหญ่เรียกร้องกับหอโม่ปิง หอโม่ปิงก็ได้ยื่นผลประโยชน์นี้ให้พวกเขาถึงที่
หลิงกับเฟิงอวิ๋นซิวนั้นไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน ใบหน้าของหลิงยังคงเย็นชาอยู่เฉกเช่นเดิม
เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “นำทางไปเถอะ!”
ส่วนเฟิงอวิ๋นซิวนั้นกลับสุภาพมากกว่า เขากล่าวว่า “พวกเราสนใจจะเข้าไปในสนามรบโบราณที่สองอยู่พอดี”
“เช่นนั้นเชิญทุกท่านทางด้านนี้!” หัวหน้าโม่ยิ้มพลางกล่าว
ทันทีที่พวกเขามาถึงหอโม่ปิง หอโม่ปิงก็ได้เปิดสนามรบโบราณที่สองขึ้นทันที ไม่ต้องให้พวกเขารอคอยแต่อย่างใด
ตอนนี้ศิษย์วัยหนุ่มสาวของหอโม่ปิงเหล่านั้นที่ถูกคัดเลือกออกมา ล้วนแต่มองไปที่ผู้แข็งแกร่งที่มีสถานะไม่ธรรมดาเหล่านั้นที่ถูกหัวหน้าหอเชิญมาด้วยความเคารพด้วยความประหลาดใจ
ถึงแม้ว่าหลิงนั้นจะเป็นบุรุษรูปงาม ทว่า ใบหน้าอันเย็นยะเยือกของเขานั้นทำให้ไม่มีผู้ใดกล้ามองเขามากนัก
แต่ทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่เฟิงอวิ๋นซิวผู้รูปงาม สูงศักดิ์และดูงดงามอย่างไม่ละสายตา ต่อมาก็มองไปที่อวี้จีผู้ที่สวยหยาดเยิ้ม และหญิงสาวที่งดงามอย่างไร้ที่เปรียบผู้นั้น
และนี่ทำให้หนุ่มสาวที่คิดว่าตนเองสูงส่งกลุ่มนี้ได้รู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
มู่เฉียนซียื่นยาวิญญาณส่วนหนึ่งให้กับซวนอี ซวนอีตกใจนิ่งอึ้งไป “แม่นางมู่ นี่หมายความว่าอย่างไร ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “พลังความแข็งแกร่งของข้ากับพวกเจ้านั้นคนละระดับกัน ดังนั้นข้าไม่เดินทางไปกับพวกเจ้าแล้ว อีกอย่างอวี้จีผู้นั้นก็อันตรายมาก ข้าไม่อยากจะเจอกับนางอีก”
ดวงตาสีอำพันคู่นั้นของเฟิงอวิ๋นซิวมองไปที่มู่เฉียนซี เขารู้สึกว่าคำพูดของนางนั้นไม่เป็นความจริง
มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “ที่ข้าร่วมมือกับพวกเจ้าก็เพียงแค่หาทางเข้าสนามรบโบราณก็เท่านั้น ตอนนี้ข้าบรรลุเป้าหมายแล้ว ไม่ร่วมทางไปกับพวกเจ้าก็เห็นแปลก”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ไม่มีศิลาเทพอัคคี เจ้าก็ไม่อาจหาสิ่งที่เจ้าต้องการเจอได้”
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย บางทีข้าอาจจะเจอกับเรื่องไม่คาดฝันก็ได้!
หลังจากที่สนามรบโบราณที่สองได้เปิดขึ้น มู่เฉียนซีก็ได้แยกทางกับเฟิงอวิ๋นซิว
เฟิงอวิ๋นซิวอยากจะรั้งนางเอาไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้เหตุผลใดรั้งนาง
ใบหน้าที่แข็งทื่อนั้นของหลิงเผยรอยยิ้มออกมา ในที่สุดซีเอ๋อร์ก็อยู่ห่างจากเจ้านี่สักที
จากนั้น เวลาเขาจะต่อสู้กับเจ้านี่ก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมือแล้ว
ซวนอีกล่าว “นายน้อย เป็นความผิดของพวกข้าน้อยเอง หากนายน้อยอาลัยอาวรณ์สาวน้อยผู้นั้น ข้าน้อยจะไปตามนางกลับมา!”
ซวนอีรู้ว่าตั้งแต่ที่พวกเขาได้ชกต่อยกับองครักษ์ผู้นั้นของนาง สาวน้อยผู้นั้นก็อยู่ห่างนายน้อยมากขึ้น
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เป็นเพราะข้าเอง ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า”
เป็นเพราะเขาไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ หากเขาไม่เห็นมู่เฉียนซีเป็นคนผู้นั้น บางทีเขาก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเป็นสหายของนาง
นางดูเหมือนจะไร้หัวใจ แต่นางก็มีอารมณ์โกรธเหมือนกัน
ตลอดการเดินทาง ซวนอีได้เห็นนายน้อยของตนยอมกินยาอย่างเชื่อฟัง ถึงแม้ว่าสาวน้อยผู้นั้นจะไม่อยู่ เช่นนี้เขาก็รู้สึกวางใจแล้ว
ถึงแม้ว่าสาวน้อยผู้นั้นคิดจะไปก็ไป แต่นางก็ไม่ได้จากไปโดยที่ไม่สนใจนายน้อยเลย
มู่เฉียนซีเดินทางเพียงลำพังในสนามรบโบราณที่สอง นางไม่มีศิลาเทพอัคคีสำรวจ มีเพียงแค่คมกระบี่ของกระบี่มังกรเพลิงก็เพียงพอแล้ว อีกทั้งยังไม่ต้องสูญเสียพลังวิญญาณแต่อย่างใด
มู่เฉียนซีกล่าว “มังกรเพลิง เจ้ายังไม่รู้สึกอะไรอีกเหรอ ?”
“หรือว่ากระบี่จอมมารนั่นจะหลอกข้า” แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี
เดินทางคนเดียวก็รู้สึกสบายใจดี หากมีอันตรายที่นางสามารถรับมือได้นางก็จะรับมือ หากรับมือไม่ได้ ชิงอิ่งก็จะปรากฏตัวขึ้นและจัดการได้อย่างรวดเร็ว
“นายท่าน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ?” ในขณะที่เดินอยู่นั้น ศิษย์กลุ่มหนึ่งของหอโม่ปิงก็ได้เจอกับนาง
คนเหล่านี้ดูเหมือนจะอายุประมาณยี่สิบกว่าปี พลังความสามารถของแต่ละคนนั้นไม่ได้แย่ไปกว่าอัจฉริยะร้อยอันดับแรกของการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักเหล่านั้นเลย
“นายท่าน พวกเราค้นพบโบราณสถานแห่งหนึ่ง แต่ด้วยพลังความสามารถของพวกเราแล้ว พวกเราจึงไม่กล้าเข้าไป ไม่ทราบว่านายท่านจะยอมไปกับพวกเราหรือไม่”
คนกลุ่มนี้ล้วนแต่ระมัดระวังเป็นอย่างมาก ถึงอย่างไรเสีย คนผู้นี้ก็เป็นผู้ที่หัวหน้าหอเคารพเป็นอย่างมาก
พวกเขาคิดว่าการที่สามารถเชิญคนผู้หนึ่งมาได้นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว และแน่นอนว่าไม่อยากให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดเหล่านั้นมาร่วมด้วย
หากคนกลุ่มนั้นไปด้วย ของล้ำค่าที่นั่นเกรงว่าจะไม่ได้แบ่งให้กับพวกเขาแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีตกใจนิ่งอึ้งไป “โบราณสถานเหรอ ?”
ตอนที่เข้าไปในสนามรบโบราณที่สี่ ได้เจอกับกระบี่จอมมารถึงจะได้เบาะแสมา
บางทีในโบราณสถานอื่นไม่แน่อาจจะเจอเบาะแสที่คล้ายกันก็ได้
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ตกลง! นำทางไปสิ!”
“ได้!”
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะเชิญมู่เฉียนซีได้ มู่เฉียนซีตอบตกลงด้วยทีท่าที่สบาย ๆ ทำให้พวกเขานั้นรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ
โบราณสถานนั้น มองไกล ๆ ดูเหมือนกับมองเห็นเมืองร้างเมืองหนึ่ง
ทันทีที่มู่เฉียนซีและพวกเข้าใกล้ กลับรู้สึกราวกับถูกบางสิ่งบางอย่างขวางอยู่ก็มิปาน
“มีเขตต้องห้าม!”
เขตต้องห้ามนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าที่เจอในสนามรบโบราณที่สี่เลย
“นายท่าน มีวิธีทำลายเขตต้องห้ามนี้หรือไม่ หากเป็นพลังขั้นมหาจักรพรรดิก็คงจะทำลายมันได้”
“อาถิง มีวิธีหรือไม่ ?” ยิ่งเป็นเขตต้องห้ามที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ มู่เฉียนซีก็ยิ่งสนใจของที่อยู่ด้านในมากขึ้นเท่านั้น
อาถิงกล่าว “เขตต้องห้ามนี้ได้ปิดผนึกอาณาเขตที่กว้างใหญ่เช่นนี้เอาไว้ คาดว่าจะต้องมีประตูแห่งชีวิตอยู่เป็นแน่ และมันก็ไม่ได้อยู่ในเขตต้องห้าม หากพวกเราหามันเจอก็จะทำลายมันได้”
มู่เฉียนซีได้เอาคำพูดของอาถิงบอกกับพวกเขา และให้พวกเขาช่วยกันหา
“ขอรับ!”
คนเยอะย่อมจัดการได้ดี ไม่นานนักพวกเขาก็เจอกับมีดขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าโบราณสถานแห่งนี้
มีดเล่มใหญ่นี้ได้ฝังอยู่ใต้ดิน เป็นเหมือนหอคอยหนึ่งที่คอยปกปักรักษาโบราณสถานนี้ไว้
อาถิงกล่าว “มีดเล่มนี้แหละ ขุดมีดเล่มนี้ออกมาก็จะทำลายสิ่งต้องห้ามนั้นได้”
มู่เฉียนซีมองไปที่พวกเขา และกล่าวว่า “ในกลุ่มของพวกเจ้า ใครแข็งแกร่งสุด ?”
“ศิษย์พี่โม่แข็งแกร่งที่สุด!”
“พลังของศิษย์พี่โม่ถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปด!”
“……”
อายุของศิษย์พี่โม่ผู้นี้พอ ๆ กับเหลยหมิง พลังความแข็งแกร่งเกรงว่าจะแข็งแกร่งกว่าเหลยหมิงระดับหนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “ขุดเอามีดเล่มนี้ออกมาได้ เขตต้องห้ามนี้ก็จะเปิดออก”
“ตกลง!”
ศิษย์พี่โม่ผู้นี้พยายามอย่างสุดกำลังความสามารถแล้ว แต่ก็ยังขุดเอามีดเล่มนี้ออกมาไม่ได้สักที
“นายท่าน พลังของข้าไม่เพียงพอ ขุดมีดเล่มนี้ออกมาไม่ได้ คงต้องรบกวนนายท่านลงมือเองแล้ว”
“ความจริงแล้ว พลังของข้านั้นยังต่ำกว่าเจ้าอีก ดังนั้น……”
ใบหน้าของพวกเขาเผยความประหลาดใจออกมา ถึงอย่างไรเสียเฟิงอวิ๋นซิวและพวกล้วนแต่เป็นยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิทั้งสิ้น ดังนั้นพวกเขาก็เลยคิดว่ามู่เฉียนซีจะเป็นเช่นนั้นด้วย
กลับคิดไม่ถึงว่า……
ทว่า เมื่อนึกถึงอายุของมู่เฉียนซีแล้ว หากนางเป็นยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิก็เป็นเรื่องที่ประหลาดแล้วล่ะ
“แล้วจะทำเช่นไรดี หรือว่าต้องไปหาผู้แข็งแกร่งคนอื่น”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่จำเป็น ชิงอิ่ง เจ้าลองดูสิ!”
ร่างสีเขียวร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาราวกับปีศาจร้าย สองมือของเขาจับที่มีดใหญ่เล่มนั้น จากนั้นก็ทุ่มอย่างสุดกำลัง……
ตูม ปัง ปัง!
มีดใหญ่เล่มนั้นถูกขุดออกมาจากใต้ดิน จากนั้นพื้นพสุธาก็สั่นไหวขึ้น
ตูม ตูม ตูม! โบราณสถานที่อยู่ตรงหน้ากำลังจมลง หลิงกับเฟิงอวิ๋นซิวที่อยู่ห่างจากนี้ระยะทางหนึ่งก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกตินี้ พวกเขามองไปที่สถานที่ที่โบราณสถานนี้ตั้งอยู่ และกล่าวว่า “ทางด้านนั้นต้องมีอะไรเป็นแน่”