[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื่อน] ตอนที่ 9 การตายขององค์หญิง

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

องค์หญิงทั่นเกอมีความสามารถอย่างหนึ่ง คือไม่ว่าจะเพิ่งทำความสะอาดให้นางสะอาดเพียงใด นางก็สามารถทำตัวสกปรกเหมือนหมูได้ในเวลาอันรวดเร็ว ตอนนี้ทั้งตัวนางเต็มไปด้วยโคลนอีกครั้ง

 

 

โต้วเยี่ยนซานไม่สนใจทั่นเกอ เขาคิดว่านางเป็นแค่แมลงวันที่บินไปมา หากเพียงเขาต้องการให้ตายก็สามารถตบให้ตายได้ทุกเมื่อ เขากำลังรอกองทัพของเขาอยู่ ต้าถังย่อมมีผู้ชายบางคนที่ใฝ่ฝันอยากจะร่ำรวยและเต็มใจมาที่แคว้นหนานจ้าว เงินทองเป็นเหยื่อล่อที่ดีที่สุด

 

 

เมื่อคิดว่าตัวเองจะมีนักรบหลายพันคนในไม่ช้า โต้วเยี่ยนซานก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เขาอยากให้อวิ๋นเยี่ยเห็นความแข็งแกร่งของเขาเป็นอย่างมาก ฆ่าอวิ๋นเยี่ยตอนที่เจ้านั่นตกใจที่สุดก็ถือเป็นการแสดงเคารพอย่างหนึ่ง โต้วเยี่ยนซานถึงกับคิดบทความไว้อาลัยให้อวิ๋นเยี่ยเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ

 

 

หาสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามที่สุด ฝังศพคนที่ฉลาดที่สุดในโลก มันจะต้องน่าสนใจมากเป็นแน่ หากตัวเองมีเวลาว่างก็จะมาเล่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทุกอย่างของตัวเองให้อวิ๋นเยี่ยฟังที่สุสาน

 

 

คนที่เหลือของตระกูลโต้วมาถึงแคว้นหนานจ้าวกันหมดแล้ว กองทัพกว่าสามร้อยคนอยู่เต็มพื้นที่ ภูมิประเทศของแคว้นหนานจ้าวถูเขาวาดเป็นแผนที่ แขวนไว้บนกำแพง วางแผนกลยุทธ์เดินทัพทั้งวันทั้งคืน

 

 

ไม่มีอารมณ์สนใจพวกลูกน้องของตัวเอง หลังจากที่ตระกูลโต้วพังพินาศพวกเขาก็ยังคอยติดตามตัวเองมาที่ป่าเขาแห่งนี้ พวกเขาจงรักภักดีอยู่แล้ว สำหรับการฆ่าใครสักคน การข่มเหงใจผู้หญิงชาวบ้านพวกนั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเขา

 

 

อวิ๋นเยี่ยไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าตัวเองจะได้เจอกับชวีจั๋ว เด็กกะล่อนคนนั้นตอนนี้กลายมาเป็นผู้ดูแล เมื่อเขาเห็นอวิ๋นเยี่ย ตาของเขาแทบจะถลนออกมาจากเบ้าตา แต่ก็ปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นผู้ดูแลที่สูงส่งในไม่ช้า ตะโกนสั่งพวกทหารจากต้าถังขนอุปกรณ์และเสบียง ราวกับว่าเขาไม่เคยเจออวิ๋นเยี่ยมาก่อน

 

 

ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน ถึงแม้ว่าอวิ๋นเยี่ยอยากเข้าไปถามไถ่เกี่ยวกับสถานการณ์ทางบ้านของตัวเอง แต่กลับไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย ชวีจั๋วสั่งให้สร้างบ้านสักพัก จากนั้นก็ตะโกนให้คนกระจายเสบียงออกไปตากให้แห้ง เพื่อไม่ให้มันชื้น

 

 

ทั่นเกอเห็นกลุ่มชาวต้าถังมากองรวมตัวกันอยู่ที่นี่ นางก็แสดงสีหน้ารังเกียจออกมา จากมุมมองของอวิ๋นเยี่ย นางมีความเห็นอกเห็นใจพวกชาวบ้านพวกนั้น และยังแอบตั้งความหวังต่อชาวต้าถัง ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าพวกเขาไม่แยแสต่อชีวิตและความตายของคนพวกนั้นแม้แต่น้อย

 

 

ตอนนี้พ่อบ้านเฒ่าคนนั้นก็เข้มงวดกับอวิ๋นเยี่ยเป็นอย่างมาก แทบไม่ยอมออกห่างจากเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว แค่อวิ๋นเยี่ยออกไปเดินเล่นข้างนอก เขาก็จะยืนรอต้อนรับอวิ๋นเยี่ยอยู่ระหว่างทาง เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาทำไม่สามารถกลบเกลื่อนรอยยิ้มดูถูกที่มุมปากของเขาได้

 

 

ตอนที่เดินผ่านชวีจั๋วจึงพูดออกไปว่า “พรุ่งนี้เช้าดึงพ่อบ้านไว้สักครึ่งชั่วโมง” จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านไม้ไผ่ของโต้วเยี่ยนซาน ตอนนี้บ้านหลังเล็กๆ หลังนี้ได้กลายเป็นเต็นท์ที่พักของเหล่าทหารไปหมดแล้ว เต็มไปด้วยหนังสือฎีกาทั้งหลาย ข้างๆ ยังมีอีกสองคนที่คอยช่วยโต้วเยี่ยนซานจัดการพวกหนังสือฎีกา

 

 

“อวิ๋นโหว เจ้ามาพอดี เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องของกองทัพ เจ้าช่วยข้าดูหน่อยว่าแผนการพวกนี้มีข้อบกพร่องอันใดหรือไม่”

 

 

“การทำสงครามในป่าเขา พวกข้าชาวต้าถังไม่ครอบครองท้องฟ้าและพื้นดิน พวกข้ายึดแค่หลักความสามัคคี สถานที่แห่งนี้ภูเขาสูงป่าทึบ ภูมิประเทศอันตราย ในเมื่อเจ้าต้องการทำเช่นนี้ เจ้าก็ต้องเตรียมการให้พร้อม มิเช่นนั้นพวกชาวบ้านก็จะหนีเข้าไปในป่าเขากันหมด หากต้องการที่จะกำจัดทีละคน ก็คงเป็นได้แค่ความฝัน การลอบโจมตีที่ไม่มีทางสิ้นสุดของพวกเขาจะทำให้เจ้าหมดแรง ทำให้เจ้าเหนื่อยล้าจนตาย ดังนั้นเจ้าต้องเตรียมพร้อมที่จะโจมตีพวกเขา หากพวกทหารจะต้องต่อสู้หนึ่งต่อสิบ พวกเขาจะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก โต้วเยี่ยนซาน ข้ารู้ว่าเจ้ารีบร้อน แต่เจ้าต้องเตรียมการให้พร้อม ต้องเตรียมการให้ดี ทำให้สุดฝีมือเสียก่อน”

 

 

“คำแนะนำของอวิ๋นโหวช่างมีค่าเสียจริง เจ้ากับข้าก็ล้วนแต่เป็นพลเมืองของฝ่าบาท ก่อตั้งประเทศบนแผ่นดินแห่งนี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ถึงตอนนั้นแผ่นดินแห่งนี้ก็จะพัฒนาโดยประชากรในที่ราบตอนกลางของข้า มันจะต้องทำให้ผู้คนอิจฉามากกว่าแผ่นดินแห่งนั้นแน่นอน อวิ๋นเยี่ย เจ้าร่วมมือกับข้าหรือไม่ ถึงแม้ว่าในอนาคตเราจะสู้รบปรบมือกันมันก็เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้เราร่วมมือกันกำจัดลิงพวกนั้นในป่าเขาแห่งนี้ดีหรือไม่”

 

 

อวิ๋นเยี่ยไม่สงสัยความจริงจังของโต้วเยี่ยนซานในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย บุคคลที่ยิ่งใหญ่ล้วนมีจุดเด่นที่เหมือนกัน นั่นก็คือพรรณนาถึงอนาคตไว้สวยงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทำดีต่อคนที่มีประโยชน์ทุกคนอย่างจริงใจในทุกที่ทุกเวลา เพียงแต่ความจริงใจเช่นนี้มีขีดจำกัด ราวกับน้ำค้างบนใบหญ้าในตอนเช้าที่มองไม่เห็นแสงอาทิตย์

 

 

“เหล่าโต้ว แคว้นหนานจ้าวเป็นของเจ้า เจ้าผ่านความยากลำบากมามากถึงได้มีวันนี้ อย่าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้างอย่างข้ามาแบ่งรัศมีของเจ้าไป เจ้ามีความฝัน เหตุใดข้าถึงจะไม่มี หากเป็นไปได้ข้าจะต่อสู้เพื่อความฝันของตัวเอง ข้าไม่อยากซ่อนตัวอยู่ภายใต้รัศมีของเจ้า เพื่อความฝันของข้า ให้ตายข้าก็ยอม”

 

 

หลังจากอวิ๋นเยี่ยพูดเสร็จ เขาก็โค้งคำนับและเดินออกไป ทันทีที่เขาออกมาข้างนอกเขาก็เห็นว่าหลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ แววตาที่แสดงความเสียดายของโต้วเยี่ยนซาน เขารู้ว่าโต้วเยี่ยนซานไม่มีทางปล่อยให้เขามีชีวิตรอดออกจากที่นี่แน่นอน

 

 

ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องพูดคำเหล่านั้น หรือว่าอยู่กับองค์หญิงทั่นเกอมากเกินไป ไอคิวเลยต่ำลง? เสแสร้งแกล้งทำไม่เป็นแล้ว?

 

 

กลับมาที่บ้านไม้ไผ่ของตัวเอง นอนไม่หลับทั้งคืน เสียงลมพัดหญ้าดังขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ทำให้วั่งไฉนอนไม่หลับไปด้วย บางทีมันอาจจะรู้สึกถึงความไม่สบายใจของอวิ๋นเยี่ย มันวางหัวลงบนขอบเตียง ยืนพิงอวิ๋นเยี่ยทั้งคืน แม้แต่เสียงที่ออกมาจากจมูกก็ไม่มี

 

 

กำลังจะรุ่งเช้า ไม่รู้ว่าองค์หญิงทั่นเกอโผล่มาจากไหน พูดกับอวิ๋นเยี่ยที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วว่า “หากเจ้าอยากจะหนี ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด พ่อบ้านคนนั้นกับพวกคนส่วนใหญ่ถูกเรียกออกไปหมดแล้ว เขาทิ้งคนไว้สองคน ถูกข้าฆ่าหมดแล้ว หากเจ้าต้องการร่วมมือกับพวกเขารังแกพวกข้า ก็คิดซะว่าข้าไม่ได้ทำอะไรลงไป”

 

 

ได้ยินเช่นนี้ อวิ๋นเยี่ยก็ดีใจเป็นอย่างมาก ตบๆ วั่งไฉให้รีบออกไป ทั่นเกอดึงอวิ๋นเยี่ยเอาไว้ หยิบมีดออกมาจากข้างหลังของตัวเองและพูดกับอวิ๋นเยี่ยว่า “โชคดีที่เจ้าเลือกที่จะหนีไป มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายเสียตอนนี้ ครั้งนี้พวกข้าได้รวบรวมกำลังพลชาวบ้านเพื่อที่จะไปฆ่าชาวต้าถังให้เกลี้ยง การเลือกของเจ้าทำให้ข้าสบายใจมากขึ้น”

 

 

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ เร็วเข้า มีคนโง่ตั้งกี่คนที่สูญเสียเวลาหลบหนีที่ดีที่สุดไปเพราะว่าพูดมากเกินไป” อวิ๋นเยี่ยรีบเปิดประตูและรีบเดินออกไป

 

 

องค์หญิงทั่นเกอเดินไปตามถนนสายเล็กๆ ราวกับกำลังโบยบิน อวิ๋นเยี่ยขี่วั่งไฉตามนางไป พึ่งจะถึงริมแม่น้ำ อวิ๋นเยี่ยก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งตามหลังเขามา เสียงที่ยิ่งใหญ่

 

 

จะเสียเวลาสนใจอะไรอีกไม่ได้ รีบกระโดดขึ้นไปบนแพไม้ไผ่ที่องค์หญิงทั่นเกอดึงออกมา วั่งไฉเคยนั่งบนแพไม้ไผ่ที่แม่น้ำตงหยาง เมื่อเห็นแพไม้ไผ่ มันก็ร้องด้วยความชอบใจและกระโดดขึ้นไปทันที พอขึ้นมาก็นอนลงราวกับรอให้พวกเสี่ยวยาเกาท้องให้ตัวเอง

 

 

องค์หญิงทั่นเกอผลักแพไม้ไผ่ลงไปในแม่น้ำอย่างแรง แล้วตัวเองก็กระโดดขึ้นไปบนฝั่ง ถือกระบอกไม้ไผ่ขนาดใหญ่วิ่งขึ้นไปบนถนน…

 

 

อวิ๋นเยี่ยได้ยินเสียงคนร้อง แต่เขากลับไม่กล้าหยุด กลับไปที่ฝั่งตอนนี้นอกจากไปตายกับทั่นเกอ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร กัดฟันพายแพไม้ไผ่ไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต

 

 

โต้วเยี่ยนซานสวมชุดเกราะหนังปรากฏตัวขึ้นที่ริมแม่น้ำ ตะโกนบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “อวิ๋นโหว หากเจ้ายังเป็นห่วงชีวิตของทั่นเกอ เจ้าก็พายแพกลับมา มิเช่นนั้นข้าจะตัดหัวของนางทันที”

 

 

ได้ยินเช่นนี้ อวิ๋นเยี่ยก็หันหลับไปมอง หน้าอกของเขารู้สึกอึดอัดขึ้นมา ทั่นเกอถูกผู้ชายร่างใหญ่สองคนจับอยู่บนฝั่ง ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยลูกธนู ก้มหัวลงราวกับคนตายทั้งเป็น

 

 

ขณะที่อวิ๋นเยี่ยกำลังจะตัดสินใจ อยู่ๆ องค์หญิงทั่นเกอก็เงยหน้าขึ้นมา หัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะราวกับเสียงกระดิ่งดังก้องไปทั่วหุบเขา “ข้าเป็นลูกสาวของป่าเขาแห่งนี้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสุนัขต้าถังอย่างพวกเจ้า!”

 

 

อวิ๋นเยี่ยนั่งลงบนแพไม้ไผ่ มองดูทั่นเกออ้าปากกัดที่คอของชายร่างใหญ่คนนั้น ปลายมีดที่เปื้อนเลือดก็โผล่ออกมาจากหน้าอกของนาง

 

 

ทั่นเกอกอดชายร่างใหญ่ กดล้มลงกับพื้นราวกับคู่รักที่แสนหวาน โต้วเยี่ยนซานที่โมโหถือมีดขึ้นมาตัดหัวของทั่นเกอ หัวของนางกลิ้งลงไปในแม่น้ำราวกับลูกบอล

 

 

อวิ๋นเยี่ยกอดวั่งไฉร้องไห้ ราวกับเด็กน้อยที่ทำอะไรไม่ได้…

 

 

ลูกธนูตกลงมาที่แม่น้ำราวกับเม็ดฝน อวิ๋นเยี่ยลืมที่จะหลบ แล้วก็ไม่ได้หยิบโล่ไม้ไผ่ที่ทั่นเกอเตรียมไว้ให้ออกมาบัง ปล่อยให้แพไม้ไผ่พาเขาไหลไปตามแม่น้ำ

 

 

มีควันสีดำลอยขึ้นมาจากทางด้านหลังโต้วเยี่ยนซาน อวิ๋นเยี่ยรู้ว่านั่นเป็นฝีมือของพวกชาวบ้าน

 

 

โต้วเยี่ยนซานยิงลูกธนูลูกสุดท้ายขอเขาออกมา ธนูลูกนั้นพึ่งจะออกไปถึงกลางแม่น้ำก็หมดเรี่ยวแรง ตกลงมาตามสายลม ตกลงบนแพไม้ไผ่พร้อมกับส่งเสียงดัง มันไม่ได้ตอกลงไปกับไม้ไผ่ แต่มันเด้งขึ้นมาตกลงบนมือของอวิ๋นเยี่ย

 

 

เขาหยิบลูกธนูขึ้นมา หักตรงกลางแลเวเอาหางธนูทิ้งไป เก็บหัวธนูไว้ในแขนเสื้อของตัวเอง สักวันหนึ่งในอนาคตลูกธนูอันนี้อาจจะได้แทงเข้าไปที่หน้าอกของโต้วเยี่ยนซาน

 

 

โต้วเยี่ยนซานไม่ตามมาต่ออีกแล้ว อันที่จริงหากไล่ตามริมฝั่งแม่น้ำมาเรื่อยๆ เขาอาจจะไล่ตามอวิ๋นเยี่ยกลับมาได้ แต่เสียงการต่อสู้ที่อยู่ข้างหลังของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะแม่ทัพเขาจะหนีออกจากตำแหน่งบัญชาการไม่ได้ เขาไม่เสียเวลาอีก ควบม้าวิ่งกลับเข้าไปยังที่ที่ควันพวยพุ่งออกมา

 

 

ในหุบเขาราวกับยังคงมีเสียงของทั่นเกอ อวิ๋นเยี่ยฟังอย่างตั้งใจ เขาอยากจะจดจำเสียงอันไพเราะนี้ไว้ ตัวเองติดหนี้ชีวิตคนแคว้นหนานจ้าวแล้ว

 

 

ที่จริงแล้วเขาเป็นคนทำลายอาณาจักรทั่นเกอด้วยมือของเขาเอง ถ้าเขาไม่ปล่อยทองคำที่เป็นปีศาจกลืนกินชีวิตคนออกมา พวกทั่นเกอก็อาจจะไม่ต้องตาย ถึงแม้ว่าชีวิตจะยากลำบาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องตาย โต้วเยี่ยนซานต้องการตั้งหลักปักฐานอยู่ที่แคว้นหนานจ้าว เขาก็คงจะไม่ฆ่าทาสทั้งหมดของตัวเอง

 

 

โต้วเยี่ยนซานต้องมีจุดจบที่ไม่ดีเป็นแน่ คนอย่างชวีจั๋วเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนของเขา แล้วยังเป็นถึงผู้ดูแล จะต้องมีสายลับของหน่วยข่าวกรองอยู่รอบกายโต้วเยี่ยนซานจำนวนไม่น้อย

 

 

ถ้าหลี่ซื่อหมินสามารถเข้าใจความหมายที่อวิ๋นเยี่ยทิ้งไว้ บางทีทหารที่มาทีหลังพวกนั้นอาจจะเป็นทหารของต้าถังทั้งหมด นี่คือการคาดเดาของอวิ๋นเยี่ย การคาดเดาที่ดีที่สุดของอวิ๋นเยี่ย แต่ว่าโต้วเยี่ยนซาน เจ้าอย่าได้มาตายด้วยน้ำมือของหลี่ซื่อหมิน เจ้าต้องหลบหนีให้พ้นจากน้ำมือของหลี่ซื่อหมิน มิเช่นนั้น อีกร้อยปีในอนาคตเขาจะเผชิญกับวิญญาณที่ตายไปของทั่นเกอได้เช่นไร