การที่ผู้นำตระกูลซันและผู้นำตระกูลเฉิน อาศัยเรื่องการสอบถามสถานที่ประลองยุทธมาเป็นข้ออ้างในการเข้ามาสองส่องตระกูลหลิงเช่นนี้ หากเป็นผู้อื่นคงจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาเช่นใด แต่สำหรับหลิงหยุนนั้น เขาสามารถหาวิธีจัดการแก้ไขได้ จนทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องขี้ประติ๋วได้..
ฐานะของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นใครๆย่อมรู้จักและเกรงขาม เพราะนอกจากเขาจะเป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูลเฉินแล้ว เขายังเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจของหน่วยนภาอีกด้วย!
ส่วนเฉินไห่เผิงนั้นก็เป็นถึงผู้นำตระกูลเฉินคนปัจจุบันซันเจิ้นหวู่เองก็เป็นถึงผู้นำตระกูลซันคนปัจจุบันเช่นกัน และแม้แต่ซันเทียนหลัวก็ยังมีสถานะเป็นว่าที่ผู้นำตระกูลซันอีกด้วย..
ความจริงแล้วเพียงแค่มารับฟังสถานที่สำหรับการประลองนั้นทั้งสองตระกูลสามารถส่งผู้ใดมาแทนก็ได้ แต่ในเมื่อทั้งสี่คนมาด้วยตัวเองเช่นนี้ อย่างน้อยๆตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตระกูลหลิงก็ควรจะส่งคนระดับหลิงลี่ หรือว่าหลิงเย่วออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง..
แต่ในเมื่อวันนี้ผู้นำตระกูลหลิงคือหลิงหยุนหน้าที่ในการตัดสินใจเรื่องราวต่างๆภายในตระกูลหลิง จึงตกเป็นของหลิงหยุนผู้ไม่เคยอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ใดๆ!
อย่าลืมว่านี่คือการประลองที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน!หากฝ่ายใดพ่ายแพ้ ย่อมหมายถึงว่าตระกูลของตนนั้นต้องสิ้นชื่อ และสาบสูญไปจากประเทศนี้ด้วย!
ในเมื่อหลิงหยุนรู้จุดประสงค์ของผู้มาเป็นอย่างดีมีหรือที่จะยอมปล่อยให้คนเหล่านี้เข้ามาภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิงได้ แต่ไม่เพียงไม่ยินยอม หลิงหยุนยังแก้เผ็ดทั้งสี่คนด้วยการให้คนเฝ้าประตูต้อนรับแทน และให้ยายขายผักเป็นผู้ส่งแผนที่สนามประลองให้..
และที่หลิงหยุนจงใจฉีกหน้าคนทั้งสี่ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า.. ตามกฏกติกานั้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลงมือกับฝ่ายตรงข้ามก่อนถึงวันประลอง ฝ่ายนั้นจะต้องถูกปรับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปโดยปริยาย..
อีกทั้งหลิงหยุนเองก็ไม่ได้หวาดกลัวคนทั้งสี่เลยแม้แต่น้อยหากคนเหล่านั้นบันดาลโทสะจนคิดที่จะลงมือกับคนของตระกูลหลิง ย่อมเท่ากับหลงกลหลิงหยุน และหลิงหยุนเองก็คงไม่รีรอที่จะออกไปสังหารพวกมันทันทีเช่นกัน!
ในเมื่อพวกเจ้ามาที่นี่เพราะต้องการสอบถามเรื่องสถานที่ประลอง..ข้าก็ได้มอบให้เจ้าแล้วยังไงเล่า!
และแน่นอนว่าถึงแม้ทั้งสี่คนจะเดือดดาลอย่างมากจนถึงกับยืนร่างกายสั่นเทิ้มอยู่ที่หน้าประตูแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะลงมือกับคนของตระกูลหลิง และได้แต่ยืนข่มความโมโหด้วยใบหน้าที่แดงก่ำอยู่เช่นนั้น!
และการที่หลิงหยุนเลือกวิธีบอกสถานที่ประลองกับทั้งสองตระกูลเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการประกาศว่าตระกูลเฉิน และตระกูลซันไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย!
“หึ..”
เฉินจิ้นเฉวียนทำเสียงขึ้นจมูกด้วยความไม่พอใจและหลังจากที่ข่มความโกรธในใจลงได้แล้ว เขาจึงร้องบอกเฉินไห่เผิงว่า
“ไห่เผิง..ส่งแผนที่นั่นมาให้ข้า!”
เฉินจิ้งเฉวียนคลี่แผนที่ในมือออกดูก็พบสัญลักษณ์สีแดงเด่นชัดอยู่บนแผนที่ และสัญลักษณ์สีแดงนั้นก็ระบุตำแหน่งของหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งล้อมรอบด้วยเขาสูงห้าลูกในบริเวณรอยตัดของเขาหยุนเหมิง กับเขาหลงหยุนนั่นเอง..
แต่ถึงแม้ว่าสัญลักษณ์สีแดงจะระบุสถานที่ประลองไว้อย่างเด่นชัดแล้วแต่ตัวหนังสือที่เขียนอยู่บนแผ่นกระดาษนั้นกลับเด่นชัดเสียยิ่งกว่า..
–สามวันให้หลัง..ที่นี่จะเป็นหลุมฝังศพคนตระกูลซัน และคนตระกูลเฉิน!-
“หึ!หลิงหยุน.. เจ้าจะจองหอง และโอหังมากเกินไปแล้ว!”
ทันทีที่ได้เห็นตัวอักษรสีแดงประโยคนั้นเฉินจิ้งเฉวียนก็ถึงกับร้องคำรามออกมาด้วยความโมโหโทโสอีกครั้ง!
เมื่อเฉินไห่เผิงซันเจิ้นหวู่ และซันเทียนหลัวเห็นอาการของเฉินจิ้งเฉวียน จึงรีบชะโงกหน้าเข้าไปอ่านข้อความในแผ่นกระดาษ และทุกคนต่างก็กัดฟันกรอดด้วยความโกรธเช่นกัน!
และจู่ๆเฉินจิ้งเฉวียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะร้องตะโกนถามออกไปเสียงดัง “หลิงหยุน.. เจ้าเด็กเมื่อวานซืน! ตระกูลเฉินของข้าอุตส่าห์ให้หน้าตระกูลหลิงด้วยการเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้ากลับหดหัว และหลบเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับข้า เจ้าทำเช่นนี้ด้วยเหตุผลใดกัน!”
แต่ยังไม่ทันที่เฉินจิ้งเฉวียนจะพูดจบประโยคดีเสียงร้องตะโกนก็ดังสวนกลับออกมาทันที “ตระกูลหลิงไม่ได้ต้องการให้เจ้าให้หน้า.. ในเมื่อพวกเจ้าได้แผนที่แล้ว ก็รีบๆกลับไปได้! อ่อ.. ทันทีที่พวกเจ้ากลับไปถึงบ้าน ก็อย่าลืมไปจัดเตรียมโลงศพให้พร้อมด้วยล่ะ ประเดี๋ยวจะไม่ทันการ!”
และแน่นอนว่าคำพูดที่คมกริบและสามารถเชือดเฉือนใจคนได้นี้ จะเป็นของผู้ใดไปไม่ได้ นอกจากหลิงหยุนเท่านั้น!
“นี่เจ้า!!”
ระหว่างที่เฉินจิ้งเฉวียนกำลังจะอ้าปากโต้เถียงกับหลิงหยุนต่อนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนพูดดังขึ้นจากด้านหลังตนเอง..
“อ้าว..อาวุโสเฉิน ผู้ใดทำให้ท่านโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้”
เฉินจิ้งเฉวียนถูกหลิงหยุนยั่วยุให้โกรธจนแม้กระทั่งมีคนเข้าใกล้ตัวในระยะสองฟุต เขากลับยังไม่รู้ตัว!
“หลงฮ่าวเฉียงงั้นรึนี่ท่านมาทำอะไรที่นี่งั้นรึ?”
เมื่อหันหลังไปมอง..เฉินจิ้งเฉวียนก็เห็นชายร่างผอมบางอายุราวสี่สิบปี คิ้วทั้งสองข้างบนใบหน้าหนาเข้ม สวมชุดในแบบจีนโบราณเดินส่ายอาดๆเข้ามา พร้อมกับเอ่ยทักทายตนเองด้วยน้ำเสียงขบขัน..
และคนผู้นี้ก็คือลูกพี่ลูกน้องของหลงฮ่าวหลานผู้นำตระกูลหลงคนปัจจุบันนั่นเองและเวลานี้หลงฮ่าวเฉียงก็เหลืออีกเพียงแค่ครึ่งระดับก็จะสามารถขึ้นสู่ขั้นเซียงเทียน-9 ได้แล้ว..
หลังจากทักทายเฉินจิ้งเฉวียนแล้วหลงฮ่าวเฉียงก็เหลือบมองไปทางซันเจิ้นหวู่ กับซันเทียนหลัวพร้อมกับเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ตระกูลซันกับตระกูลเฉินตัดสินใจประลองกับตระกูลหลิงในครั้งนี้นับว่าสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับปักกิ่งอย่างมากเลยทีเดียว!”
“วันนี้ข้ามาเป็นตัวแทนตระกูลหลงเพื่อเจรจา และพยายามทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก และทำให้เรื่องเล็กมลายหายไป..”
หลงฮ่าวเฉียงตอบเฉินจิ้งเฉวียนไปตามตรงและในเมื่ออยู่ต่อหน้าคนสำคัญของทั้งสองตระกูลเช่นนี้ เหตุใดหลงฮ่าวเฉียงจะไม่พูดจายกตนให้มีความสำคัญเล่า..
เฉินจิ้งเฉวียนได้ฟังคำพูดของหลงฮ่าวเฉียงก็ถึงกับหันไปมองหน้าซันเจิ้นหวู่ทันที!
ทั้งสองคนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า..ตระกูลหลงคิดจะยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆอย่างนั้นหรือ
หลังจากหายแปลกใจแล้วเฉินจิ้งเฉวียนก็หันไปมองซันเจิ้นหวู่พร้อมกับยิ้มหยัน ก่อนจะยื่นแผนที่ในมือให้กับหลงฮ่าวเฉียง และพูดขึ้นว่า..
“หึ..ในเมื่อท่านบอกว่าป็นตัวแทนจากตระกูลหลงมายุติการประลอง ก็จงดูกระดาษแผ่นนี้ให้เห็นด้วยตาตัวเอง!”
เฉินจิ้งเฉวียนพยายามที่จะเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหลิงแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ในเมื่อเวลานี้หลงฮ่าวเฉียงมาได้จังหวะเช่นนี้ เขาจึงอยากจะรู้ว่าหลงฮ่าวเฉียงจะมีปัญญาทำให้คนตระกูลหลิงปรากฏตัวได้หรือไม่ หลังจากหลงฮ่าวเฉียงเปิดแผนที่ออกดูสีหน้าของเขาก็ถึงกับเปลี่ยนไปทันที!
“ใครเป็นเขียนแผนที่ฉบับนี้ขึ้นกันเหตุใดจึงกล้ายะโสโอหังเช่นนี้?!”
และเช่นเดียวกัน..ยังไม่ทันที่หลงฮ่าวเฉียงจะพูดจบดี เสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้นทั่วทั้งคฤหาสน์ตระกูลหลิง..
“ข้าเป็นผู้เขียนเองล่ะเจ้าหนู..มีอะไรงั้นรึ”
“ว่าแต่สุนัขขี้เรื้อนที่ใหนกันที่กล้ามาวิ่งผ่านหน้าประตูบ้านตระกูลหลิงของข้าเช่นนี้”
หลิงหยุนเห็นหลงฮ่าวเฉียงปรากกฏตัวเช่นนี้จึงได้ชวนหลิงเย่ว และเหล่ากุ่ยออกไปดูด้วยตัวเอง เพราะนอกเหนือจากหลงเทียนเจียว และหลงเทียนยู่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้พบคนตระกูลหลงในปักกิ่ง หลิงหยุนจึงต้องการออกไปดูหน้าหลงฮ่าวเฉียงสักหน่อย!
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
เฉินจิ้งเฉวียนถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกับร้องตะโกนบอกหลงฮ่าวเฉียง “หลงฮ่าวเฉียง.. ท่านได้ยินหรือไม่ ดูเหมือนตระกูลหลิงจะไม่ต้อนรับท่าน และยังเรียกท่านว่าสุนัขขี้เรื้อนด้วย.. นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่าตระกูลหลิงไม่ได้เห็นตระกูลหลงของท่านอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย!”
เฉินจิ้งเฉวียนสบโอกาสที่จะลากตระกูลหลงให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้จึงรีบฉวยไว้ทันที และตราบใดที่ตระกูลหลงโกรธจนต้องลงมือด้วยตัวเอง การประลองในครั้งนี้ตระกูลหลิงย่อมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“ผู้ใดกันที่บังอาจพูดจากับข้าซึ่งเป็นคนตระกูลหลงเช่นนี้เจ้าอยากตายมากนักรึ?”
และแน่นอนว่าหลงฮ่าวเฉียงย่อมต้องกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยทีเดียว!
เพียะ!เพียะ!
แต่ยังไม่ทันไร..เสียงคล้ายคนถูกตบหน้าก็ดังขึ้นถึงสองครั้ง ด้วยสัญชาติญาณหลงฮ่าวเฉียงยกมือขึ้นปัดป้อง แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นรวดเร็วจนเกินไป!
“เจ้ากล้ามาสามหาวถึงบ้านตระกูลหลิงเช่นนี้เจ้าต่างหากที่มารนหาที่ตาย!”
หลังจากที่หลิงหยุนจัดการตบหน้าหลงฮ่าวเฉียงแล้วเขาก็ใช้มังกรคำรามเย้ยหยันอย่างไม่นึกเกรงกลัว จากนั้นจึงใช้เท้าเตะเข้าไปที่หัวเข่าข้างซ้ายของหลงฮ่าวเฉียงอย่างรุนแรง..
หลังจากที่รอคอยการมาถึงของหลงฮ่าวเฉียงอีกครั้งยังไม่ทันที่จะได้พบหน้าคร่าตากัน หลิงหยุนก็จัดการตบหน้าเขาถึงสองครั้ง และหักขาไปหนึ่งข้าง!
จากนั้นหลิงหยุนก็เตะเข้าที่เข่าและขาของหลงฮ่าวเฉียงอย่างแรง..
“โอ๊ย!!”
หลงฮ่าวเฉียงถูกหลิงหยุนตบหน้าและเตะเข้าที่ขาข้างซ้ายจนหัก จึงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับร่วงลงไปกองกับพื้นทันที! แต่ยังไม่ทันไร..เท้าของหลิงหยุนก็พุ่งเข้าใส่ขาข้างขวาของหลงฮ่าวเฉียงอีกเป็นครั้งที่สอง และเสียงกระดูกหักกร๊อบก็ดังขึ้นทันที!
ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาที่รวดเร็วยิ่งนักและนอกจากเฉินจิ้งเฉวียนแล้ว คนอื่นๆในที่นั้นก็ไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วนี้ของหลิงหยุนได้..
เฉินจิ้งเฉวียนที่เห็นว่าหลิงหยุนทำอะไรกับหลงฮ่าวเฉียงบ้างนั้นก็ถึงกับตกใจจนแทบอ้าปากค้าง!
หลิงหยุนกล้าตบหน้าและหักขาทั้งสองข้างของคนตระกูลหลงเชียวหรือนี่
นี่..นี่มันเป็นวันที่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรืออย่างไรกัน!
ทั้งเฉินจิ้งเฉวียนซันเจิ้นหวู่ เฉินไห่เผิง ซันเทียนหลัว และคนอื่นๆที่มาคอยสืบข่าวอยู่ด้านนอก ต่างก็ได้แต่ตกตะลึง และตกใจเป็นที่สุด! อย่าว่าแต่คนนอกที่ตกอกตกใจและคิดไม่ถึง! เพราะแม้แต่หลิงเย่วกับเหล่ากุ่ยที่เดินตามมาติดๆนั้น ก็ถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน!
และตัวเหล่ากุ่ยเองก็ถึงกับเข่าอ่อนและแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น!
‘นี่หลงฮ่าวเฉียงถูกหักขาทั้งสองข้างจริงๆงั้นรึ!’
หลิงอี๋และหลิงชีที่ยืนอยู่หน้าประตูได้แต่แอบคิดอยู่ในใจและทำได้เพียงแค่ขยี้ตา พร้อมกับจ้องมองภาพที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่พวกตนเห็นนั้นมันคือเรื่องจริง.. ไม่ใช่ความฝัน!
“นี่ผู้นำตระกูล..ไม่.. ไม่กลัวตระกูลหลงจริงๆหรือนี่”
นักรบตระกูลหลิงทั้งสองต่างก็ยืนอ้าปากค้างและหลังจากที่ตั้งสติได้ ก็ทำได้เพียงแค่พึมพำออกมาเสียงเบา..
แต่ในเวลานั้นเอง..ก็มียอดฝีมือที่อยู่ห่างไกลออกไป กระโดดเข้าไปยืนขวางหน้าหลงฮ่าวเฉียงไว้ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้หลิงหยุนลงมือกับเขาซ้ำได้อีกครั้ง!
และทั้งคู่ก็คือคนที่ตระกูลหลงส่งมาสืบข่าวคราวนั่นเองยอดฝีมือทั้งสองคนที่เพิ่งมานั้นอยู่ในขั้นเซียงเทียน-6 หลังจากที่หายจากอาการตกตะลึง ก็รีบเผยตัวออกจากที่ซ่อน และกระโดดเข้าไปขวางไว้ทันที..
หลิงหยุนเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่ลงมือกับหลงฮ่าวเฉียงซ้ำอยู่แล้วเขาจึงได้แต่ยืนยิ้มอย่างสงบ พร้อมกับจ้องมองหลงฮ่าวเฉียงที่นอนกรีดร้องอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด!
“คนแซ่หลง..เจ้าคิดที่จะข่มขู่ตระกูลหลิงของข้า เจ้ายังมีฝีมือไม่ถึงขั้น!”
“เมื่อวานที่เจ้าสามารถมาวางอำนาจในบ้านตระกูลหลิงได้นั้นก็เพราะข้าไม่อยู่ต่างหากเล่า หากข้าอยู่ ขาทั้งสองข้างของเจ้าคงจะถูกหักไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว!”
“ข้าขอบอกกับเจ้าอีกครั้งว่า..การประลองระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลเฉินและตระกูลซันนั้น ไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลหลงเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการ!”
“แล้วเจ้ามาทางไหนก็เชิญกลับไปทางนั้นได้เลย!”
“หลังจากที่เจ้ากลับไปถึงตระกูลหลงแล้ว..ก็ไปบอกกับหลงฮ่าวหลานแทนข้าด้วยว่า นับแต่นี้ต่อไปหากตระกูลหลงจะทำดีกับตระกูลหลิง ก็อย่าได้ลำเลิกบุญญคุณอีก!”
“แล้วก็อย่าได้ข่มเหงตระกูลหลิงของข้าอีกเป็นอันขาด!”
ไม่เพียงเท่านั้น..หลิงหยุนยังประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่า หากหลงฮ่าวหลานยังบังอาจข่มเหงตระกูลหลิงอีก จะต้องมีสภาพเช่นเดียวกับหลงฮ่าวเฉียงในวันนี้!
หลงฮ่าวเฉียงถึงกับนิ่งอึ้งและหน้าเสียด้วยความอับอาย..
ความห้าวหาญและไม่เกรงกลัวผู้ใดของหลิงหยุนแม้แต่ตระกูลหลงนั้น เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของคนตระกูลซัน และตระกูลเฉินก่อนที่จะถึงวันประลองในอีกไม่กี่วัน!
เวลานี้คำถามของทุกคนที่อยู่ในเหตุกาณ์ก็คือ..หลิงหยุนไม่หวาดกลัวตระกูลหลงเลยอย่างนั้นหรือ และแน่นอนว่าหากหลิงหยุนหวาดกลัว เขาก็คงไม่เดินทางมาปักกิ่งเป็นแน่!
แม้กระทั่งทัณฑ์สวรรค์ที่น่ากลัวยิ่งนักหลิงหยุนก็เคยเผชิญมาแล้ว มีหรือที่เขาจะหวาดกลัวเพียงแค่ตระกูลหลง! ตระกูลหลงจะแข็งแกร่งไปกว่าเมฆาเก้าสีอย่างนั้นหรือ แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไปได้!
…….
เฉินจิ้งเฉวียนได้แต่คิดในใจว่า..ตระกูลหลิงกล้าปล่อยให้เด็กหนุ่มเลือดร้อนเช่นหลิงหยุน ขึ้นมารับตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ ในที่สุดเขาก็ทำผิดพลาดครั้งใหญ่จนได้!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น..เฉินจิ้งเฉวียนก็รีบกระโดดไปยืนข้างหลงฮ่าวเฉียงทันที พร้อมกับโน้มตัวลงไปถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “หลงฮ่าวเฉียง..นี่ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่”
จากนั้นจึงแสร้งร้องตะโกนเรียกเฉินไห่เผิง“ไห่เผิง.. เจ้ายืนนิ่งทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบมาช่วยคนเจ็บอีกรึ!”
ในเมื่อตระกูลหลิงจงใจเป็นปรปักษ์กับตระกูลหลงเช่นนี้ตระกูลเฉินย่อมต้องฉวยโอกาสอันดีนี้แสดงตัวอยู่ข้างตระกูลหลง!
‘หึ..เฒ่าเจ้าเล่ห์นี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี คิดจะฉวยโอกาสนี้สร้างพันธมิตรกับตระกูลหลงสินะ!
หลิงหยุนเห็นท่าทางเสแสร้งของเฉินจิ้งเฉวียนเขาก็รู้ทันทีว่าเฉินจิ้งเฉวียนกำลังคิดอ่านเช่นใด
และในเวลานั้นเอง..ร่างของหลิงลี่ก็มายืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหลิงอีกคน!
ความจริงแล้วหลิงลี่กำลังนั่งคุยกับต่งซานชวนอยู่ภายในสวนด้านในแต่ก็ไม่ลืมที่จะคอยสอดส่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้าอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งได้ยินเสียงกรีดร้องของหลงฮ่าวหลาน หลิงลี่จึงไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้อีก และยิ่งเมื่อได้ยินเสียงพูดของหลิงหยุน เขาก็ตัดสินใจออกมาดูทันที แต่ทุกอย่างก็สายไปหนึ่งก้าวเสียแล้ว!
หลิงหยุนนั้นอะไรก็นับว่าดี..แต่มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้หลิงลี่เป็นกังวล นั่นก็คือความไม่สนใจกฏเกณฑ์ใดๆบนโลกใบนี้ของหลิงหยุน และการไม่เคยไว้หน้าใครของเขา เพราะไม่ว่าผู้ใดที่กล้าเข้ามาตอแยหลิงหยุน เขาจะตอบโต้กลับโดยไม่สนใจว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครมาจากใหน..
การที่ตระกูลหลงยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลหลิงเช่นนี้แม้แต่หลงฮ่าวหลานหลิงหยุนยังไม่เกรงกลัว มีหรือที่จะหวาดกลัวสวะอย่างหลงฮ่าวเฉียง!
–ท่านปู่..ท่านอย่าได้กังวลใจไป ข้าย่อมมีวิธีของข้า!- หลิงหยุนบอกหลิงลี่ผ่านทางกระแสจิต..
สำหรับหลิงหยุนแล้ว..หากเขาไม่ทำเช่นนี้ ตระกูลหลงก็คงจะไม่ล้มเลิกความคิดที่จะข่มเหงตระกูลหลิงอยู่ร่ำไป..
ตระกูลหลงนั้นแตกต่างจากตระกูลเฉินกับตระกูลซันตระกูลหลงคิดเสมอว่า พวกเขาจะพูด หรือสั่งคนตระกูลหลิงให้ทำเช่นใดก็ได้ และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลิงหยุนไม่สามารถยอมรับได้!
หลิงหยุนจำเป็นต้องเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิดเช่นนี้ของคนตระกูลหลง และครั้งนี้ก็นับเป็นโอกาสที่ดีที่สุด!
และการที่หลิงหยุนทำการเช่นนี้ก็ไม่ได้เพียงแค่ต้องการข่มขวัญตระกูลเฉินกับตระกูลซันเท่านั้น แต่ยังต้องการประกาศให้กับคนทั่วปักกิ่งได้รู้ว่า ตระกูลหลิงไม่ได้หวาดกลัวตระกูลหลงเลยแม้แต่น้อย..
และวิธีนี้รวมถึงการจัดการกับตระกูลเล็กที่มาก่อกวนเมื่อวานนี้ก็จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของผู้คนในปักกิ่งที่มีต่อตระกูลหลิงกลับคืนมาได้!
“หากพวกเจ้าทั้งสองอยากจะมีเรื่องกับข้าก็บุกเข้ามาได้เลยแต่หากไม่กล้า.. ก็รีบลากหลงฮ่าวเฉียงออกไปจากที่นี่เสีย!”
ยอดฝีมือทั้งสองคนต่างก็หันไปมองหน้ากันพร้อมกับถอนหายใจออกมาเพราะไม่กล้าบุกจู่โจมหลิงหยุน เพราะแม้แต่หลงฮ่าวหลานที่เก่งกว่าพวกเขายังถึงกับต้องมีสภาพเช่นนี้!
จากนั้นหลิงหยุนจึงเรียกจดหมายของตระกูลหลงออกมาและโยนใส่หน้าหลงฮ่าวเฉียงพรอ้มกับสั่งเสียงห้วน..
“นำของของเจ้ากลับไปด้วย!แล้วรีบกลับออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” novel-lucky
………..
แต่ในระหว่างนั้นเองก็มีขบวนรถมากมายที่กำลังแล่นตรงเข้ามายังคฤหาสน์ตระกูลหลิงและหลังจากใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูแล้ว หลิงหยุนจึงพบว่าเป็นคนของตระกูลเกา..
เกาจิ้นสงเกาซิงฉาง หลู่เจียวเฟิง เกาเทียนหลง และเกาเฉินเฉินนั่งมาด้วยกันในรถหรูคันยาว ในขณะที่มีรถขนของขนาดใหญ่อีกสามคันขับตามหลังมาด้วย และท้ายรถขนของก็มีสิ่งของอยู่มากมาย!
หลิงหยุนสังเกตเห็นว่าภายในรถขนของคันแรกนั้นบรรทุกเตียงขนาดใหญ่ไว้ด้านหลัง และเตียงหลังนี้ก็มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นผิวเป็นสีดำมัน และมีเสาสลักเป็นรูปมังกรหกต้น แต่ไม่เพียงเท่านั้น หลิงหยุนยังสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตรุนแรงที่แพร่กระจายออกมาอีกด้วย..
‘นี่จะต้องเป็นเตียงมังกรอย่างแน่นอน!’
คิดได้เช่นนี้หลิงหยุนก็ถึงกับตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก..
และเมื่อรถทั้งสี่คันเคลื่อนมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหลิงก็ค่อยๆ ชะลอตัวและหยุดลงในที่สุด จากนั้นเหล่าสมาชิกตระกูลเกาก็ค่อยๆ เดินลงมาจากรถ
เกาจิ้นสงเหลือบมองผู้คนที่อยู่บริเวณด้านหน้าและจ้องมองเฉินจิ้งเฉวียนและเฉินไห่เผิลอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันไปทางหลิงหยุน และหลิงลี่พร้อมกับพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี.. “ฮ่า..ฮ่า.. เฒ่าหลิง! ดูเหมือนวันนี้บ้านตระกูลหลิงจะคึกคัก แล้วก็ครึกครื้นมากทีเดียว!”
จากนั้นจึงประกาศเสียงดังว่า“เฒ่าหลิง.. วันนี้พวกเราตระกูลเกานำเอาเตียงมังกรมามอบให้กับตระกูลหลิง และต้องการจะเจรจาเรื่องการแต่งงานด้วย!”จักรพรรดิเทพมังกร –