บทที่ 2445 ลอบสังหาร 3
ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถอดแหวนวงนั้นออกมาวางไว้ในมือกู้ซีจิ่ว
“เจ้าก็ทำได้”
กู้ซีจิ่วรับแหวนวงนั้นมาลูบคลำดู มองไม่เห็นความพิเศษเลย จากนั้นก็ใช้เล็บมือกรีดลงไปบนตัวแหวน อย่าว่าแต่แกะสลักเลย แม้แต่รอยขีดข่วนสักรอยก็ไม่มีเหลืออยู่
เธอเงยหน้ามองเขา ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง ป้ายตัวยาชนิดหนึ่งลงบนแหวน รออยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยื่นให้เธอ
“เจ้าลองอีกทีสิ”
ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงลองอีกครั้ง ผลคือใช้เล็บแกะบุปผาน้อยๆ ดอกหนึ่งไว้บนแหวน…
กู้ซีจิ่วประหลาดใจ
“ยานั้นของเจ้าคืออะไร? ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้เพชรอ่อนลงได้…”
“นี่ไม่ใช่เพชรจริงๆ แต่คล้ายกับเพชร ถ้าไม่ชโลมตัวยานี้ มันจะไม่แตกต่างกับเพชรเลย ถ้าชโลมลงไป มันจะเผยตัวจริงออกมา”
ตี้ฝูอีอธิบาย
“เมื่อก่อนคิดจะเอาไว้สร้างความประหลาดใจให้เจ้า ไม่นึกเลยว่าจะถูกนำมาคลี่คลายวิกฤตในครั้งนี้”
ทั้งสองนั่งอยู่ตรงนั้นพูดคุยพลางกินเนื้อหงส์ครามไปด้วย
ภายใต้การยืนกรานของกู้ซีจิ่ว เนื้อหงส์ครามกว่าครึ่งจึงลงท้องตี้ฝูอีไป
เมื่อกินเสร็จ ตี้ฝูอีก็ให้กู้ซีจิ่วนั่งสมาธิ เขาจะคุ้มกันให้เธอ
กู้ซีจิ่วอยากให้เขานั่งสมาธิฟื้นฟูก่อน ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นผู้ป่วย แถมยังกินเข้าไปเยอะกว่าด้วย…
เมื่อก่อนตี้ฝูอีกินสิ่งนี้แล้วก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิด้วย แต่หนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายค่อนข้างร้อนรุ่น รู้สึกว่าเส้นเลือดปั่นป่วน…
นี้คือปฏิกิริยาตอบสนองปกติของการกินเนื้อหงส์คราม สาเหตุที่ครั้งนี้เขามีปฏิกิริยาน่าจะเป็นเพราะเมื่อก่อนมีพลังยุทธ์สูง กินหงส์ครามสักตัวจึงไม่มีผลอะไร เนื่องจากพลังวิญญาณในร่างเขาข่มฤทธิ์พลังวิญญาณจากเนื้อเอาไว้
ตอนนี้เขาสูญเสียพลังยุทธ์ไปมหาศาล กินสิ่งนี้เข้าไปจึงแสดงผลออกมาอย่างชัดเจน…
ตี้ฝูอีคำนวณดูครู่หนึ่ง คิดว่าหลังจากย่อยสลายเนื้อนี้แล้ว คงจะฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้ประมาณหนึ่งส่วนสิบ เช่นนั้นก็น่ายินดียิ่งนักแล้ว!
เขามองกู้ซีจิ่ว ใบหน้าเฉิดฉันของกู้ซีจิ่วแดงเรื่ออยู่บ้าง นางก็จำเป็นต้องนั่งสมาธิเหมือนกัน!
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดดึงนางให้นั่งลงไปเลย
“เด็กดี เจ้าทำก่อนเถอะ! พอเจ้าย่อยเสร็จข้าค่อยนั่งสมาธิก็ยังไม่สาย”
กู้ซีจิ่วเถียงเขาไม่ได้ จึงตอบตกลง
การโคจรเพื่อย่อยครั้งนี้ของเธอต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยาม ตี้ฝูอีกินโอสถมรรคาม่วงเข้าไปมากมายขนาดนั้นก็ยังไม่เป็นไร เนื้อหงส์ครามครึ่งตัวน่าจะไม่เป็นไรขึ้นไปใหญ่
อีกอย่างเนื้อหงส์ครามก็เป็นของเขา เขารู้หนักเบาดี ระยะเวลาครึ่งชั่วยามเขาน่าจะไม่เป็นไร
ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วจึงนั่งสมาธิ
ระยะเวลาการนั่งสมาธิของเธอไม่นาน ประมาณยี่สิบนาทีเท่านั้น ต่อมาจู่ๆ หัวใจก็กระสับกระส่ายขึ้นมา กระวนกระวายอย่างน่าประหลาด ราวกับมีอันตรายใหญ่หลวงอันใดอยู่เบื้องหน้า
เธอลืมตาขึ้นทันที สิ่งที่พบเป็นอย่างแรกคือในรถม้าของเธอมีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน! ถึงแม้คนผู้นั้นจะหันหลังให้เธอ แต่เธอมองแวบเดียวก็จำอีกฝ่ายได้แล้ว
เป็นอวิ๋นเยียนหลี!
ฝ่ามือเขามีลำแสงสีขาวที่คมกริบดุจมีด กำลังจะฟันลงบนกระหม่อมของตี้ฝูอี!
ส่วนตี้ฝูอีก็นั่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด อย่างไรก็ตามภายใต้ผิวพรรณที่เผยออกมาของเขามีเส้นเลือดปูดโปนกำลังเต้นตุบๆ อยู่ ราวกับมีงูตัวเล็กๆ กำลังเลื้อยอยู่ใต้ผิวหนังของเขา…
หยาดเหงื่อโชกใบหน้าและศีรษะของเขา ตัวคนอยู่ในสภาพสะลึมสะลือ นัยน์ตามองดูอวิ๋นเยียนหลีอย่างเยียบเย็น คล้ายอยากพูดอะไรทว่าพูดไม่ออก
เมื่อเห็นว่าฝ่ามือนี้ของเขากำลังจะฟาดลงไป กู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านหลังพลันเปิดปากขึ้นมา
“เจ้ามาทำอะไร?”
ฝ่ามือของอวิ๋นเยียนหลีชะงักทันที! ค่อยๆ หันกลับมา ฝืนยิ้มแล้วเอ่ย
“ซีจิ่ว…เจ้าตื่นแล้วหรือ?”
ไอสังหารในดวงตาเขายังเก็บไปไม่หมด ดังนั้นรอยยิ้มของเขาจึงทำให้คนพรั่นพรึงเช่นกัน…
กู้ซีจิ่วกลับคล้ายว่าไม่สังเกตเห็นอะไรเลย ส่งยิ้มกลับไปหาเขา
“ใช่แล้ว ในที่สุดก็ย่อยเนื้อหงส์ครามได้แล้ว อ่อ ใช่แล้ว เจ้ามาที่รถม้าของข้าทำไมหรือ? เอ๊ะ นี่เขาเป็นอะไรไป?!”
….
————————————————————————————-
บทที่ 2446 กองหนุนที่ทรงพลัง
อวิ๋นเยียนหลีนิ่งไปเล้กน้อยแล้วเอ่ยตอบ
“เขาน่าจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก ข้าได้ยินความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ก็เลยมาดู เมื่อกี้คิดจะรักษาให้เขาน่ะ”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” กู้ซีจิ่วไม่นึกคลางแคลงในวาจานี้ของเขา หลังจากเหลือบมองเขาแวบหนึ่งก็โผเข้าไปเบื้องหน้าตี้ฝูอี จับชีพจรเขาทันที หัวใจเต้นกระหน่ำ!
ไอวิญญาณในร่างตี้ฝูอีซัดถาโถมปานขุนเขาถล่มมหาสมุทรโยกคลอน ชีพจรของเขาบิดเบี้ยว อวัยวะภายในผิดแผกไปจากปกติ ราวกับพวกมันกำลังโยกย้ายสับเปลี่ยน…
ชัดเจนนัก เรื่องนี้ทำให้เขาทรมานอย่างยิ่ง ถึงแม้เขาจะพยายามอดทนอย่างสุดกำลัง แต่อาภรณ์ที่ชุ่มเหงื่อก็เปิดโปงสถานการณ์นี้ของเขาออกมา
หัวใจกู้ซีจิ่วไหวสะท้านเล็กน้อย
นี่น่าจะเป็น ‘ผลงาน’ ของโอสถมรรคาม่วงเหล่านั้น!
นึกไม่ถึงว่าจะมาเกิดปฏิกิริยาขึ้นในยามนี้!
ปฏิกิริยามาล่าช้าขนาดนี้!
“เขาเป็นยังไงบ้าง?”
อวิ๋นเยียนหลีที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถาม คล้ายจะเป็นห่วงเช่นกัน จับจ้องใบหน้าของกู้ซีจิ่ว
“ไม่เป็นไร ธาตุไฟเข้าแทรกระหว่างที่ฝึกฝนเท่านั้น จัดการสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว คุณชายอวิ๋น เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะรักษาให้เขา”
กู้ซีจิ่วสงบนิ่งยิ่งนัก ไม่ปล่อยให้อวิ๋นเยียนหลีมองเบาะแสออก
ทว่าอวิ๋นเยียนหลีกลับหลอกไม่ได้ง่ายดานปานนั้น แววตาเขาคุโชนอยู่ไม่กี่ครา นั่งลงตรงข้ามตี้ฝูอีทันที
“ซีจิ่ว ข้าเชี่ยวชาญการจัดระเบียบชีพจรที่สุด ให้ข้ารักษาเขาเถอะ”
ยื่นมือไปหมายจะจับข้อมือของตี้ฝูอี…
เขาอยากดูว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรกันแน่ เขาก็พอรู้วิชาแพทย์เช่นกัน
กลับคาดไม่ถึงว่ายังไม่ทันแตะโดนข้อมือของตี้ฝูอีก็ถูกแสงสีรุ้งที่โผล่ขึ้นมากะทันหันของอีกฝ่ายดีดสะท้อนกลับไป
แรงสะท้อนนั้นแกร่งกล้ายิ่ง ถ้าวรยุทธ์ต้อยต่ำเกรงว่าคงโดนดีดปลิวไปทันที
ต่อให้เป็นอวิ๋นเยียนหลี ก็ยังถูกดีดร่างซวนเซไปเช่นกัน
ฝ่ามือเขาราวกับถูกไฟดูด ทั้งเจ็บทั้งชา มองตี้ฝูอีอย่างตกตะลึงและโกรธเคือง
“คุณชายฝูอีทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ข้าแค่จะรักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านเท่านั้น”
ตี้ฝูอีหน้าซีดเผือด เหงื่อเย็นเฉียบไหลลงมาจากหน้าผาก ทว่าสีหน้ากลับหนักแน่นดุจขุนเขา ท่านั่งราวกับพุทธองค์ เขาหลุบตาลง เอ่ยเพียงสองคำ
“ออกไป!”
“คุณชายอวิ๋น เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
กู้ซีจิ่วก็ออกปากไล่คนแล้วเช่นกัน
แววตาอวิ๋นเยียนหลีวูบไหวเล็กน้อย
“ก็ได้ ข้าจะอยู่ข้างนอก มีอะไรก็เรียกข้านะ”
เขาเลิกม่านรถแล้วก้าวออกไป
ทันทีที่เขาออกไป ร่างกายตี้ฝูอีก็อ่อนยวบลงไป ทรุดอยู่ในอ้อมแขนกู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วจับมือเขาไว้ พบว่าฝ่ามือเขาเย็นเฉียบ เหงื่อชุ่มฝ่ามือ
“ข้าจะพาเจ้าหนี!”
กู้ซีจิ่วข่มอารมณ์ไม่อยู่แล้ว
เดิมทีพวกเขาก็อยู่ในถ้ำเสือรังจิ้งจอกอยู่แล้ว ตอนนี้เขายังมีอาการแบบนี้อีก…
“ไม่ ตอนนี้ไม่ได้…”
ตี้ฝูอีฝืนเปิดปากพูด
“อวิ๋นเยียนหลีติดตั้งเขตแดนสกัดการเคลื่อนย้ายของเจ้าไว้นอกรถแล้วแน่นอน…”
เมื่อนางพาเขาหนี อวิ๋นเยียนหลีก็จะนึกสงสัย ต้องไล่ล่าตามสังหารแน่นอน…
คนของเขามีอยู่ทั่วแผ่นดิน ซ้ำยังมีวรยุทธ์สูง เกรงว่าเขากับนางหนีไปได้ไม่ไกลก็คงถูกเขาพบตัวแล้ว…
พอถึงเวลานั้นตี้ฝูอีจะประสบเคราะห์ร้ายมากกว่าดีแล้ว…
กู้ซีจิ่วสูดหายใจลึกๆ
“เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”
เธอจับมือเขาไว้
“ข้าจะรักษาให้เจ้าก่อน!”
“ไม่ทันแล้ว!”
ตี้ฝูอีหอบหนักกว่าเดิม วิชาแพทย์ของเขาก็เลิศล้ำเช่นกัน ย่อมทราบดีว่าสภาพของตนในตอนนี้ไม่สามารถรักษาให้หายดีในชั่วขณะได้…
เขาหยิบขลุ่ยเลาหนึ่งออกมาจากร่าง
“เจ้าบรรเลงบทเพลงเก้าวิถีสวรรค์ได้ไหม?”
‘เก้าวิถีสวรรค์’ เป็นบทเพลงทำนองโบราณของยุคสมัยใหม่ กู้ซีจิ่วบรรเลงเป็นพอดี
“ได้!”
ตี้ฝูอีถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เจ้าออกไปบรรเลงเพลงนี้นอกรถ แล้วกองหนุนจะมาเอง…”
ที่แท้เขาก็เหลือหนทางถอยเช่นนี้เอาไว้แล้ว หัวใจที่หดเกร็งอยู่ตลอดของกู้ซีจิ่วค่อยๆ ผ่อนคลายลง