ตอนที่ 676: เมฆสีรุ้ง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 676: เมฆสีรุ้ง

กับหมู่เมฆและรุ้งที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ดวงอาทิตย์กำลังสาดแสงแรงกล้ากลับถูกบดบังเหนือพื้นที่ด้านล่างอย่างสิ้นเชิง ท้องฟ้าเหนืออาณาจักรเกอซุนถูกปิดกั้นจากแสงแดดอย่างสิ้นเชิง แต่ทว่าแสงจ้าส่องผ่านเมฆสีรุ้ง ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นสัญลักษณ์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่พื้นที่ทั้งหมดนั้นมันเต็มไปด้วยสีสันที่เหนือจินตนาการ

หยุดลงบนพื้นดิน ผู้คนในอาณาจักรก็หยุดนิ่ง ในเวลาไม่นานนัก ทุกคนต่างก็เริ่มที่จะพูดคุยกับเมฆที่ด้านบนซึ่งมีสีเข้มมาก ทุกคนนั้นไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และในทันใดนั้น ทั้งอาณาจักรต่างก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเกี่ยวกับเมฆสีรุ้ง

คนผู้หนึ่งกล่าวว่า เมฆสีรุ้งนั้นเป็นเครื่องหมายแห่งความปิติยินดี มันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสงบสุขและโชคลาภที่จะมาในอนาคต

อีกคนก็กล่าวว่าเมฆสีรุ้งนี้คือการปรากฏตัวของสมบัติล้ำค่า

บ้างก็กล่าวกันว่า เมฆสีรุ้งมันคือสัญญาณแห่งการปรากฏตัวของผู้แข็งแกร่งในโลก

ขณะที่อีกคนได้กล่าวว่า เมฆสีรุ้งนั้นเป็นสัญญาณเตือนแห่งการทำลายล้างทั้งทวีป มันเป็นพายุแห่งการทำลายล้างและการฆาตกรรม

แต่หากเมฆสีรุ้งได้เป็นสัญลักษณ์ที่อย่างน้อยทุกคนเห็นพ้องต้องกันโดยไม่ต้องสงสัยว่า บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้น และทุกคนที่เห็นมันจะได้รับผลกระทบจากมัน ข่าวเช่นนั้นก็จะกระจายออกจากอาณาจักรด้วยความเร็วอย่างรวดเร็ว

จากภูเขาฮัสฮานแห่งอาณาจักรเกอซุน เซียนสวรรค์ทั้งสามแห่งนิกายหัวหยุนต่างจ้องมองไปที่เมฆสีรุ้งด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและริมฝีปากที่ปิดสนิท

“ท่านผู้อาวุโส มันเกิดอะไรขึ้น ? เหตุใดเมฆเหล่านี้ถึงปรากฏเหนือหัวของเรา สิ่งนี้มันหมายความเช่นไร ? ” ซีหยาผู้ซึ่งพึ่งตัดผ่านขึ้นไปเป็นเซียนสวรรค์ถามด้วยความสับสน เขาก็สับสนมากเกี่ยวกับทำไมเมฆสีรุ้งเหล่านี้ก็ปรากฏขึ้น

ชายชราทั้งสองจ้องไปที่ซีหยา ก่อนที่จะจ้องขึ้นไปบนเมฆสีรุ้งอีกครา โดยไม่มีการตอบสนองที่เร็วพอ พวกเขาต่างพากันถอนหายใจด้วยความเสียใจ อิจฉาและชื่นชมบนใบหน้า

มีคนได้ตัดผ่านระดับ ดูเหมือนว่าทวีปเทียนหยวนมีเซียนผู้คุมกฏปรากฏขึ้นอีก 1 คนในตอนนี้ หนึ่งในผู้อาวุโสถอนหายใจ

ซีหยาตกใจมาก เซียนผู้คุมกฎคือการดำรงอยู่ที่ซีหยาไม่อาจคาดหวังที่จะเป็นได้ เขาอาจเข้าใจว่าเขาไม่อาจเข้าถึงขอบเขตดังกล่าว เนื่องจากการเป็นเซียนผู้คุมกฎนั้นยากยิ่งกว่าการเป็นเซียนสวรรค์ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขา

ผู้อาวุโสสูงสุดยังคงจ้องมองออกเป็นระยะทางที่เมฆสีรุ้งถูกแพร่กระจายมาจากอาณาจักร เขาพูดว่า เมฆสีรุ้งไม่ไกลเกินไปจากเรา ดูเหมือนจะมีเซียนผู้คุมกฎภายในอาณาจักรแล้ว

ข้ายอมรับ จากลักษณะของเมฆ เราควรจะอยู่ภายในรัศมีหมื่นกิโลเมตรของมัน ที่อยู่ใกล้มาก ตามความรู้ของเรา ไม่มีเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 ดังนั้นเป็นผู้ใดกันเล่า ?

ข้าเคยได้ยินว่าข่าวที่ว่ามีคนในตระกูลเจียงหยางได้กลายเป็นเซียนผู้คุมกฎ ในขณะที่ข้าไม่สามารถตรวจสอบความจริงของเรื่องนี้ได้ ข่าวลือนั้นรุนแรงมาก แม้ว่าเขายังไม่ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎ เขาอาจจะอยู่ไม่ไกลเกินไปจากมัน หากเขาเหลืออีกเพียงครึ่งก้าว เจ้าคิดว่าเซียนผู้คุมกฎตอนนี้จะใช่เขาหรือไม่ ? มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจแต่ความสามารถของเขาก็ไม่ธรรมดา นอกจากนี้ใจกลางเมฆสีรุ้งอยู่ข้างคฤหาสน์เจียงหยาง

อะไรนะ ! ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านกำลังจะบอกว่าคนที่กลายเป็นเซียนผู้คุมกฎคือเจียงหยางเซียงเทียน ! ใบหน้าของซีหยาแข็งทื่อขึ้นด้วยความตกตะลึง เขาจ้องที่ผู้อาวุโสโดยไม่รู้ตัว มือซ้ายคว้าแขนเสื้อคลุมที่ว่างเปล่าทางด้านขวาของเขา

การสูญเสียแขนขวาของเขาเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนได้ของซีหยา เมื่อเขาสูญเสียมันไปโดยเจี้ยนเฉินเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เขาถูกกดขี่จากเจี้ยนเฉินและกลายเป็นคนพิการครึ่งหนึ่ง มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่เคยลบเลือนไปจากจิตใจเขาและไม่เคยลืม

ผู้อาวุโสทั้งสองคนยังคงมองที่ท้องฟ้าในขณะที่เอ่ยว่า “แน่นอน ถ้ามันมาจากคฤหาสน์เจียงหยาง ซีหยา ไปที่เชิงเขา และส่งลูกศิษย์ไปที่เมืองลอร์

ขอรับ ข้าจะทำตามที่ท่านต้องการ ซีหยาตอบสนองได้ก่อนที่จะเดินทางไปเชิงเขา ที่เขาสามารถจะส่งคนไปยังคฤหาสน์เจียงหยาง

ในพื้นที่ของอาณาจักรอินทรีสวรรรค์ กลุ่มทหารรับจ้างอัคนี นูบิส เจียเต๋อไท่ และหวงเทียนป้า ยืนเคียงข้างด้านบนของพระราชวังและมองออกไปบนขอบฟ้าไกล

พวกเขาอยู่ห่างไกลจากอาณาจักรเกอซุน ดังนั้นเมฆสีรุ้งไม่สามารถดูได้ที่นี่พร้อมกับแสงหลากสี แต่ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาอาจรู้สึกถึงบางอย่างจากสถานที่ห่างไกล

ใครบางคนได้ตัดผ่านระดับ นั่นอาจเป็น ? เจียเต๋อไท่ถาม การถือกำเนิดของเซียนผู้คุมกฎนั้นเป็นเรื่องเล็ก ๆ ไม่เป็นมันจะส่งผลต่อคนทั้งสาม

ทิศทางนั้นเป็นที่ตั้งของครอบครัวเจี้ยนเฉิน มันอาจพอที่จะบอกว่าเจี้ยนเฉินเป็นคนที่ตัดผ่าน นูบิสเผยออกมา

เจ้าคิดว่าเจี้ยนเฉินได้กลายเป็นเซียนผู้คุมกฎ หวงเทียนป้าคาดเดา เจียเต๋อไท่นั้นเพ่งมองไปที่นูบิส คำพูดของเขานั้นมากเกินกว่าที่ทั้งสองจะยอมรับได้

แต่หวงเทียนป้ามองอย่างโล่งใจและหัวเราะ เขาพูดว่า มันยากที่จะเชื่อ แต่ความสามารถของเจี้ยนเฉินแทบจะเป็นประวัติการณ์ เกือบจะไม่มีใครในอดีตที่มีพรสวรรค์เช่นเขา เขามีความแข็งแกร่งของเซียนผู้คุมกฎอยู่แล้ว การตัดผ่านเป็นเพียงขั้นตอนที่สมเหตุผล

เมฆสีรุ้งยังคงอยู่บนท้องฟ้า 3 ชั่วยามก่อนสุดท้ายจะเริ่มจางหายไปจากโลก ป่านนี้ ดวงอาทิตย์ได้ลับลงใต้ขอบฟ้าเพื่อแสดงเพียงครึ่งหนึ่งของมัน เช่นนี้ โลกเวลานี้สีแดงเข้มตามธรรมชาติกว่าสีสันที่หลากหลายก่อนหน้านี้

ในคฤหาสน์ เจียงหยางป้าและผู้อาวุโสยังคงยืนนิ่งเหมือนที่พวกเขาเป็นเมื่อหลายชั่วยามก่อน เฉพาะที่แตกต่างคือสีหน้าของพวกเขา ก่อนหน้านี้พวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล แต่ตอนนี้พวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากพวกเขารู้ว่านายน้อยสี่ของตระกูลเจียงหยางตัดผ่านระดับกลายเป็นเซียนผู้คุมกฎ การมีเซียนผู้คุมกฏในตระกูลนั้นคือความสำเร็จที่ทุกคนรู้สึกผยองมาก

ทุกคนรู้ว่า ตราบใดที่มีเซียนผู้คุมกฏ จะส่งผลกระทบในอนาคตจะเป็นอย่างมาก

แกร่ก ทันใดนั้น ก่อนหน้านี้ประตูที่ปิดสนิทเริ่มเปิด ขณะที่เสื้อสีขาวของเจี้ยนเฉินปรากฏเข้ามาในมุมมองของทุกคน

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง – ไม่มีอะไรเกินไป แตกต่างจากก่อน แต่หากมองเขาไม่ใช่ด้วยดวงตาของพวกเขา แต่ด้วยหัวใจของพวกเขา พวกเขาอาจเห็นว่ากลิ่นอายรอบกายของเจี้ยนเฉินนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป และทำให้เขารู้สึกเหมือนใบมีดที่พร้อมจะตัด แต่ตอนนี้ ความคมชัดที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบ มันราวกับว่าเขาได้กลายเป็นคนธรรมดา

ถ้าผู้ที่อยู่ในขอบเขตที่สูงกว่ามองเขา พวกเขาจะรู้สึกราวกับกำลังมองภาพมายา ภาพมายาที่ทำให้เจี้ยนเฉินนั้นได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลกใบนี้ ไม่ว่าเขาจะยกมือหรือเท้า ความลึกลับของโลกก็จะตามมา