ใบหน้าของอึยชานร้อนผ่าวขึ้นมาหลังนึกถึงสถานการณ์วันนั้น ยูฮาหยุดหัวเราะและมองดูทั้งสองคนอย่างสนอกสนใจ ส่วนมือข้างหนึ่งก็จับมือกับจาฮอนแน่น 

 

 

“เฮอะ ก็ที่คุณยูมินขอให้คุณชองอูถอดให้หน่อย” 

 

 

“ถอด?” 

 

 

ยูมินคิดทบทวนความทรงจำ นึกถึงตอนนอนโรงแรมโดยใช้บัตรเครดิตของอึยชานขึ้นมา เธอเหนื่อยมากก็เลยนอนลงทันทีที่เข้าห้อง ชองอูก็เอาแต่ทำตัวน่ารำคาญบอกให้อาบน้ำแล้วค่อยนอน แล้วก็มีสายโทรเข้ามา จากนั้น… 

 

 

“นั่นมันถุงเท้า ฉันบอกให้เขาถอดถุงเท้าต่างหาก คิดว่าอะไร” 

 

 

“ตอนนี้ทั้งคู่ใช้คำแบบเป็นกันเองแล้วเหรอ” 

 

 

“พี่อย่าเพิ่งแทรกสิ” 

 

 

“อย่าเพิ่งแทรกงั้นเหรอ” 

 

 

“อ่า จริงๆ เลย!” 

 

 

ยูฮาหัวเราะคิกคักพลางเอนพิงไหล่จาฮอน อึยชานยังคงมองยูมินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แต่ภายในหัวของเขากลับสับสนวุ่นวายอย่างยิ่ง ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ทำจนถึงตอนนี้ก็คือเปล่าประโยชน์ใช่ไหมนะ ยูมินถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับลุกขึ้นจากที่นั่งหลังจากเหลือบมองอึยชานอีกครั้ง 

 

 

“ฉันขอตัวกลับก่อน ทั้งสามคนทานกันให้สนุกนะ” 

 

 

“เธอไม่ชอบแท็กซี่หนิ” 

 

 

“เริ่มชอบแล้ว ไปก่อนนะ” 

 

 

อึยชานตามออกไป แต่ยูมินก็ยังคงเย็นชาเหมือนอย่างที่เคยเป็นเสมอมา พา0922 เขากลับเข้ามาอีกครั้งหลังได้มาแค่ทะเบียนรถแท็กซี่ และอมยิ้มต่อเมื่อคิดถึงตอนยูมินบ่นว่าอย่างกับคนโง่เมื่อครู่ 

 

 

“ผมรู้สึกทึ่งทุกครั้งเวลาพี่ไปไหนไม่รอดแบบนั้น” 

 

 

จาฮอนรินเหล้าใส่แก้วให้ด้วยสีหน้าบ่งบอกว่าทึ่งจริงๆ เมื่ออึยชานกลับมานั่ง 

 

 

“ฉันทึ่งนายมากกว่าอีก ทั้งสองคนคบกันได้ยังไงเหรอครับ” 

 

 

เป็นคำถามสำหรับยูฮาไม่ใช่จาฮอน แน่นอน เขารู้ว่าจาฮอนเป็นฝ่าตกหลุมรักยูฮา แต่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ายูฮาจะตอบรับ ถึงในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดจะไม่มีการแบ่งแยกระบอบชนชั้นแล้ว แต่ประธานบริษัทกับผู้จัดการส่วนตัวก็เป็นการจับคู่ที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ  

 

 

“ฉันเป็นคนจีบสิคะ เพราะชอบตั้งแต่แรกเห็นเลย” 

 

 

แม้จะดูง่ายๆ ในความคิดของอึยชาน แต่คนพูดอย่างนั้นพร้อมรอยยิ้มก็ดูจริงใจ 

 

 

“ผมเป็นฝ่ายจีบต่างหาก ที่ให้กาแฟไง วันนั้น” 

 

 

“อย่าเอาเรื่องนั้นมาเกี่ยวสิ คุณอึยชาน รู้ไหมคะว่าคุณควรจะต้องขอบคุณฮอนนะ” 

 

 

“หมายความว่าอะไรครับ” 

 

 

คำถามที่ย้อนกลับเข้ามาหาตัวเองโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่ก็สงสัยเช่นกัน พออึยชานเอียงคอสงสัย ยูฮาก็ยกแก้วโซจูขึ้นมาแล้วส่งสัญญาณให้ชนแก้ว แก้วสามใบกระทบกันจนเกิดเสียงใส ก่อนจะว่างเปล่าไปพร้อมๆ กัน 

 

 

“เพราะจริงๆ ฉันสามารถกลบข่าวเดทนั่นได้ แต่ก็แค่จงใจให้มันเกิดขึ้นค่ะ จะได้เห็นหน้าฮอนอีกครั้ง” 

 

 

มันเป็นแบบนั้นเองสินะ อึยชานนึกถึงท่าทางสบายๆ ของยูมินต่อข่าวฉาวเหนือความคาดหมายขึ้นมาแล้วหัวเราะเบาๆ แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกดีเต็มที่นัก แต่ก็ต้องขอบคุณพวกเขา ตอนนี้ถึงได้มาเล่นโชว์เป็นคู่รักกัน เพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร 

 

 

“เป็นคู่ที่ได้คบกันยากจริงๆ ดูเหมือนผมคงจะมาเป็นก้างสินะ งั้นขอตัวกลับก่อนแล้วกันครับ อีจาฮอน ไว้ติดต่อมาด้วย” 

 

 

“ครับพี่ ผมไม่ออกไปไหนไกลหรอก” 

 

 

“ไม่ได้จะไปไหนสักหน่อย” 

 

 

ยูฮาโบกมือให้อึยชาน ไม่รู้ว่าหมายความว่าให้กลับดีๆ หรือให้รีบไปกันแน่ เขาทิ้งคนสองคนที่เอาแต่จ้องตากันแล้วออกมาข้างนอกคนเดียว เวลาในการรอคอยคนขับรถวันนี้ช่างยาวนานเป็นพิเศษ 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

[เราเดิมพันกันไว้ใช่ไหม และข้าชนะ] 

 

 

หน้าอกของยูมินเย็นเฉียบ มันไม่ใช่เนื้อเรื่องที่อยู่ในบทละคร เธอรู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยจริงๆ บทพูดที่พูดออกมาอย่างยากลำบากถูกตัดเป็นช่วงๆ จนตะกุกตะกัก 

 

 

[จำไม่ได้เพคะ ไม่เคยมีอะไรเช่นนั้น] 

 

 

[ข้าจะไม่ทำเรื่องให้พระชายาต้องตกอยู่ในความลำบากเพราะข้า ข้าสัญญาไว้เช่นนั้น] 

 

 

อึยชานกำลังพูดอยู่ข้างหูแน่ๆ แต่เสียงนั้นกลับได้ยินจากที่ห่างไกลเหลือเกิน ท่ามกลางกล้องหลายตัวและไฟสว่างจ้าจนแสบตา มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่เหมือนหลุดอยู่คนละโลก 

 

 

[ไม่รู้เพคะ องค์ชาย ได้โปรด…] 

 

 

ได้โปรด คำขอสุดท้ายถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ  

 

 

[ข้าจะรักษาสัญญา เจ้าเองก็ต้องฟังคำสั่ง… คำขอของข้าเช่นกัน] 

 

 

อึยชานโอบกอดยูมินแน่นด้วยแขนข้างหนึ่ง ก่อนจะใช้มือที่เหลือดึงกริชที่อยู่ตรงต้นขาของเธอออกมา 

 

 

[เจ้า จงมีชีวิตอยู่ต่อ] 

 

 

เส้นเลือดแดงตรงลำคอถูกเฉือนด้วยมีดขนาดเล็กซึ่งถูกทำขึ้นมาพิเศษ ถึงแม้จะรู้ แต่หัวใจเย็นเฉียบก็ตกฮวบลงมาถึงตาตุ่ม แขนที่เคยกอดยูมินไว้ไม่ให้ขยับไปไหนก็ค่อยๆ คลายแรงลง 

 

 

[ฮือ…] 

 

 

[ขอ โทษ ในชาติหน้า เป็นผู้ชายธรรมดากับภรรยา… กับเจ้า… ] 

 

 

[ไม่ ไม่นะ ฝ่าบาท ไม่นะเพคะ] 

 

 

มือที่ยกขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรงเปียกชุ่มด้วยน้ำตา ก่อนจะลูบใบหน้าเย็นเฉียบอย่างอบอุ่น ตุบ เสียงร่วงหล่นลงบนมัดฟางข้าวที่วางแผ่บนพื้นส่งเสียงดังเป็นพิเศษ และไร้การเคลื่อนไหว 

 

 

[องค์ชาย หม่อมฉันรักพระองค์เพคะ ตั้งแต่ตอนแรกจจนถึงตอนนี้ หม่อมฉัน รักสุดหัวใจ ฟื้นขึ้นมาสิเพคะ องค์ชาย…] 

 

 

“โอเค คัท! 

 

 

“ทำได้ดีมากครับ!” 

 

 

ยูมินยังคงก้มหน้าร้องไห้อยู่บนหน้าอกอึยชานทั้งๆ ที่ได้สัญญาณคัทแล้ว ความเจ็บปวดเหมือนมีใครบางคนมาทิ่มแทงในใจทำให้เธอหายใจไม่ออก เหล่าทีมงานมองดูยูมินพร้อมกับกระซิบกันว่าเธอแสดงได้ดีจริงๆ แถมสมาธิก็ไม่ใช่เล่นๆ อีกด้วย ระหว่างที่อึยชานยกตัวขึ้นอย่างๆ ช้าๆ และตบไหล่ของเธอด้วยความอ่อนโยนอยู่นั้น ชองอูก็เอาผ้าห่มมาคลุมให้ 

 

 

“โอเคไหมครับ” 

 

 

ไม่รู้เลยว่าทำไมเสียงอันทุ้มต่ำนี้ถึงได้ทำให้สบายใจขนาดนี้ เธอไม่อยากปล่อยแขนที่ประคองให้ไออุ่นจากไป แก้วกระดาษใบหนึ่งถูกยื่นมาให้ตรงหน้ายูมินที่ยังคงสะอึกสะอื้นและยังไม่สงบลง แม้จะย้ายมานั่งบนเก้าอี้แล้วก็ตาม 

 

 

“ดื่มสิครับ โกโก้” 

 

 

ยูมินจึงเงยหน้าขึ้นมามองอึยชานสลับกันกับแก้วกระดาษ มีความคิดสกปรกอะไรอีกล่ะ 

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ” 

 

 

“แต่หน้าคุณเย็นเฉียบเลยนะ” 

 

 

ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา อึยชานพึมพำอย่างไม่สนใจแม้จะถูกปฏิเสธน้ำใจก็ตาม พร้อมกับดื่มเครื่องดื่มในมือตัวเอง ขณะนั้นโคดี้น้องเล็กของทีมยูมินก็วิ่งเข้ามาใช้ทิชชู่เปียกเช็ดน้ำตาและตบแป้งเพิ่ม 

 

 

“ร้องไห้เยอะขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่เลอะเลยนะคะ ดีที่เปลี่ยนอัน” 

 

 

คำพูดของน้องเล็กที่ทำตัวตื่นเต้นเกินเหตุเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศทำให้ยูมินผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย 

 

 

“ไม่เป็นไร ขออะไรดื่มหน่อยสิ” 

 

 

“ค่ะพี่!” 

 

 

พอน้องเล็กวิ่งปรู๊ดออกไป อึยชานที่ยืนดื่มโก้โก้อยู่ข้างๆ ก็หันมาชำเลืองมองยูมิน 

 

 

“ไม่มีโกโก้แล้วนะ อันนี้อันสุดท้ายครับ” 

 

 

ขอบตาของยูมินที่ยังหลงเหลือความแดงอยู่หงิกงอแทนคำตอบ จากนั้นจึงตะโกนหาโคดี้น้องเล็กที่เห็นอยู่ไกลๆ โดยไม่หันไปมองอึยชานแม้แต่น้อย 

 

 

“น้องเล็ก มาที่รถ!” 

 

 

เธอดันเก้าอี้ออกอย่างแรงแล้วลุกขึ้น จากนั้นจึงตรงไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ข่าวลือมากมายเกี่ยวกับทั้งสองที่วันนี้ดูเย็นชาต่อกันเป็นพิเศษว่าทะเลาะกัน ไม่ใช่สิ เลิกกัน จึงหวนกลับมาใหม่อีกครั้ง 

 

 

“โอเคใช่ไหมครับพี่”