ชองอูขับรถมารับยูมินและเพ่งมองใบหน้าของเธอด้วยความเป็นห่วง 

 

 

“อืม น้องเล็ก ลบหน้าหน่อย” 

 

 

ระหว่างที่โคดี้น้องเล็กผู้ทำงานได้ดีเยี่ยมชุบคลีนซิ่งลงบนสำลีและเช็ดเครื่องสำอางออกให้อยู่ ชองอูก็เตรียมเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายต้องเปลี่ยน เพราะแต่งหน้าไม่หนามาก เช็ดออกเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว 

 

 

“หลังเปลี่ยนชุดแล้ว วันนี้มีกินเลี้ยงบริษัทด้วย แต่ผมพาพี่ไปไม่ได้นะครับ” 

 

 

“ทำไมล่ะ” 

 

 

“ผมต้องเข้าบริษัทน่ะ” 

 

 

“คงต้องโทรเรียกแท็กซี่สินะ” 

 

 

“นั่งรถคุณอึยชาน…” 

 

 

“นี่” 

 

 

ขอโทษครับ ชองอูรีบขอโทษและกลับประจำที่เพื่อสตาร์ทรถ ผ่านไปไม่นานอึยชานก็มาหาที่ห้องแต่งตัว แต่ยูมินขึ้นรถตู้ออกจากที่นั่นแล้ว 

 

 

 

 

 

“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักนะครับ ชนแก้วให้อีอึยชานกัน!” 

 

 

“ชนแก้ว!” 

 

 

“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักครับ!” 

 

 

วันนี้เป็นการถ่ายทำฉากสุดท้ายของอึยชาน แม้ว่าพรุ่งนี้จะมีตารางงานอันแน่นเอี๊ยดต่อ แต่ทุกคนก็มาร่วมวงเหล้าเพื่อเขา แน่นอนว่ารวมยูมินที่ไม่สามารถซ่อนสีหน้าแข็งทื่อไว้ด้วย มานั่งข้างๆ เพราะคำว่าแฟนมันค้ำคอ แม้จะเป็นแค่หน้าฉากก็ตาม 

 

 

“คุณยูมินไม่ดื่มสักแก้วเหรอ” 

 

 

ผู้กำกับแพนั่งลงตรงด้านซ้ายของเธอและรินเหล้าทันที 

 

 

“อ๋อ ไม่ดื่มค่ะ” 

 

 

“เอ๋? ได้ยังไงกันเล่า ดื่มแล้วจะดีขึ้นนะ” 

 

 

ของเหลวในแก้วทรงตรงที่มีขนาดพอให้ใส่นิ้วได้สามสี่นิ้วกำลังอวดความตึงผิวของตัวเองอยู่ ด้วยเหตุนั้นทำให้ใบหน้าของยูมินบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น 

 

 

“คุณยูมินแสดงได้ดีมากเลย ผลตอบรับก็ดีด้วย” 

 

 

“รู้ค่ะ” 

 

 

“ถ้าอย่างนั้น เรามาดื่มฉลองให้กับเรื่องนั้นกันเถอะ” 

 

 

“ไว้คราวหลังนะคะ” 

 

 

เผลอแป๊บเดียว วงเหล้าที่เคยส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายกำลังจับจ้องมาที่ผู้กำกับแพ ยูมินและอึยชาน อึยชานที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เช่นเดียวกัน ทว่าผู้กำกับแพที่เมาจนแทบจะหมดสติแล้วกลับไม่สังเกตเห็น 

 

 

จากนั้นหญิงสาวก็ยกแก้วนั้นขึ้นดื่มแล้วลุกออกจากที่นั่งทันที อึยชานยังติดพันกับการสนทนาจึงไม่ได้เดินตาม แต่เมื่อเห็นคนเมาลุก เขาเองก็คิดว่าควรจะต้องไปหายูมิน 

 

 

“คุณอึยชาน ดื่มด้วยกันสักแก้วสิคะ” 

 

 

แต่เพราะนักแสดงหญิงที่เอาหน้าอกมาแนบแขนพร้อมชวนคุยทำให้เขาคลาดกับเธอ อึยชานจิ๊ปากเบาๆ ก่อนจะยกแก้วออนเดอะร็อกตรงหน้าขึ้นมาชนอย่างส่งๆ  

 

 

“บทที่ได้เล่นครั้งนี้ ได้ยินว่าคุณอึยชานติดต่อหาผู้กำกับเองโดยตรงเลยใช่ไหมคะ” 

 

 

“ใช่ครับ” 

 

 

“ทำไมล่ะคะ บทตัวเอกก็เยอะดีนี่นา” 

 

 

“ก็แค่ รู้สึกเข้าถึงกับบทนี้น่ะครับ” 

 

 

“เท่จังเลย ตัวท็อปนี่แตกต่างอย่างที่คิดไว้เลย” 

 

 

หลังจากตอบคำถามคร่าวๆ ความหงุดหงิดก็เริ่มปรากฏบนหน้าผาก เขาเบือนหน้าเพื่อซ่อนมันเอาไว้ แล้วลุกขึ้นจากที่อย่างเป็นธรรมชาติหลังจากดื่มหมดแก้ว 

 

 

“ผมขอตัวสักครู่” 

 

 

อยู่ที่ไหนกันนะ หลังจากออกมาจากห้อง อึยชานก็เริ่มเดินหาตามโถงทางเดินเหมือนเขาวงกตด้วยฝีเท้าอันเร่งรีบ ทั้งจับตัวเด็กเสิร์ฟที่เดินผ่านมาถาม ทั้งเรียกผู้จัดการมาถาม แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอไปไหน หลังจากเดินวนไปวนมา ในท้ายที่สุดอึยชานที่กำลังผลักประตูห้องเดิมก็หยุดแล้วหันมองข้างหลัง 

 

 

“คุณยูมิน” 

 

 

รู้สึกเหมือนได้ยินเสียง หลังจากเงี่ยหูฟังสักพัก อึยชานก็เปิดประตูห้องฝั่งตรงข้ามออกกว้างแทน 

 

 

สิ่งที่เขาเห็นเป็นอย่างแรกสุดคือก้นของผู้กำกับที่กำลังคร่อมตัวหญิงสาวที่นอนอยู่บนโซฟา และในจังหวะที่อึยชานกำลังจะเอื้อมมือไปโดยไม่มีเวลาให้คิด ร่างของผู้กำกับก็กระเด็นกระแทกกับผนังด้านหลัง ปัง ผนังหินอ่อนชนกับหัวอีกฝ่ายอย่างแรง 

 

 

“คุณยูมิน!” 

 

 

ยูมินเตะผู้กำกับจนร่วงเป็นอย่างแรก ต่อด้วยปล่อยหมัดด้วยความไวปานสายฟ้า มันสามารถฆ่าคนได้เลยนะนั่น อึยชานรีบเข้าไปดึงตัวเธอมากักไว้ในอ้อมแขน เด็กเสิร์ฟคนหนึ่งแง้มประตูออกและมองเข้ามาข้างใน แต่พอสบตากับอึยชานที่กอดยูมินอยู่ เขาก็ยิ้มให้พร้อมกับปิดประตูเหมือนเดิม โชคดีที่ไม่เห็นคนนอนสลบอยู่บนพื้น 

 

 

“ปล่อย” 

 

 

“คุณยูมิน สงบสติอารมณ์ไว้ก่อน ละครยังไม่จบนะครับ” 

 

 

เขาไม่สามารถปล่อยให้เธอเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ความรุนแรงแบบนี้ได้ แน่นอนว่าไม่ใช่การพัวพันเฉยๆ แต่เป็นถึงตัวการสำคัญ สรุปได้อย่างนั้นก็กอดแน่น ขณะเดียวกันแรงของยูมินก็ค่อยๆ ลดลง 

 

 

“เข้าใจแล้ว ปล่อย” 

 

 

“สัญญาก่อนว่าจะไม่ลงไม้ลงมือไอ้บ้านั่น” 

 

 

“ไม่ทำหรอก ปล่อย” 

 

 

อึยชานเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งและค่อยๆ ผ่อนแรงแขนช้าๆ โชคดีที่ยูมินดูไม่คิดตีผู้กำกับอีก 

 

 

“เดี๋ยว รอก่อนครับ” 

 

 

อึยชานคว้าตัวคนที่กำลังจะออกไปข้างนอกให้นั่งลงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา จนถึงตอนนี้ผู้กำกับแพก็ยังคงไม่ได้สติและนอนอยู่ที่พื้นเหมือนเดิม ความจริงแล้วอึยชานอย่างจะซัดอีกฝ่ายอย่างแรงให้เลือดอาบ แต่พอคิดถึงยูมิน เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้จึงถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยโทรศัพท์แทนจะเหวี่ยงหมัดใส่ โดยให้เขากับผู้กำกับอยู่ในเฟรมเดียวกัน 

 

 

“ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ผมคือคนทำเองนะครับ” 

 

 

หลังจากเช็คดูแล้วว่ารูปออกมาดี อึยชานจึงเก็บโทรศัพท์ไปเหมือนเดิมและเอ่ยขึ้น 

 

 

“ออกไปกันครับ กระเป๋าคุณยูมินล่ะ” 

 

 

“ฉันจัดการเองค่ะ” 

 

 

ฝีเท้าโซซัดโซเซผิดกับการพูดจาเหวี่ยงๆ กินเหล้าก็ไม่ได้แล้วจะมาจัดการเองอะไรกัน อึยชานถอนหายใจเบาๆ พร้อมเดินตามเธอเข้าลิฟต์ เว้นระยะห่างไว้เล็กน้อย 

 

 

“ไปรถผมนะครับ เดี๋ยวผมโทรเรียกคนขับรถ” 

 

 

“บอกว่าไม่เป็นไรไงคะ” 

 

 

โทรศัพท์มือถือหลายเครื่องลั่นเสียงชัตเตอร์ออกมาจากด้านหลัง เมื่อพวกเขาเดินออกมาบริเวณใกล้ๆ ถนนใหญ่ อึยชานคิดว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ จึงเรียกแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดีและดันยูมินเข้าไป ถ้าเป็นปกติก็คงจะไม่ได้ แต่เพราะยูมินเมาอยู่เลยทำได้ 

 

 

“ซอโชดงครับ” 

 

 

คนขับแท็กซี่เหลือบมองเบาะหลังผ่านกระจกหลังก่อนจะเหยียบคันเร่ง สภาพยูมินคอตกจนมาพิงกับไหล่เขาดูไม่คุ้นตา ตัวเองก็ดื่มเหล้ามา แต่สติกลับครบถ้วนสมบูรณ์กว่าครั้งไหนๆ กลิ่นตัวเธอกับกลิ่นเหล้าผสมปนเปกันจนจั๊กจี้หัวใจ 

 

 

จับมือได้ไหมนะ โอบไหล่ได้ไหมนะ ถึงจะเป็นการแสดงแต่ก็จูบกันแล้ว ถึงจะเป็นเพียงหน้าฉากแต่ก็เป็นแฟนกันหนิ อึยชานนึกหาเหตุผลให้ตัวเองหลายรอบ จนได้ข้อสรุปว่าจะไม่แตะต้องแม้แต่ปลายนิ้วของผู้หญิงเมาจนหลับ 

 

 

“ถึงแล้วครับ” 

 

 

“นี่ครับ เงินทอนไม่เป็นไรครับ” 

 

 

ตั้งแต่มาถึงจนลงรถ ยูมินก็ยังลืมตาไม่ขึ้น นี่คือผลลัพธ์ของคนที่ดื่มเหล้าไม่ได้มาดื่มเหล้านอกแรงๆ เพียวๆ แต่เพราะอย่างนั้นอึยชานจึงรู้สึกโล่งอกเพราะสามารถอุ้มเธอขึ้นลิฟต์ได้โดยไม่ต้องกังวลถึงความยุ่งยากที่อาจจะเกิดขึ้น 

 

 

“นอนตรงนี้นะครับ” 

 

 

เขาพูดเสียงเรียบหลังจากวางยูมินลงบนเตียงตัวเอง ไม่ได้พูดเพื่อคาดหวังจะได้คำตอบ แต่กลับมีคำตอบกลับมา 

 

 

“อย่าไปนะคะ” 

 

 

หูฟาดหรือเปล่านะ ขณะที่อึยชานไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ยูมินก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ  

 

 

“ได้โปรด องค์ชาย” 

 

 

ดูท่าจะแสดงละครในฝันสินะ อึยชานยิ้มฝืนพร้อมกับลูบเส้นผมของยูมิน มือที่เย็นเล็กน้อยของเธอคล้องคอของเขาอย่างอารมณ์ดี แต่จะบอกว่าอารมณ์ดีสุดๆ ก็คงจะเกินไปหน่อย 

 

 

“ผมไม่ไปไหนหรอก แต่ช่วยปล่อยก่อน” 

 

 

ท่องบทโศกอยู่แล้วทำไมต้องบีบคอด้วยเล่า ซึ่งเธอก็ปล่อยก่อนเขาจะหายใจไม่ออกจริงๆ แต่กลับเปลี่ยนเป็นกระชากคอเสื้อเขาแทน 

 

 

“เฮ้ย!”