แรงนั้นทำให้อึยชานนอนลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าทุ่มอึยชานลงบนเตียงแล้วขึ้นคร่อม ว่องไวจนไม่เหมือนคนเมา แต่ยูมินเมาแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้นเหตุการณ์นี้คงไม่มีทางเกิดขึ้น อีกฝ่ายกำลังร้องไห้อย่างไร้เสียงขณะก้มมองเขาจากด้านบน 

 

 

มุมแบบนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แสงไฟจากข้างนอกแทรกมู่ลี่กระทบใบหน้าชุ่มน้ำตาของยูมิน ก่อนมันจะไหลรินลงมาทีละหยดจนกระทบลำคอเขา มันเจ็บปวด เขารู้สึกผิดทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร 

 

 

อึยชานยื่นมือเช็ดใบหน้าสวยอย่างอ่อนโยน พร้อมใช้มืออีกข้างโอบท้ายทอยเข้าลงมา แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ใจเต้นแรงและเฝ้าคอย แต่ก็เจ็บปวดและหม่นหมองเช่นกัน เหมือนอยากพูดบางอย่างแต่กลับคิดไม่ออกเลย 

 

 

ขนตาเปียกชื้นค่อยๆ ขยับใกล้เข้ามาจนเห็นเต็มสายตา จูบแรกเคล้ารสน้ำตา แม้กระทั่งกลิ่นเหล้าที่ไม่สามารถเรียกได้ว่าหอม มันก็หอมสำหรับอึยชาน 

 

 

“คุณยูมิน” 

 

 

ชายหนุ่มกระซิบเบาๆ โดยไม่ละริมฝีปากออก 

 

 

“ตอนนี้ถอยกลับไม่ได้แล้วนะครับ” 

 

 

ริมฝีปากของอึยชานทาบทับลงอีกครั้ง ไม่เหลือช่องว่างไว้ให้ตอบคำถาม 

 

 

“เรามาคบกันเถอะ แบบจริงๆ ” 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

“พี่ เดี๋ยวผมบอกให้คนอื่นกลับบ้านก่อนนะครับ” 

 

 

หลังจากบอกแต่เสียงจากด้านนอก ชองอูก็หายตัวอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะได้งานเพิ่ม ผ่านไปสักพักยูมินก็สวมรองเท้าผ้าใบกับเสื้อฮู้ดสีดำเฉกเช่นปกติเดินออกมาข้างนอก อึยชานยืนพิงอยู่ข้างประตูจึงยิ้มร่าพและจับมือเธอใส่กระเป๋าเสื้อตัวเอง 

 

 

“เสร็จเร็วจัง” 

 

 

“ไม่มีงานเหรอ” 

 

 

ยูมินดึงมือออกอย่างเย็นชาแล้วซุกกระเป๋าเสื้อตัวเอง แต่อึยชานก็ไม่ยอมแพ้ซุกมือตามทันที เมื่อเขายัดมือเข้ากระเป๋าเสื้อที่มีขนาดเล็กพอใส่ได้แค่มือเดียว ตะเข็บผ้าจึงตึงเปรี๊ยะราวกับจะระเบิด 

 

 

“เอาออกไป” 

 

 

“ขออยู่อย่างนี้สักพักนะ อุตส่าห์มารับถึงที่นี่” 

 

 

“แล้วใครบอกให้มารับล่ะ” 

 

 

“อ่า จริงๆ เลย จะบ้าตาย” 

 

 

อึยชานขมวดคิ้วเล็กน้อย เอามือออกจากกระเป๋าเสื้อยูมินแล้วโอบไหล่แทน 

 

 

“ผู้หญิงที่ผมทำแบบนี้ด้วย คุณคนแรกเลยนะ” 

 

 

แหวะ ยูมินถูแขนเพราะขนลุกขนชันขึ้นมาตั้งแต่ส่วนลึกในใจและรีบเดิน การถ่ายทำเหมือนไร้จุดสิ้นสุดจะจบพรุ่งนี้แล้ว แต่ที่ผ่านมาอึยชานก็มารับยูมินทุกวี่ทุกวันถึงแม้ฉากของตัวเองจะถ่ายเสร็จหมดแล้วก็ตาม จนมีบ้างก็บอกว่าควรสร้างประตูอนุสรณ์สำหรับชายผู้ซื่อสัตย์ต่อภรรยาให้เขาบ้างแล้ว 

 

 

“เย็นนี้จะกินอะไรดี” 

 

 

อึยชานเอ่ยถามพลางสตาร์ทเครื่อง 

 

 

“อะไรก็ได้” 

 

 

ก่อนจะยื่นมือข้างหนึ่งไปตรงหน้าคนตอบว่าอะไรก็ได้ จริงๆ ท่าทางการหันฝ่ามือขึ้นด้านบนและกระดิกนิ้วบ่งบอกว่าเขากำลังต้องการอะไรบางอย่าง 

 

 

“ขออะไร” 

 

 

“มือ” 

 

 

“ไว้ทีหลัง” 

 

 

เขาทำเป็นไม่ได้ยินการตอบกลับอันเฉยชาแล้วคว้ามือยูมินมากุม แม้มือของเธอจะเย็นเฉียบอยู่เสมอ แต่พอจับไว้แบบนี้มันก็เริ่มอุ่นขึ้นทีละนิด ซึ่งอึยชานชอบ ความรู้สึกตอนความอบอุ่นของตัวเองทำให้อีกฝ่ายอุ่นขึ้น ยูมินเองก็คุ้นชินกับมันแล้วหลังจากเคยไม่ชอบมากๆ ในตอนแรกจึงปล่อยให้เขาทำ 

 

 

“หลังถ่ายทำเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปเที่ยวกัน” 

 

 

อึยชานพูดพลางกุมมือที่จับแน่นขึ้นอีก 

 

 

“ทำไม” 

 

 

“ท่านประธานกับฮอนก็ไปเที่ยวกันหนิ พวกเราก็ไปบ้างเถอะ” 

 

 

“ไว้จะคิดดู” 

 

 

จากนั้นเขาก็ขับรถต่อโดยไม่พูดอะไรกันอีก แต่ทว่ารถกลับเคลื่อนเข้าลานจอดรถใต้ดินคอนโดของอึยชานต่างกับคำชวนไปกินข้าวเย็น 

 

 

“มาที่นี่ทำไม” 

 

 

“ก็คุณบอกว่ากินอะไรก็ได้” 

 

 

“แต่ว่า” 

 

 

“เดี๋ยวผมทำให้ไง อะไรก็ได้น่ะ” 

 

 

ลงกัน… กลิ่นแชมพูคุ้นเคยโชยออกมาจากเส้นผมเขาขณะปลดเข็มขัดนิรภัยให้ 

 

 

“แล้วจะทำอะไรให้ล่ะ” 

 

 

ยูมินถามขณะขึ้นลิฟต์ แต่อึยชานเองก็ไม่มีคำตอบ เพราะความจริงแล้วเขาขับรถด้วยอารมณ์ล้วนๆ เนื่องจากคำว่าอะไรก็ได้ ในตู้เย็นมีอะไรบ้างนะ ระหว่างพยายามนึกดู ในหัวก็เกิดความสับสนวุ่นวายเหมือนมีใครบางคนมาเขย่า จนนึกข้อมูลจำเป็นไม่ออกเลยสักอย่าง 

 

 

“ศูนย์สามหนึ่งสอง” 

 

 

นั่นคือสิ่งที่เขาพูดขึ้นหลังจากเลิกกังวล 

 

 

“เลขอะไร” 

 

 

“รหัสผ่าน” 

 

 

“แล้วบอกทำไม” 

 

 

อึยชานใส่ตัวเลขที่เพิ่งพูดเมื่อครู่ลงในตัวล็อคประตู จากนั้นประตูก็เปิดออก 

 

 

“ถ้าโดนไล่ออกจากบ้านอีก คุณจะมาตอนไหนก็ได้ ไม่ต้องไปนอนโรงแรม” 

 

 

ศูนย์สามหนึ่งสอง… ยูมินทำเป็นไม่ได้ยินแต่ก็ท่องเลขนั้นไว้เพราะน่าจะมีประโยชน์เวลาถูกไล่ออกจากบ้าน แถมยังคิดว่าอีกหน่อยน่าจะได้มาบ่อยๆ ด้วย 

 

 

“ดูทีวีไปก่อนนะ เดี๋ยวผมไปทำอะไรให้กิน” 

 

 

อึยชานหยิบรีโมทส่งให้คนที่นั่งอยู่บนโซฟา แต่สิ่งที่ยูมินคว้าไม่ใช่รีโมทแต่เป็นมือเขา ทุกการกระทำตั้งแต่ดึงอึยชานมานั่งโซฟา แล้วขึ้นนั่งบนตักเขาก็รวดเร็วมากจนไม่ทันได้ขัดขืน แต่ถึงจะมีโอกาส เขาก็คงจะไม่ขัดขืนอยู่ดี ลมหายใจหอบถี่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากทั้งสองที่พัวพันกันอย่างยุ่งเหยิง 

 

 

“ดื่มเหล้ามาเหรอ หรือว่ายั่ว” 

 

 

ร่างสูงปรับลมหายใจและเอ่ยถามขึ้น เมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกสักพัก เขาพยายามทำให้หัวใจเต้นแรงให้สงบลง แต่มันไม่ง่ายเลย แล้วทำไมจู่ๆ เธอถึงได้ดูกระตือรือร้นขนาดนี้กันนะ 

 

 

“ยั่ว” 

 

 

“ดีเลย” 

 

 

อึยชานยิ้มกว้างและลุกพรวดขึ้นอย่างอารมณ์ดี โดยประคองบั้นท้ายของยูมินก่อนจะอุ้มขึ้นมา เร่งฝีเท้าตรงไปยังห้องนอนทั้งอย่างนั้น ภายในห้องยังคงลดมู่ลี่ลดอยู่เหมือนเดิม แม้กระทั่งเสื้อยืดที่พาดอยู่ตรงปลายเตียงก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน อึยชานวางเธอนอนลงบนเตียงแล้วทอดสายตามองลงมาจากด้านบนโดยไม่กะพริบตา 

 

 

“มองอะไรอย่างนั้น” 

 

 

คำตอบกลับมาในรูปของการจูบ ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาเพื่อเปิดริมฝีปากออกแต่ถูกยูมินรั้งไว้ได้ ลมหายใจถูกเติมเต็มภายในปากของกันและกัน น้ำลายผสมปนเปกันไหลผ่านลงช่องคอ 

 

 

แต่ไม่ว่าจะดื่มเท่าไหร่ ความกระหายก็ไม่ถูกเติมเต็ม อึยชานดื่มกินยูมินอย่างไร้สติราวกับว่าโลกทั้งใบจะแหลกสลายหากปล่อยริมฝีปากนั้น กระดุมเสื้อเชิ้ตที่ติดอย่างเรียบร้อยถูกแกะออกด้วยมือข้างหนึ่ง หลังจากผละริมฝีปากออกมาอย่างยากเย็น อึยชานก็ค่อยๆ ปลดกระดุมที่เหลืออยู่สามสี่เม็ดสุดท้ายออกทีละเม็ดอย่างช้าๆ จนกล้ามเนื้อที่สรรสร้างมาเป็นอย่างดีเผยเค้าโครงออกมาเลือนรางภายในห้องอันมืดสนิท 

 

 

“แต่ว่า พวกเราลืมอะไรสำคัญบางอย่างไปนะ” 

 

 

อึยชานเอ่ยพร้อมกับเอาแขนออกจากแขนเสื้อ หลังจากปลดกระดุมออกหมด 

 

 

“อะไรเหรอ” 

 

 

เสื้อเชิ้ตเรียบร้อยไร้รอยยับบัดนี้ถูกโยนลงพื้นเสียแล้ว จุ๊บ การจูบเบาๆ คล้ายจูบทักทายยามเช้าไม่หนักหน่วงเหมือนเมื่อกี้ แต่กลับหอมหวานยิ่งกว่า 

 

 

“ผมรักคุณ” 

 

 

อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ พัวพันกับยุ่งเหยิงภายในสายตา ดูเผินๆ แล้วสีหน้าของยูมินที่แหงนหน้ามองอาจจะไม่มีความแตกต่างใดๆ จากปกติ แต่อึยชานรู้ได้ว่าดวงตาสีดำที่นิ่งเฉยอยู่เสมอกำลังสั่นไหว เนื่องจากเธอเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึก เท่านั้นจึงเพียงพอสำหรับคำตอบแล้ว ดังนั้นตอนยูมินเปิดปากตอบช้าๆ ราวกับกระซิบจึงน่าตกใจยิ่งกว่าตอนเธอก็ดึงเขาเข้าหากะทันหันซะอีก 

 

 

“ฉันก็ด้วย” 

 

 

เฮ้อ อึยชานถอนหายใจแปลกๆ ออกมาพร้อมกับซุกหน้าลงที่ต้นคอยูมิน 

 

 

“แต่ว่า…” 

 

 

ยูมินกระซิบและลูบหัวอึยชานเบาๆ  

 

 

“ชาน” 

 

 

“หือ?” 

 

 

คนกำลังจะงับลำคอระหงเงยหน้าขึ้นมา 

 

 

“แค่ได้เห็นคุณ ฉันก็รู้สึกอยากแกล้งแล้ว” 

 

 

“ทำไมล่ะ”