ในระหว่างนั้น..หลิงหยุนที่อยู่ในบ้านของตนเองกับเกาเฉินเฉินก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างหลิงเสี่ยว กับต่งซานชวน เกาเฉินเฉินที่เห็นสีหน้าของหลิงหยุนถึงกับร้องถามออกมาด้วยความสงสัย..
“หลิงหยุน..เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องของเราหรอกเฉินเฉินแต่เป็นเรื่องของท่านพ่อ!”
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับพูดต่อว่า“ท่านพ่อช่างดีกับท่านแม่เหลือเกิน!”
แต่ยิ่งหลิงเสี่ยวรักมั่นในตัวหยินชิงเฉวียนมากเพียงใดก็เท่ากับเป็นการทำร้ายต่งยั่วหลานอย่างเลือดเย็นมากเท่านั้น ทำให้หลิงหยุนอดที่จะกังวลใจไม่ได้..
หลังจากที่หลิงเสี่ยวแต่งงานกับต่งยั่วหลานและให้กำเนิดหลิงซวี่แล้ว หลิงเสี่ยวก็ไม่เคยแตะต้องต่งยั่วหลานมานานหลายปี เรื่องนี้หลิงหยุนเข้าใจได้ดีว่า เป็นเพราะหลิงเสี่ยวยังคงรักมั่นในตัวแม่ของเขา ทำให้หลิงหยุนอดที่จะนึกชื่นชมความรักของหลิงเสี่ยวไม่ได้!
แต่นั่นกลับเป็นการทรมานหญิงอีกคนที่อยู่ด้วยกันอย่างเลือดเย็นเลยทีเดียว..
‘ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่!รอให้ผ่านพ้นการประลองครั้งนี้ไปก่อน ข้าคงต้องหาทางพูดจรกับท่านพ่อให้เข้าใจ.. แต่ก็คงต้องรอถามความเห็นท่านแม่ด้วยเช่นกัน!’
ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเกาเฉินเฉินก็จัดเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อย และลุกขึ้นมายืนข้างหลิงหยุน
หลิงหยุนได้ยื่นแหวนแพลตินัมให้กับเกาเฉินเฉินแทนแหวนหมั้นเกาเฉินเฉินมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะได้เตรียมแหวนไว้มอบให้กับตนเองเช่นนี้ ทั้งที่การมาของตระกูลเกาในวันนี้ก็ไม่ได้มีการแจ้งให้รู้ล่วงหน้า..
หลิงหยุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“นี่เป็นแหวนหมั้นที่ผมตั้งใจทำให้คุณ.. ผมจะสวมให้คุณเอง!”
หลิงหยุนเอื้อมไปจับมือขวาของเกาเฉินเฉินขึ้นมาจะสวมแหวนให้แต่เกาเฉินเฉินกลับร้องเตือนว่า “หลิงหยุน.. ต้องใส่นิ้วนางข้างซ้ายสิ!”
หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปว่า“ก็คุณถนัดมือขวาก็ต้องสวมมือขวาสิ! เพราะนี่เป็นแหวนพื้นที่ที่ผมตั้งใจทำให้คุณ!”
เกาเฉินเฉินร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจและหลังจากที่หลิงหยุนสอนวิธีใช้ให้แล้ว ทั้งคู่ก็เดินออกไปด้านนอกเพื่อฝึกใช้แหวนพื้นที่ให้คล่อง ด้วยการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์บนรถทั้งสามคันที่จอดอยู่..
หลิงหยุนสั่งให้เกาเฉินเฉินทดลองเคลื่อนย้ายวัตถุชิ้นเล็กๆส่วนชิ้นใหญ่ๆนั้นเขาจะเป็นผู้ทำการเคลื่อนย้ายเข้าไปเก็บไว้ในแหวนจักรวาลของตนเอง รวมถึงเตียงมังกรหลังใหญ่นั้นด้วย!
ทั้งคู่ช่วยกันขนย้ายของจากรถทั้งสามคันเข้าไปไว้ในแหวนพื้นที่ก่อนที่จะนำไปไว้ในบ้านของหลิงหยุนต่อ..
หลิงหยุนเสนอให้เกาเฉินเฉินเป็นคนจัดบ้านและห้องนอนได้ตามใจชอบ ทั้งคู่ช่วยกันจัดบ้านจนกระทั่งเสร็จ จากนั้นทั้งสองครอบครัวก็รับประทานอาหารกลางวันร่วมกันอย่างมีความสุข นอกจากคนในครอบครัวแล้วก็มีจินเหยียวกับโม่วู๋เตา และแม้แต่ต่งซานชวนอยู่ร่วมยินดีด้วย..
…….
ตกดึก..หลังจากที่หลิงหยุนส่งคนตระกูลเกากลับไปแล้ว เขาก็เดินกลับไปที่บ้านของตนเอง และเมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไป หลิงหยุนก็ถึงกับตกใจอย่างมาก!
เขาพบเกาเฉินเฉินอยู่ในชุดสีแดงพร้อมผ้าปิดหน้าสีเดียวกันดูราวกับเจ้าสาวกำลังนั่งเขาอยู่บนเตียงมังกร..
“เตียงมังกรนี้เป็นเตียงที่จักรพรรดิเฉียนหลงในสมัยราชวงศ์ชิงเคยใช้..”
“หลิงหยุน..เวลานี้เท่ากับฉันเป็นฮองเฮาส่วนนายก็คือฮ่องเต้!”
หลังจากทั้งคู่คล้องแขนกันดื่มเหล้ามงคลแล้วหลิงหยุนก็ผลักร่างของเกาเฉินเฉินให้นอนลงไปบนเตียงมังกรทันที..
…..
เตียงมังกรที่ตระกูลเกานำมามอบให้หลิงหยุนนั้นเสาสูงถึง2.85 เมตร กว้าง 2.7 เมตร และยาว 2.6 เมตร และมีน้ำหนักถึงสองตันเลยทีเดียว
เตียงมังกรหลังนี้ทำด้วยไม้ชั้นดีทั้งต้นจากไห่หนานแกะสลักเป็นรูปมังกร 99 ตัวที่ดูราวกับมีชีวิตจริงๆ และทั้งหลังก็เป็นสีดำมันเงาดูช่างโอ่อ่าอลังการยิ่งนัก
บนเตียงมังกรสีดำนั้นถูกปูไว้ด้วยที่นอนและผ้าคลุมสีแดงตัดกับเรือนร่างที่ขาวนวลเนียนของเกาเฉินเฉินยิ่งนัก..
ระหว่างที่หลิงหยุนกับเกาเฉินเฉินกำลังเริงรักกันอยู่นั้นเสียงร้องครวญครางของเกาเฉินเฉินก็ดังขึ้นเมื่อได้สัมผัสกับประสบการณ์เยื่อพรมจารีฉีกขาดเป็นครั้งแรก..
……
ในระหว่างที่เกาเฉินเฉินกำลังมีความสุขกับครั้งแรกของตนเองนั้นหลิงหยุนก็ไม่รีรอที่จะเดินพลังลับหยิน–หยางในร่าง และเริ่มต้นบ่มเพาะเคียงคู่กับเกาเฉินเฉินในทันที!
และเมื่อหยินและหยางของทั้งสองฝ่ายได้เชื่อต่อถึงกันแล้วเกาเฉินเฉินซึ่งไม่ต่างจากไม้ไผ่ที่กำลังแตกหน่ออ่อน ก็สามารถทะยานเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้ในทันที และพุ่งขึ้นสู่ขั้นเซียงเทียน-3 ได้ในที่สุด!
‘ก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ!’
หลิงหยุนถึงกับตกตะลึงกับความก้าวหน้าที่รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ของเกาเฉินเฉิน..
“ดูเหมือนครั้งนี้พลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิจะช่วยเปลี่ยนร่างของเกาเฉินเฉินให้มีความพร้อมอย่างมากเลยทีเดียว..”
เมื่อครั้งที่หลิงหยุนประมือกับนักฆ่าระดับสวรรค์ทั้งสามคนนั้นเขาได้รับพลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิเข้าไปมากมาย จึงได้ถ่ายเทพลังอมตะเข้าไปในร่างของใครๆหลายคนรอบตัวด้วย และนอกเหนือจากหนิงหลิงยู่กับฉินจิวยื่อแล้ว เกาเฉินเฉินก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากพลังอมตะนี้..
และหากร่างของเกาเฉินเฉินไม่มีคุณสมบัติที่ล้ำเลิศจริงดยุคแดร๊กคิวล่าคงไม่ลงมาจัดการกับหลิงหยุนด้วยตัวเองถึงที่จิงฉูเป็นแน่
‘น่าแปลก..พลังอมตะในร่างของเกาเฉินเฉินซ่อนอยู่ที่ใหนกัน เหตุใดครั้งนี้จึงไม่ออกมา? หรือว่าจะถูกใช้ไปจนหมดแล้ว.. แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้!’
หลิงหยุนได้แต่นึกสงสัยเพราะระหว่างที่เขากำลังบ่มเพาะเคียงคู่กับเกาเฉินเฉินอยู่นี้ เขากลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอมตะในร่างของเธอได้เลยแม้แต่น้อย..
เพราะหากไม่มีพลังอมตะในร่างของเกาเฉินเฉินเข้าช่วยเพียงแค่หยิน–หยางจากเกาเฉินเฉินก็คงไม่พอที่จะทำให้หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นซานเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-3) ได้เป็นแน่!
หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าแม้แต่การบ่มเพาะเคียงคู่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นให้พลังอมตะในร่างของเกาเฉินเฉินออกมาได้..
‘พู่กันจักรพรรดิ..ดูเหมือนการจะใช้พลังอมตะของเจ้าจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นเสียเหลือเกิน!’
ระหว่างที่นึกบ่มพึมพำอยู่ในใจนั้นจู่ๆ หลิงหยุนก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมาจากแหวนจักรวาลทันที
“เฉินเฉิน..คุณรีบดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปสักสองอึกก่อน!”
หลังจากที่เกาเฉินเฉินดื่มเข้าไปแล้วหลิงหยุนก็กระดกน้ำเต้าวิเศษ และดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปหลายสิบอึกเช่นกัน..
และทันทีที่น้ำลายมังกรตกถึงท้องของหลิงหยุนเขาก็สัมผัสได้ว่าพลังชีวิตจำนวนมากที่ทำให้เขารู้สึกสดชื่นจนแทบอยากจะร้องตะโกนออกมา..
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจเข้าไปภายในร่างของตนเองและพบว่าจุดตันเถียนอันน่าอัศจรรย์นั้นได้ปรากฏเส้นโค้งรูปมังกร และกระดูกสันหลังของเขาก็เริ่มกลายเป็นสีทองสุกสว่างมากยิ่งขึ้น!
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าตนเองกำลังจะขึ้นสู่ขั้นต่อไปได้แล้วจึงรีบเรียกโอสถหลงหลิงออกมาสามเม็ดโยนเข้าปากทันที!
โอสถหลงหลิงได้เปลี่ยนเป็นปราณมังกรหมุนเวียนอยู่ภายในร่างกายและได้ทำให้จุดตันเถียนกับกระดูกสันหลังของหลิงหยุนกลายเป็นสีทองสุกสว่างมากยิ่งขึ้น! novel-lucky
ในเวลานั้นเอง..ปราณมังกรในร่างของหลิงหยุนก็เริ่มกระจายออกจากร่าง และปกคลุมพื้นทั้งหมดของเตียงมังกรไว้!
จากนั้นปราณมังกรในร่างกายของหลิงหยุนก็เริ่มโคจรจากจุดตันเถียนไปตามเส้นลมปราณและพุ่งตรงไปยังจุดกลางหว่างคิ้วของตนเอง.. ในเวลาเดียวกันนั้น..น้ำลายมังกรที่เกาเฉินเฉินดื่มเข้าไปก็เริ่มทำหน้าที่ของตนเอง ปราณมังกรจำนวนมากภายใต้การนำของหลิงหยุน ได้ไหลเวียนเข้าสู่จุดกลางหว่างคิ้วของเกาเฉินเฉิน..
และทันทีที่จุดหว่างคิ้วของเกาเฉินเฉินถูกปราณมังกรพุ่งทะลวงพลังอมตะก็ถูกบีบให้ไหลออกจากจุดหว่างคิ้วทันทีเช่นกัน..
‘ซ่อนอยู่ที่นี่จริงๆด้วย!’
หลิงหยุนไม่รีรอเขารีบโคจรลมปราณของตนเองนำเอาพลังอมตะจากกลางหว่างคิ้วของเกาเฉินเฉิน ให้หมุนเวียนไปทั่วร่างของพวกเขาทั้งสองผ่านการบ่มเพาะเคียงคู่ในทันที!
ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ไม่รีรอที่จะเดินพลังลับหยิน–หยางเพื่อพาตนเองให้เข้าสู่ขั้นซานเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-3) ในทันทีเช่นกัน!
และทันทีที่พลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิทำงานก็เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างมากมาย.. เตียงมังกรขนาดใหญ่ก็ได้ปลดปล่อยปราณมังกรและปราณจักรพรรดิออกมาทันที!
หลิงหยุนจึงรีบเปิดรูขุมขนดูดซับเอาปราณมังกรและปราณจักรพรรดิที่เตียงมังกรปลดปล่อยออกมาเข้าไปในร่างกายของตนเองทันที!
นี่คือเตียงมังกรของเฉียนหลงฮ่องเต้จึงมีทั้งปราณมังกรและปราณจักรพรรดิรวมอยู่ด้วยกัน และนี่คือปราณของโอรสสวรรค์ที่แท้จริง!
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้นเพราะจู่ๆ ก็มีของวิเศษบางชิ้นลอยออกมาจากแหวนจักรวาลของหลิงหยุน มันก็คือตราหยกจักรพรรดิที่มู่หลงเฟยจื่อได้มอบให้กับหลิงหยุนก่อนเดินทางไปฮ่องกงนั่นเอง..
และทันทีที่ตราหยกจักรพรรดิพุ่งออกมาจากแหวนจักรวาลมันก็ได้ปลดปล่อยปราณมังกร และปราณจักรพรรดิออกมามากมายเช่นกัน และร่างกายของหลิงหยุนก็ได้ดูดซับเข้าไปจนหมดอีก.. ตูม!
ภายใต้พลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิปราณมังกรและปราณจักรพรรดิจากตราหยกจักรพรรดิ และเตียงมังกร หลิงหยุนจึงสามารถเข้าสู่ขั้นซานเฉิงชี่ได้ในทันที!
ในนาทีที่เข้าสู่ขั้นซานเฉิงชี่นั้นหลิงหยุนแทบอยากจะกรีดร้อง และตะโกนออกมา เพราะไม่เพียงหลิงหยุนจะสามารถเข้าสู่ขั้นซานเฉิงชี่ได้ แต่เขายังได้รับประโยชน์อีกนานัปการด้วย..
……
ครั้งนี้พู่กันจักรพรรดิก็ได้พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของหลิงหยุนและปลดปล่อยพลังอมตะสีทองออกมามากมาย..
พลังอมตะสีทองนี้ไม่เพียงทำให้หลิงหยุนสามารถเข้าสู่ขั้นซานเฉิงชี่ได้แต่ยังทำให้ร่างกายของหลิงหยุนแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นจุดตันเถียน เส้นลมปราณ และจุดฝังเข็มต่างๆ! นอกเหนือจากพู่กันจักรพรรดิแล้วตราหยกจักรพรรดิก็พุ่งออกมาจากแหวนจักรวาลของเขาเช่นกัน อีกทั้งยังได้ปลดปล่อยปราณมังกร และปราณจักรพรรดิออกมาจำนวนมากด้วย..
ตราหยกจักรพรรดิชิ้นนี้ทำจากหยกเนื้อดีเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีความกว้างและความยาวเก้าเซ็นติเมตร ด้านบนเป็นด้ามจับที่แกะสลักเป็นรูปมังกรเสมือนหนึ่งมีชีวิตไว้อย่างงดงาม!
เมื่อเข้าสู่ขึ้นซานเฉิงชี่จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็ขยายรัศมีการรับรู้ออกไปไกลถึงสามกิโลเมตร
และหลังจากที่ได้รับปราณมังกรเข้าไปเป็นจำนวนมากกระดูกทรวงอกทั้งสิบสองชิ้นของหลิงหยุน แปดชิ้นด้านบนได้กลายเป็นสีทองจางๆ แลด้านล่างอีกสี่ท่อนได้กลายเป็นทองคำบริสุทธิ์แล้ว!
ส่วนกระดูกสันหลังทั้งยี่สิบหกชิ้นนั้นทุกส่วนล้วนกลายเป็นสีทองหมดแล้ว เหลือเพียงแค่กระดูกคอเจ็ดท่อนเท่านั้น!
‘คงต้องรอดูว่า..หลังจากที่กระดูกคอทั้งเจ็ดข้อของข้ากลายเป็นสีทองแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!’
หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าหากกระดูกทั้งหมดของตนได้กลายเป็นสีทองแล้ว จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงเช่นใดบ้าง
เวลานี้..หลิงหยุนได้รู้แล้วว่าพลังชีวิตจากตราหยกจักรพรรดินั้น ล้วนเป็นพลังของโอรสสวรรค์อย่างแท้จริง
และที่วันนี้พู่กันจักรพรรดิยอมปรากกฏตัวก็น่าจะเป็นเพราะปราณมังกร และปราณจักรพรรดิที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากเตียงมังกรนั่นเอง เพราะหลิงหยุนพบว่าพู่กันจักรพรรดิเองก็ดูดเอาปราณทั้งสองชนิดที่กระจายออกจากเตียงมังกร กับหยกจักรพรรดิเข้าไปด้วยเช่นกัน!
…..
เวลานี้..หลิงหยุนได้เข้าสู่ขั้นซานเฉิงชี่แล้ว ความเร็วในการกลั่นหยดเสินหยวนกลางหว่างคิ้ว จึงเร็วขึ้นจากเดิมถึงหกหรือเจ็ดเท่า!
ในขั้นซานฉางชี่นี้หลิงหยุนสามารถกลั่นเสินหยวนได้ยี่สิบหยดภายในสามนาที และในหนึ่งวันก็จะกลั่นได้ถึงสี่ร้อยแปดสิบหยดทีเดียว!
ในระหว่างนั้น..หลิงหยุนไม่รีรอที่จะเผาเสินหยวนกลางหว่างคิ้วสามหยด เพื่อทำให้พลังของจิตหยั่งรู้เพิ่มมากขึ้น และเริ่มทำการสำวจตราหยกจักรพรรดิอย่างละเอียดทันที!
‘ภายในมีค่ายกลพื้นที่อยู่มากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ’
หลิงหยุนถึงกับตกใจเมื่อพบว่า..พื้นผิวภายในและภายนอกตราหยกจักรพรรดินี้ ได้ถูกสลักเป็นลายเส้นเล็กๆอย่างละเอียดมากมาย และในแต่ละเส้นก็มีการสลักค่ายกลพื้นที่ไว้ด้วยเช่นกัน!
‘ตราหยกนี่น่าจะเปลี่ยนขนาดรูปร่างได้!คงต้องลองทดสอบดู..’ เมื่อคิดได้เช่นนั้น..หลิงหยุนก็กัดนิ้วมือของตนเอง และจัดการสะบัดเลือดเข้าใส่ตราหยกที่ลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นจึงเริ่มใช้จิตหยั่งรู้สื่อสารกับตราหยกทันที!
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ยอมสื่อสารด้วย..หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าเลือดที่เขาให้ไปนั้นคงจะน้อยเกินไป จึงได้เรียกกระบี่เหินเงาธนูออกมา จากนั้นจึงจัดการกรีดฝ่ามือให้เลือดไหลออก และปล่อยให้ตราหยกจักรพรรดิดูดเลือดของตนเข้าไปจนพอใจ..
การที่หลิงหยุนทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ตราหยกจักรพรรดิจดจำได้ว่าตนเองนั้นคือเจ้านายเขาจึงยินดีที่จะสละเลือดในกายให้กับมัน และหลังจากที่หยกจักรพรรดิดูดเลือดของหลิงหยุนเข้าไปเป็นเวลานาน เขาจึงเริ่มที่จะสื่อสาร และควบคุมสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ได้..
“ใหญ่ขึ้น!”
“ใหญ่ขึ้นอีก!”
ครั้งนี้ตราหยกจักรพรรดิขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึงหนึ่งเมตรไม่เพียงแค่ขนาดที่ใหญ่ขึ้น แต่หลิงหยุนยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่รุนแรงมากขึ้นด้วย
หลิงหยุนรู้ว่าเขาสามารถสั่งให้มันขยายใหญ่ได้มากกว่านี้อีกแต่เวลานี้เขาอยู่บนเตียงภายในห้องนอน จึงไม่กล้าที่จะทดลองทำเช่นนั้น..
……….
“หลิงหยุน..นี่มันอะไรกัน!”
หลิงหยุนกับเกาเฉินเฉินนั้นเวลานี้กำลังเข้าหอกันอยู่แต่จู่ๆ เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้น เกาเฉินเฉินจึงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ฮ่า..ฮ่า.. ไม่มีอะไร!”
และจู่ๆตราหยกจักรพรรดิก็ค่อยๆ ย่อขนาดเล็กลงมากจนแทบมองไม่เห็น และพุ่งเข้าไปในจุดหว่างคิ้วของหลิงหยุนทันที!
‘เฟยจื่อ..ขอบใจเจ้ามากที่มอบสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ให้กับข้า!’
และหลังจากการบ่มเพาะเคียงคู่ต่อจนเสร็จสิ้น..เกาเฉินเฉินก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 ได้!
ในขณะที่หลิงหยุนเองก็สามารถเข้าสู่ระดับกลางขั้นซานฉางชี่(ขั้นพลังชี่-3)!