บทที่ 1940 - ต่อสู้กับผู้นำหมาป่าอมตะ พลังธรรมชาติสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

รวดเร็วรวดเร็วสุดขีด!!
  แม้ว่าการต่อสู้ของทั้งสองคนจะเกิดขึ้นด้วยความเร็วสูงแต่หลายๆคนที่อยู่บริเวณโดยรอบก็ยังมองเห็นการเคลื่อนไหวได้อย่างชัดเจน บางคนก็เห็นการเคลื่อนไหวทั้งหมดเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวของคนอ่อนแอ
  ซึ่งตัวของชิงสุ่ยเองก็แทบไม่ต้องใช้กำลังเนื่องจากซือกงฟ่านที่เป็นเหมือนผู้มีพรสวรรค์ แต่กลับมีพลังอ่อนแอกว่าถานท่ายหลิงเยียนเสียอีก
  ซือกงฟ่านได้รับบาดเจ็บอย่างหนักแต่ก็ยังไม่ถึงตายเขาลุกขึ้นยืนและเห็นกระบี่ของตัวเองอยู่ในมือของศัตรู มันไม่ต่างอะไรจากการตบหน้าอย่างจัง เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเขายังไม่สามารถรับมือศัตรูได้ ทั้งๆที่เขาก็เพิ่งใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา การกระทำทั้งหมดมันทำให้เขาอายจนแทบจะอยากตาย
  เขาพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มที่มีอายุน้อยกว่าเขาโดยไม่มีทีท่าว่าเขาจะเอาชนะได้เลย
  นึกย้อนกลับไปตอนที่เขาเป็นใหญ่เหนือผู้อื่นในวันนี้เขากำลังลิ้มรสความจริงอันโหดร้าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งกว่า ทั้งยังอายุน้อยกว่า
  ชิงสุ่ยสะบัดมือปากระบี่ไปปักลงตรงหน้าซือกงฟ่าน
  ”อย่าอารมณ์เสียเลยจงยอมรับความจริงซะ เจ้าไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา ไม่ได้มีพรสวรรค์หรืออะไรจะมากดดันข้าได้อีกแล้ว จะให้พูดตามตรง เจ้าไม่มีค่าอะไรในสายตาของข้าเลย ข้าต่อสู้กับเจ้าเพราะความจำเป็น ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้ายืนอยู่บนลานราชกิจสวรรค์ ข้าคงไม่ยอมลดตัวลงมาเล่นปัญญาอ่อนกับเจ้า”ชิงสุ่ยกล่าวคำพูดถากถางอย่างไร้ปรานี
  ชิงสุ่ยจำเป็นต้องแสดงความสูงส่งของตนเองนั่นจึงหมายความว่าการพิสูจน์กำลังก็เป็นหนึ่งในวิธีการแสดงออก
  ”ฟ่านเอ๋อกลับมา!!”ผู้อาวุโสซือกงตะโกนพร้อมกับขมวดคิ้ว
  เขากำลังมองดูความหวังของตระกูลถูกผู้อื่นถากถางโดยที่เขาได้แต่ดูแต่ก็ช่วยเหลือไม่ได้ มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอย่างหนัก
  ซือกงฟ่านเงยหน้ามองชายชราจากนั้นก็ดึงกระบี่ที่ปักอยู่ด้านหน้า และจ้องมองชิงสุ่ยก่อนจะเดินกลับลงไปนั่งด้านข้าง ผู้อาวุโสซือกง
  ”ลูกผู้ชายตัวจริงไม่มีทางได้อะไรมาง่ายๆความล้มเหลวจะกลายเป็นกำแพงที่ทำให้เจ้าต้องก้าวผ่าน ไม่มีใครจะเอาชนะผู้อื่นได้ตลอด เมื่อยอมรับความพ่ายแพ้และฝึกฝนให้หนัก เจ้าก็จะพัฒนา อย่าดูถูกผู้อื่น เพราะในจักรวาลของโลกใบนี้ยังมีผู้คนอีกมากมายซ่อนตัวอยู่ภายใต้เงามืด อย่านำความพ่ายแพ้มาเป็นความรู้สึกสิ้นหวัง แล้วเจ้าจะพบแสงสว่าง”
  ผู้อาวุโสซือกงกล่าวประโยคสั้นๆและจ้องมองลานราชกิจสวรรค์โดยไม่พูดอะไรต่อแล้ว เขาเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ลูกชายคนเล็กของเขาพัฒนา แล้วจะต้องกลับมาเอาชนะชายคนนี้ได้
  ชิงสุ่ยจ้องมองผู้ชมพร้อมกับรอยยิ้ม”ยังมีใครสงสัยความสามารถในตัวของข้าอีกหรือไม่ ถ้าหากคิดว่าข้าไม่มีความสามารถและได้มาเป็นอาจารย์ขององค์ชายสิบสามโดยบังเอิญแล้วล่ะก็ ข้าจะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ขึ้นมาเรียนรู้สัจธรรม”
  คำพูดของเขาบ่งบอกถึงความยั่วยุอย่างชัดเจน
  บรรดาผู้คนที่อยู่รอบๆลานราชกิจสวรรค์ส่งเสียงฮือฮา
  ”เจ้าเด็กเมื่อวันซืนกำลังดูถูกคนที่นี่มันคิดว่าตัวเองสูงส่งอย่างนั้นสินะ เจ้ากำลังประเมินผู้อื่นต่ำไป”
  ”ไอ้เด็กสาระเลวเจ้าชักจะหยิ่งยโสเกินไปแล้ว”เสียงอันแสนเย็นชาดังกึกก้อง  ชิงสุ่ยมองไปที่ต้นเสียงก่อนจะเห็นคนคนนึงที่เขารู้จักนั้นก็คือองค์มกุฎราชกุมาร ส่วนคนที่กำลังพูดอยู่ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล
  ผู้นำหมาป่าอมตะ!!
  ภายใต้สายตาของชิงสุ่ยกำลังมองดูชายวัยกลางคนร่างผอมสวมชุดคลุมสีน้ำเงิน ใบหน้ายาวจมูกโด่ง แต่สิ่งที่พิเศษที่สุดคือแววตาที่เหมือนกับหมาป่า
  ผิวหนังร่างกายยิ่งช่วยเสริมให้ดวงตาโดดเด่นยิ่งขึ้น
  ในขณะเดียวกันที่ชายคนนั้นจ้องมองกลับมาหาชิงสุ่ยเขาก็ทุบโต๊ะ
  การปรากฏตัวของชายหนุ่มคนนี้มันทำให้แผนการของผู้นำหมาป่าอมตะผิดเพี้ยนไปหมดถ้าหากชายหนุ่มคนนี้ยังมีชีวิตรอด แผนการที่เขาวางไว้ก็จะพังพินาศอย่างแท้จริงและผลที่ตามมาก็คงจะย่ำแย่เกินกว่าจะจินตนาการได้
  ”เจ้าเป็นใคร?หรือว่าข้าไปทำอะไรที่กระตุ้นความเครียดแค้นให้กับเจ้า?”
  คำพูดถากถางของชิงสุ่ยมาทำให้เส้นเลือดหน้าผากผู้นำหมาป่าอมตะปูดโปน “ข้าคงจะอยู่อย่างสงบสุข ถ้าหากเจ้าไม่ดูถูกข้า เจ้าถามข้าสินะว่าข้าเป็นใคร ข้าก็คือผู้นำหมาป่าอมตะ” เขาพยายามสงบสติอารมณ์ขณะกล่าวกับชิงสุ่ย
  ชิงสุ่ยทำเป็นเงียบจากนั้นก็ขมวดคิ้วและพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผู้นำหมาป่าอมตะอดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ไหว
  ”ผู้นำหมาป่าอมตะ? ใครกันทำไมข้าไม่เห็นรู้จัก?”ชิงสุ่ยกล่าวถามด้วยสีหน้าจริงจัง เขาพยายามทำเหมือนว่าเขาไม่เสแสร้ง ทั้งที่จริงแล้วมันเป็นความหยิ่งยโสจะทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวถึงอกแตกตาย
  ”ไอ้สาระเลวเจ้าคงไม่รู้จักขีดจำกัดของตัวเองแล้วสินะ” ผู้นำหมาป่าอมตะแผดเสียงตะโกน
  ลึกๆในใจของเขารู้ดีว่าชิงสุ่ยมันทำทุกอย่างโดยเจตนาในฐานะที่เขาเป็นถึงผู้นำหลักขององค์มกุฎราชกุมาร ผู้นำหมาป่าอมตะย่อมต้องมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ถ้าหากองค์มกุฎราชกุมารได้ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เขาก็จะได้รับตำแหน่งบุคคลสำคัญสูงสุดไปในทันที ฉะนั้นการที่ผู้อื่นกำลังจะขึ้นมาเป็นใหญ่เหนือเขา และกล่าวคำดูถูกเหยียดหยามโดยเด็กเมื่อวานซืน เขาที่เป็นถึงคนสำคัญย่อมต้องรู้สึกอับอายและไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะโกรธแค้น
  ”คิดจะมีปัญหากับข้าข้าเป็นคนซื่อตรง เลยขอบอกว่าเจ้ากำลังจะเอาหน้าชนกำแพง”ชิงสุ่ย จ้องมองสีหน้าโกรธแค้นของผู้นำหมาป่าอมตะ
  อดีตผู้นำเทวะสูงสุดจากกลุ่มพระราชวังอมตะเบญจพิษคนหนึ่งที่ถูกชิงสุ่ยฆ่าก็เป็นคนของผู้นำหมาป่าอมตะมีหรือที่คนอย่างเขาจะยอมนั่งอยู่เฉยๆไม่ทำอะไร
  ”ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วข้าจะสอนให้เจ้ารู้เองว่าใครกันที่แข็งแกร่งกว่า ข้าไม่ได้อยากจะรังแกเด็ก แต่ในฐานะผู้ใหญ่ ข้าคงต้องสั่งสอนเด็กให้รู้จักหลาบจำเสียบ้าง”ในชั่วพริบตาผู้นำหมาป่าอมตะก็มาปรากฏกายอยู่บนลานราชกิจสวรรค์
  ชิงสุ่ยสายหน้า”บอกตามตรง ข้าไม่ชอบให้ใครมายืนอยู่ใกล้ๆข้า”
  ผู้นำหมาป่าอมตะกำหมัดแน่น”ข้าจะให้โอกาสเจ้าลงไปด้านล่าง มิฉะนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสได้ก้าวเดินลงไปด้านล่างอีกแล้ว”
  ชิงสุ่ยเคยเห็นรอยยิ้มอันน่าสยดสยองจนทำให้ผู้นำหมาป่าอมตะรับรู้ถึงแรงกดดันอย่างหนักจนใบหน้าบิดเบี้ยว ภาพแรกที่เขาเห็น ชิงสุ่ยมีใบหน้าคล้ายผู้หญิงและมีความเย็นชาอยู่รอบกายเล็กน้อย แต่ตอนนี้ตัวของเขาเหมือนฟ้าครึ้มที่พร้อมจะฟาดฟันสายฟ้าใส่ผู้อื่น ผู้นำหมาป่าอมตะรับรู้ได้เลยว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดมันไม่ดีแน่
  ”ข้าจะทำให้เจ้ารับรู้เองว่าใครควรยืนอยู่บนนี้”
  ชิงสุ่ยกระทืบเท้าพุ่งทะยานเข้าหาผู้นำหมาป่าอมตะโดยตรงก่อนจะไปปรากฏยืนอยู่ตรงหน้าผู้นำหมาป่าอมตะ และปลดปล่อยหมัดตรงเข้าใส่
  หมัดที่เขาปล่อยออกไปเป็นเพียงแบบง่ายๆปราศจากทักษะใดๆทั้งสิ้น
  มันคือหมัดธรรมดาที่มีเพียงแค่พลัง
  ปังงงงง!!
  ผู้นำหมาป่าอมตะตระหนักได้ทันทีเลยว่าเขาประเมินเด็กหนุ่มคนนี้ต่ำไปมากเขาจึงรีบปลดปล่อยเพลงหมัดพยัคฆ์ระเบิดที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาลเข้าต้านทาน
  ทั้งคู่ถูกแรงกระแทกทำให้ต้องถอยหลังกลับไป1 ก้าว แต่ชิงสุ่ยก็เพิ่งกลับมาต่อยอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดหย่อน
  ปังงงงง
  ปังงง
  ปังงง………………..
  ชิงสุ่ยปล่อยหมัดออกไปโดยใช้แค่หมัดธรรมดาไม่ได้ใช้ทักษะอะไรเลย แต่ทุกหมัดที่เขาปล่อยออกไป มันจะมีความเร็วเพิ่มขึ้นและอัดแน่นไปด้วยพลังที่น่ากลัวเกินกว่าจะต้านทานไหว
  ทางด้านตัวของผู้นำหมาป่าอมตะยังคงยุ่งอยู่กับการสรรหากระบวนท่าประหลาดเพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรูเขาพยายามปกป้องตัวเองแต่ก็พบว่ามันของศัตรูกำลังรุนแรงมากขึ้น จนกระทั่งเขาเริ่มรับรู้แล้วว่าเวลาแห่งความน่ากลัวมันกำลังใกล้เข้ามา หรือว่าชายหนุ่มคนนี้จะครอบครองพลังธรรมชาติสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์