เล่มที่ 23 เล่มที่ 23 ตอนที่ 662 อวิ๋นจิ่น เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เท้าของมู่หรงฉีเหมือนจะเหยียบอันใดบางอย่าง ดัง ‘แกร๊ก’

ท่าทางของเยี่ยโยวเหยาและอวิ๋นจิ่นเปลี่ยนเป็นจริงจังและระแวดระวัง

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘แกร๊ก แกร๊ก’ มีลูกธนูพุ่งตรงมาที่พวกเขาทั้งสามดั่งห่าฝน อวิ๋นจิ่นรีบยกแขนเสื้อขึ้นป้องกัน เยี่ยโยวเหยาก็ดึงกระบี่เสวียนหยวนมาถือไว้ในมือ มู่หรงฉีรีบยกอาวุธในมือขึ้นอย่างไม่ลังเล

อย่างไรก็ตาม หลังจากมู่หรงฉียกเท้าออก ลูกศรที่พุ่งตรงมาหาพวกเขา ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น

‘ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก’

‘ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก… ’

ร่างสีดำร่างหนึ่ง ร่างสีขาวนวลจันทร์ร่างหนึ่ง และร่างสีขาวราวหิมะร่างหนึ่ง พากันหลบหลีกลูกศรที่พุ่งมาราวกับห่าฝน พวกเขาป้องกันลูกศรที่โจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่กำลังปัดป้องลูกศรเหล่านั้น อวิ๋นจิ่นได้หลบออกไปด้านข้าง และกดปุ่มที่ผนังหิน ไม่นานนัก ช่องทางลับก็ปรากฏขึ้นบนผนังหิน

“โยวอ๋อง ฉีอ๋อง! ทางนี้! ”

เยี่ยโยวเหยาและมู่หรงฉีรีบหลบเข้าไปในทางเดินลับ อวิ๋นจิ่นก็ตามเข้าไปเช่นกัน

หลังจากที่ทั้งสามเดินเข้าไปในเส้นทางลับ ประตูทางเดินลับที่อยู่ด้านหลังก็ค่อยๆ ปิดลง

ทั้งสองฝั่งของทางเดินลับมีตะเกียงหมื่นปีส่องสว่าง ทำให้ภายในเส้นทางลับสว่างไสวราวกับยามกลางวัน อวิ๋นจิ่นเดินนำทางเยี่ยโยวเหยาและมู่หรงฉี

เยี่ยโยวเหยาเดินตามอวิ๋นจิ่นอยู่ด้านหลัง เขามองแผ่นหลังของอวิ๋นจิ่นด้วยแววตาซับซ้อน โดยไม่พูดสิ่งใด

ไม่นานนัก ทั้งสามก็มาถึงห้องลับห้องหนึ่ง

เดิมที ตำหนักใต้ดินของสกุลถังยังมีกลไกอีกมาก ทว่าเส้นทางลับที่พวกเขาเดินมาเมื่อครู่นั้นเป็นทางลับสุดยอด ปกติแล้ว มันเป็นเส้นทางเดินที่คนในสกุลถังใช้เข้าออก เพื่อหลีกเลี่ยงกลไกในตำหนักใต้ดิน ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าไปในเส้นทางลับ และหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น

ตอนนี้ ห้องลับที่พวกเขาอยู่มีประตูสามบาน และด้านหลังประตูทั้งสามบานก็เป็นเส้นทางลับ

มั่นใจได้เลยว่า สุดทางเดินของเส้นทางลับย่อมแตกต่างกัน มีสองเส้นทางที่เป็นเส้นทางอันตราย มีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้นที่ปลอดภัย

ชัดเจนว่านี่เป็นวิธีการที่สกุลถังใช้เพื่อขจัดภัยอันตรายของสกุล เพื่อป้องกันเหตุอันไม่คาดคิด และป้องกันคนภายนอกที่เข้ามาในเส้นทางลับ

ใบหน้าของมู่หรงฉีปรากฏความผิดหวังเล็กน้อย “ดูเหมือนเราจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกอีกครั้ง”

เยี่ยโยวเหยามีท่าทีเย็นชา เขาจ้องมองเส้นทางลับทั้งสามด้วยแววตาสงบนิ่ง และไม่พูดสิ่งใด

อวิ๋นจิ่นก็นิ่งเงียบเช่นกัน

ผ่านไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้น อวิ๋นจิ่นก็พูดขึ้นว่า “เลือกเส้นทางลับมาคนละหนึ่งเส้นทางเถิด! หากเส้นทางของผู้ใดถูกต้อง ก็ให้ไปตามหาไข่มุกทะเลใต้พิภพที่ศูนย์กลางของตำหนักใต้ดิน หากเลือกผิดเป็นเส้นทางอันตราย ก็ดูแลตนเอง ทว่าต้องเอาชีวิตรอดออกมาให้ได้”

ข้างนอกยังมีคนสำคัญรอพวกเราอยู่

เยี่ยโยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าหมดหนทางแล้วหรือ? ”

อวิ๋นจิ่นส่ายศีรษะ “กระหม่อมหมดหนทางแล้ว ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงเดิมพันดูสักครั้ง! ”

เยี่ยโยวเหยาไม่ได้พูดสิ่งใดอีก ทว่าดวงตาของเขาแสดงออกว่าไม่เชื่ออย่างชัดเจน

ระหว่างทาง อวิ๋นจิ่นจงใจปิดบังความสามารถของตนเอง มู่หรงฉีอาจไม่ทันสังเกตเห็น ทว่าจะรอดพ้นสายตาของเยี่ยโยวเหยาได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยากำลังคิดสิ่งใด จึงไม่ได้เปิดโปงอวิ๋นจิ่น

อวิ๋นจิ่นยืนอยู่ระหว่างเยี่ยโยวเหยาและมู่หรงฉี “โยวอ๋อง พระองค์ทรงเลือกก่อนเถิด! ”

เยี่ยโยวเหยาเลือกเส้นทางที่อยู่ด้านหน้าของเขา ซึ่งเป็นเส้นทางที่อยู่ด้านซ้ายสุด

“ฉีอ๋อง เชิญเลือกพ่ะย่ะค่ะ! ”

มู่หรงฉีเลือกเส้นทางที่อยู่ด้านหน้าของตนเองเช่นกัน ซึ่งเป็นเส้นทางด้านขวาสุด เหลือเพียงเส้นทางตรงกลางให้อวิ๋นจิ่น

อวิ๋นจิ่นไม่ได้คัดค้านอันใด ทั้งยังเอ่ยเตือนพวกเขาอีกครั้งว่า “ที่นี่คือสำนักถังเหมิน แน่นอนว่าต้องมีกลไกและยาพิษจำนวนมาก ท่านอ๋องทั้งสองต้องระมัดระวังให้มาก”

อวิ๋นจิ่นพูดพลางหยิบยาเม็ดจำนวนสามเม็ดออกมาจากแขนเสื้อ และมอบให้เยี่ยโยวเหยากับมู่หรงฉีคนละเม็ด

“หลังจากเสวยยาเม็ดนี้ จะสามารถต่อต้านสารพิษทั่วไปได้ จากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับทั้งสองพระองค์แล้ว”

พูดจบ อวิ๋นจิ่นก็เหลือบมองมู่หรงฉีด้วยแววตาลึกซึ้ง “ฉีอ๋อง พระองค์สามารถเสวยยาวิเศษของสัตว์เทพปี้ฟาง กระหม่อมและโยวอ๋องจะช่วยพระองค์ปรับสมดุลพลังภายใน”

ในบรรดาสามคนนี้ วรยุทธ์ของมู่หรงฉีด้อยที่สุด อย่างไรเสีย เขาก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของซูจิ่นซี อวิ๋นจิ่นเกรงว่ามู่หรงฉีจะไม่สามารถรับมือกับอันตรายในเส้นทางลับได้

มู่หรงฉีเข้าใจเจตนาของอวิ๋นจิ่น จึงรับประทานยาวิเศษ เยี่ยโยวเหยาก็ไม่ได้คัดค้านอันใด และร่วมมือกับอวิ๋นจิ่นเพื่อช่วยปรับสมดุลพลังภายในให้มู่หรงฉี

เมื่อปรับสมดุลพลังภายในเรียบร้อยแล้ว มู่หรงฉีจึงทดลองเดินพลังภายใน เป็นดั่งที่คิดไว้จริงๆ พลังภายในของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก แววตาของเขาแสดงออกถึงความยินดี

“ขอบคุณหมอหลวงอวิ๋นและโยวอ๋อง”

เยี่ยโยวเหยายังคงไม่พูดสิ่งใด

อวิ๋นจิ่นอธิบายลักษณะของไข่มุกทะเลใต้พิภพโดยคร่าวๆ “ไข่มุกทะเลใต้พิภพคือหนึ่งในศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพีหนี่ว์วา เป็นไข่มุกแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์ มีขนาดเท่าหนึ่งกำปั้น และมีสีส้ม สิ่งของสำคัญเช่นนี้ สำนักถังเหมินคงไม่วางไว้ในจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนนัก อาจวางไว้ในจุดลับที่มีสิ่งอื่นปกปิดไว้”

หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ อวิ๋นจิ่นยังพูดเสริมอีกว่า “ท่านอ๋องทั้งสองพระองค์ หากพบอาวุธหรือเครื่องประดับ ต้องใส่พระทัยให้มากเสียหน่อย”

เมื่อพูดจบ ทั้งสามก็ไม่พูดสิ่งใดอีก ก่อนจะเดินเข้าสู่เส้นทางลับที่ตนเองเลือก

เยี่ยโยวเหยาเดินเข้าไปก่อน

คราแรก ในเส้นทางลับมีตะเกียงหมื่นปีคอยให้แสงสว่าง ทว่ายิ่งเดินลึกเข้าไป แสงสว่างโดยรอบยิ่งมืดลง

ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็สังเกตเห็นบางอย่าง จึงรีบหันหลังเดินออกจากเส้นทางลับ

หลังจากนั้น อวิ๋นจิ่นก็เดินเข้าไปในเส้นทางลับ

อวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปได้ไม่นาน อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าเขารับรู้ได้ถึงสิ่งใด จึงขมวดคิ้วมุ่น

บรรยากาศรอบตัวเขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นอึมครึม

จากนั้นไม่นาน บรรยากาศอึมครึมก็กลายเป็นสีเทา

เป็นดั่งที่คาดไว้ มันคือพิษไร้เงาของสำนักถังเหมิน

ชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของอวิ๋นจิ่นพลันถมึงทึง

แววตาของเขาราวกับมองสรรพสิ่งบนโลก เขามองไปที่กลุ่มหมอกพิษด้วยสายตาเย็นชา เพียงโบกแขนเสื้อแผ่วเบา กลุ่มหมอกพิษก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า

ครู่หนึ่ง บรรยากาศรอบตัวของเขาเย็นลงเล็กน้อย

เมื่อเดินต่อไปอีกไม่นาน อวิ๋นจิ่นก็หมุนกลไกบางอย่างบนผนัง

เสียงเคลื่อนที่ของกลไกดัง ‘แกร๊ก แกร๊ก’ ประตูบนผนังเปิดออก ปรากฏเป็นเส้นทางลับอีกเส้นหนึ่งอยู่ข้างหลัง

เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นจิ่นคุ้นเคยกับเส้นทางลับในตำหนักใต้ดินของสกุลถังเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้น เขาจะพบตำแหน่งเฉพาะของเส้นทางลับเหล่านี้อย่างง่ายดายได้อย่างไร

ทว่าหลังจากเส้นทางลับเปิดออก อวิ๋นจิ่นกลับไม่เดินเข้าไปในทันที เขายืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางปกติ

เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปในเส้นทางลับนั้น

อย่างไรก็ตาม อวิ๋นจิ่นเพิ่งเดินไปได้สองก้าว ฝุ่นทรายบนพื้นก็ลอยตัวขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ แสงเย็นเยือกวาบผ่าน เยี่ยโยวเหยาเหาะลงมาข้างกายเขา และบีบคอเขาแน่น

“โยวอ๋อง พระองค์ทำอันใดพ่ะย่ะค่ะ? ”

ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาทอประกายเย็นชา “เจ้าคือใครกันแน่? ”

“กระหม่อมคืออวิ๋นจิ่นแห่งสำนักหมอหลวง ท่านอ๋องทรงลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”

“สิ่งที่ข้าถามคือสถานะที่แท้จริงของเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า ทางที่ดีเจ้าควรพูดความจริงออกมา ไม่เช่นนั้น ข้าจะหักคอของเจ้าเสีย”

อวิ๋นจิ่นไม่ได้ออกแรงต่อต้าน ทั้งยังสัมผัสได้ถึงดวงตาสีแดงก่ำของเยี่ยโยวเหยา

“กระหม่อมมีสถานะอื่นที่ใดกัน? ท่านอ๋องตรัสอันใด กระหม่อมฟังไม่เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาเต็มไปด้วยไอสังหาร เขาออกแรงบีบคอของอวิ๋นจิ่นแรงขึ้น “พูด! ”