ดวงตาดำขลับของเยี่ยโยวเหยาเต็มไปด้วยความเย็นชาเคร่งขรึม มือที่บีบคออวิ๋นจิ่น ค่อยๆ ออกแรงมากขึ้น จนใบหน้าของอวิ๋นจิ่นแดงก่ำ ริมฝีปากเป็นสีม่วง ในไม่ช้า หน้าผากและแก้มของเขาก็มีเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นมา
ทว่าอวิ๋นจิ่นยังคงไม่พูดสิ่งใด ดวงตาอบอุ่นของเขาสบสายตาเย็นชาและดื้อรั้นของเยี่ยโยวเหยา
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของอวิ๋นจิ่น เยี่ยโยวเหยาจึงคลายมือออกอย่างเชื่องช้า
อวิ๋นจิ่นยืนอยู่ด้านข้าง พลางหายใจเข้าออกอย่างแรง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกลับมามีท่าทีปกติ
เยี่ยโยวเหยามองอวิ๋นจิ่นด้วยใบหน้าเย็นชา “ไข่มุกทะเลใต้พิภพอยู่ที่ใด? นำทาง! ”
เมื่อครู่ อวิ๋นจิ่นเกือบจะตายในน้ำมือของเยี่ยโยวเหยา ทว่าใบหน้าของเขายังคงแสดงออกอย่างนอบน้อม “ท่านอ๋อง กระหม่อมก็ไม่รู้ว่าไข่มุกทะเลใต้พิภพอยู่ที่ใด”
แววตาเย็นชาของเยี่ยโยวเหยายังคงแสดงออกอย่างไม่เชื่อ เขาไม่พูดสิ่งใดอีก ทำเพียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เดินไป! ”
อวิ๋นจิ่นหันหลังและเดินลึกเข้าไปในเส้นทางลับ โดยมีเยี่ยโยวเหยาเดินประกบอยู่ด้านหลัง
แท้จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ที่อวิ๋นจิ่นให้เยี่ยโยวเหยาเลือกเส้นทางลับ เยี่ยโยวเหยาไม่ได้สนใจเส้นทางที่เลือกแม้แต่น้อย เขาเลือกโดยไม่ใส่ใจสิ่งใด
เนื่องจากเขาสังเกตเห็นความผิดปกติของอวิ๋นจิ่นตั้งแต่แรก ทั้งยังรู้ว่า เพียงตามอวิ๋นจิ่นไป เขาจะต้องหาไข่มุกทะเลใต้พิภพเจออย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ภายในใจอวิ๋นจิ่นคิดสิ่งใดนั้น ไม่มีผู้ใดคาดเดาได้เลย
อวิ๋นจิ่นเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบงัน โดยมีเยี่ยโยวเหยาเดินตามอยู่ด้านหลัง ทั้งสองเดินด้วยความเงียบ ตรงไปในเส้นทางลับที่ทอดยาว
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสองก็เดินมาถึงห้องลับอีกห้อง ซึ่งมีลักษณะเหมือนห้องลับก่อนหน้านี้ อวิ๋นจิ่นค้นพบกลไกในห้องลับอย่างรวดเร็วเหมือนเช่นเคย เสียงกลไกดัง ‘แกร๊ก แกร๊ก’ ก่อนจะปรากฏเส้นทางเดินที่ผนัง เมื่อเดินเข้าสู่เส้นทางนั้น พวกเขาก็พบกับตำหนักขนาดใหญ่
ภายในตำหนักเต็มไปด้วยอัญมณีทอประกาย อาวุธทางการทหาร ของวิเศษล้ำค่า และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ละลานตระการตา
สิ่งของมีค่าชั้นเลิศจากภายนอกล้วนถูกรวบรวมมาไว้ที่นี่ ทว่าของบางอย่างในที่แห่งนี้ ข้างนอกอาจไม่มีก็เป็นได้
เส้นทางยาวไกลด้านนอก เต็มไปด้วยความยากลำบาก ที่นี่นับว่าไม่ยากสำหรับอวิ๋นจิ่น
ไม่นานนัก อวิ๋นจิ่นก็พบกล่องผ้าใบหนึ่ง ระหว่างกล่องผ้ามีรอยแยก ด้านบนรอยประกบมีหยกหรูอี้หนึ่งคู่ ด้านล่างของหยกหรูอี้คือตราพระราชลัญจกร อวิ๋นจิ่นใช้พลังภายในทำลายผนึกตราพระราชลัญจกรจนแตกละเอียด ทันใดนั้น ไข่มุกทะเลใต้พิภพที่อยู่ด้านในก็ส่องประกายเจิดจ้า
ทว่าไข่มุกทะเลใต้พิภพเป็นของล้ำค่าหายาก ไม่แปลกที่สำนักถังเหมินจะเก็บรักษาอย่างรัดกุมเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะซ่อนไว้รัดกุมเพียงใด อวิ๋นจิ่นก็หาเจอมิใช่หรือ?
แม้เยี่ยโยวเหยาจะเดินตามอยู่ข้างหลัง ทว่าตลอดทาง อวิ๋นจิ่นไม่ได้คิดกำจัดเยี่ยโยวเหยา และไม่คิดปิดบังว่าตนเองคุ้นเคยกับตำหนักใต้ดินของสำนักถังเหมินเป็นอย่างดี
เนื่องจากด้านนอกยังมีอีกสองชีวิตที่กำลังรอพวกเขาอยู่ ทั้งซูจิ่นซียังหมดลมหายใจไปแล้ว นางรอให้พวกเขานำไข่มุกทะเลใต้พิภพไปช่วยชีวิต
ยิ่งพวกเขาอยู่ที่นี่นานเท่าใด ซูจิ่นซีที่อยู่ด้านนอกก็ยิ่งมีโอกาสรอดชีวิตน้อยลงเท่านั้น
เรื่องราวทั้งหมดที่ซูจิ่นซีพบเจอ อยู่เหนือการควบคุมของอวิ๋นจิ่น อวิ๋นจิ่นไม่กล้านำชีวิตของซูจิ่นซีมาเสี่ยง เขาไม่อาจเดิมพันได้อีกแล้ว
“ท่านอ๋อง นี่คือไข่มุกทะเลใต้พิภพ! ” อวิ๋นจิ่นยื่นไข่มุกทะเลใต้พิภพให้เยี่ยโยวเหยา
แม้จะเป็นไข่มุก ทว่าความจริงแล้วกลับเป็นศิลาหลากสีก้อนหนึ่ง แน่นอนว่าไข่มุกทะเลใต้พิภพมีพลังวิญญาณมากกว่าหินธรรมดา อย่างไรก็ตาม มันคือหนึ่งในหินเจ็ดสีที่เทพีหนี่ว์วาเคยใช้สมานลอยแยกบนท้องฟ้า
เยี่ยโยวเหยาเหลือบมอง ก่อนจะเก็บไข่มุกทะเลใต้พิภพไว้ จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากตำหนัก
เวลานี้ มู่หรงฉีที่อยู่ในเส้นทางลับอีกเส้นทางหนึ่ง ไม่ได้โชคดีเหมือนเยี่ยโยวเหยาและอวิ๋นจิ่น
หลังจากเข้าสู่เส้นทางลับ มู่หรงฉีเดินไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงประหลาด
เขาขมวดคิ้วแน่น ขณะที่กำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้น ก้อนหินหนักอึ้งก้อนหนึ่งก็ตกลงมาทางด้านหลัง ขวางเส้นทางของเขาเอาไว้ มู่หรงฉีตื่นตระหนกอย่างมาก เขาตระหนักได้ในทันทีว่า เส้นทางที่เขาเลือกนั้นเป็นทางตัน
มู่หรงฉีตั้งสติไม่หวาดหวั่น เขาจับอาวุธในมือแน่น และเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า
เมื่อเดินไปได้ระยะหนึ่ง ทันใดนั้น ทางด้านหน้าก็มีเสียง ‘ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ’ ดังขึ้น
มู่หรงฉีจับอาวุธในมือแน่น สายตาจับจ้องทางข้างหน้าราวกับเหยี่ยว และเฝ้าระมัดระวังเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
กลุ่มหมอกสีดำค่อยๆ ลอยออกมาจากเส้นทางลับ เมื่อมองเห็นได้ชัดเจนแล้ว มู่หรงฉีจึงตระหนักได้ว่าหมอกสีดำนั้นคือสิ่งใด
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแมงมุมขนาดเท่ากำปั้น
เขาและดวงตาของแมงมุมเป็นสีแดงโลหิต เพียงมองก็รู้ว่าพวกมันถูกเลี้ยงมาด้วยสารพิษ
เหล่าแมงมุมรวมตัวกันอย่างหนาแน่นบนพื้น บนผนัง และบนเส้นทางลับ จนกลายเป็นสีดำเข้ม
ต่อให้พวกมันไม่มีพิษ ทว่าแมงมุมจำนวนมากโจมตีมู่หรงฉีเพียงคนเดียว มู่หรงฉีก็ไม่สามารถหนีได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นแมงมุมเหล่านี้ยังมีพิษ
มู่หรงฉีมองแมงมุมที่ค่อยๆ เข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าจริงจัง ดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นมาบนหน้าผาก
เมื่อแมงมุมพิษเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ มู่หรงฉีรวบรวมพลังแทบทั้งหมด และโจมตีไปที่แมงมุมพิษ
สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ พลังของเขาแข็งแกร่งมากกว่าเดิมสิบเท่า
หากอาศัยพลังก่อนหน้านี้ ฝ่ามือของเขาคงสามารถจัดการกับแมงมุมที่อยู่ตรงหน้าได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ทว่าหลังจากที่เขาปล่อยพลังฝ่ามือ แมงมุมแทบทั้งหมดที่อยู่ในเส้นทางลับกลับลอยกระเด็นออกไป อีกทั้งแขนขาของพวกมันยังขาดกระจายกลางอากาศ
มู่หรงฉีชักฝ่ามือกลับมาด้วยความตกใจ แม้จะมีแมงมุมบางส่วนที่รอดตาย ทว่าพวกมันต่างหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้มู่หรงฉี
เหล่าแมงมุมต่างพากันล่าถอย
ภายในเส้นทางลับที่ว่างเปล่า เหลือเพียงมู่หรงฉีกับแขนขาเปื้อนเลือดของแมงมุมที่อยู่บนพื้น ชั่วขณะหนึ่ง ราวกับบรรยากาศรอบตัวของเขาเย็นลงเล็กน้อย
หลังผ่านเหตุการณ์เลวร้าย ทำให้มู่หรงฉีหายใจหอบถี่ หัวใจเต้นแรง ทว่าเขาพยายามทำให้ตนเองสงบ
เนื่องจากมีเพียงสถานการณ์เงียบสงบเท่านั้น จึงจะทำให้ความคิดชัดเจนและมีเหตุผลที่สุด ทั้งยังทำให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างแม่นยำ
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ครืน… ’ เข้ามาในหู
ราวกับก้อนหินพังทลายและน้ำไหลบ่า
ทว่ามู่หรงฉีมั่นใจว่าไม่ใช่เสียงของก้อนหินถล่ม และไม่ใช่เสียงน้ำไหล แต่… ดูเหมือนจะเป็น…
มู่หรงฉียังนึกไม่ออกว่าเกิดอันใดขึ้น เขารู้สึกเพียงว่าอากาศรอบตัวร้อนขึ้นอย่างกะทันหัน ราวกับจะอบตัวของเขาให้สุก
เวลาเพียงชั่วครู่ ผิวหนังหลายแห่งของเขาก็ได้รับบาดเจ็บจากความร้อน
มู่หรงฉีรีบหันไปตามเสียงนั้น จ้องมองไปยังส่วนลึกในเส้นทางลับ
มังกรอัคคีตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้นมาและโจมตีเขา สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของมันกลายเป็นสีแดงเพลิงเพราะความร้อนสูง ไม่ว่ามันเคลื่อนตัวไปทางใด ผนังกำแพงทั้งสองข้างก็จะถูกแผดเผาจนเป็นสีแดงเพลิง
เห็นได้ชัดว่า ด้วยร่างกายของมังกรอัคคีที่มีอุณหภูมิสูง มันสามารถเผาไหม้ร่างกายของมนุษย์จนไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูก
ทว่ามู่หรงฉีไม่มีทางให้หนีได้อีกแล้ว!
ทำอย่างไรดี?
ทำอย่างไรดี?
ทำอย่างไรดี?
มู่หรงฉีมองมังกรอัคคีที่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ยิ่งมังกรอัคคีเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา เสื้อผ้าบนร่างของเขาก็เริ่มติดไฟ ผิวหนังมีรอยย่นฉีกขาด ทั้งยังมีเลือดไหลออกมาเพราะความร้อนสูง…
อย่างไรก็ตาม ราวกับเขาไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใดๆ สองมือกำหมัดแน่น ดวงตาทั้งคู่กลายเป็นสีแดงก่ำ