ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 535 พบกัน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

รูปอาคมสายแล้วสายเล่ารวมตัวกันเหนือศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ ค่อยๆ ประกอบกันกลายเป็นค่ายกลอาคมขนาดมหึมาอันหนึ่ง

ค่ายกลอาคมนี้เป็นสัญลักษณ์ของจอมยุทธ์ที่เลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นที่แปด ขั้นระดับรูปญาณระยะกลาง

ตำแหน่งพิเศษที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของเสาระเบียงวังเทพและคานวังเทพบิดเบี้ยว พาให้เวลาพร่าเลือน มอบประโยชน์ให้แก่เยี่ยนจ้าวเกออย่างมหาศาล

เยี่ยนจ้าวเกอได้รับสิ่งที่ขาดแคลนที่สุดบนเส้นทางจอมยุทธ์ของตน

เวลา

ลมปราณอันแข็งแกร่งที่ดูดซับมาจากซากมังกรน้ำแข็ง ตอนนี้ยังไม่ได้ถูกหลอมโดยสิ้นเชิง ในการสั่งสมทางด้านนี้ สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว มากพอจะทำให้เขาเลื่อนเป็นขั้นบรรลุธรรม หรือแม้กระทั้งก่อนระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้เลย

สิ่งที่เขาต้องการคือการตกตะกอนของเวลา เพื่อให้ตัวเองเปลี่ยนแปลงพลังอันยิ่งใหญ่นั้นมาให้ตัวเองใช้ได้

บางทีควรจะกล่าวว่า เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ขาดเงินทอง ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องคิดคือจะใช้เงินอย่างไรมากกว่า

บัดนี้เขาอาศัยการเปลี่ยนแปลงที่เหนือความคาดหมายของเสาระเบียงวังเทพและคานวังเทพ ทำให้เขาผ่านอีกด่านได้สำเร็จ เลื่อนขั้นเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะกลาง

ในตอนนี้เขาห่างจากการสำเร็จเป็นมหาปรมาจารย์รูปญาณระยะต้นน้อยนัก

ถ้าหากจอมยุทธ์โลกผืนสมุทรที่ได้เห็นการเลื่อนเป็นระดับรูปญาณของเขาก่อนหน้านี้รู้เรื่องนี้เข้า เกรงว่าจะร้องเสียงหลงกันอีกครั้ง

หลังจากการเคลื่อนย้ายจบลง สภาพแวดล้อมพิเศษก่อนหน้าก็สลายไปด้วย

เยี่ยนจ้าวเกอมองคานวังเทพเบื้องหน้า ยังไม่อาจหลอมรวมได้ ได้แต่ให้เสาระเบียงวังเทพช่วยทำให้มันยอมศิโรราบ

จากนั้น ชายหนุ่มก็หยิบกระบี่หยกออกมา ตั้งใจรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของมัน

ขณะที่ศึกษาความผิดปกติข้างใน ในวินาทีนี้ตัวมันก็มีปฏิกิริยารุนแรงขึ้นมา

เขาบินตามการนำทางของกระบี่หยกอย่างรวดเร็ว

ความเร็วของเขาย่อมเร็วกว่าพวกสือจวิน ครั้งนี้ไม่มีใครขัดขวางอีก หลังจากตามหาอยู่ระยะหนึ่ง ข้างหน้าก็พลันส่องสว่าง

ในทะเลตาข่ายดาว หนุ่มสาวสองคนกำลังเดินทางอย่างยากลำบาก

สือจวินรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของกระบี่หยกในมือ บนใบหน้าปรากฏความยินดี พลางมองไปรอบๆ

“จวินเอ๋อร์” เยี่ยนจ้าวเกอกับร่างสมุทรสุดขอบโลกเหาะลงมาจากฟากฟ้า

ครั้นสือจวินเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ เขาก็พลันดีใจ “อาจารย์อาเสี่ยวเยี่ยน!”

เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม “ประเสริฐนัก เด็กน้อยเติบโตแล้ว”

ส่วนสือจวินนั้น เมื่อเขาเห็นใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็อดประหลาดใจไม่ได้ ส่งกระแสเสียงเบาๆ ถามว่า ‘อาจารย์อา ท่าทางของท่าน เหมือนไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย…’

“ที่แปดพิภพผ่านไปเพียงปีครึ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอตอบด้วยรอยยิ้ม

สือจวินเข้าใจในทันที เขาหันไปมองเฉินอิ๋งด้านข้าง ก่อนจะแนะนำว่า “แม่นางเฉิน คนผู้นี้คืออาจารย์อาเยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขามาแล้ว”

เห็นเยี่ยนจ้าวเกอทักทายโดยไม่กังวล สือจวินก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังสถานะ จึงแนะนำตัวอย่างเปิดเผย

เฉินอิ๋งมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความสนใจและหวาดกลัว แต่ยังคงคารวะอย่างนอบน้อม “ศิษย์ของสำนักมังกรโลหิตเฉินอิ๋ง ขอคารวะท่านเยี่ยน”

“ไม่จำเป็นต้องมากมารยาท” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย

หลังจากทักทายกันเสร็จ เขาก็ถามด้วยใบหน้าจริงจัง “เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรกันแน่?”

สีหน้าของเฉินอิ๋งกลายเป็นโศกเศร้า สือจวินสูดลมหายใจลึก อธิบายว่า “อาจารย์อา เรื่องเป็นเช่นนี้”

เขาอธิบายเรื่องราวอย่างคร่าวๆ รอบหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจฟัง นับว่าสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ตนทราบก่อนหน้า

ก่อนหน้านี้สือจวินออกจากสำนักมาถึงทะเลตาข่ายดาวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพียงลำพัง ระหว่างเดินทางได้พบกันคนของสำนักมังกรโลหิตบนเกาะแห่งหนึ่ง

ถึงแม้ว่าเขาหงส์วิเศษกับสำนักมังกรโลหิตจะไม่ถูกกันนัก แต่ว่าทั้งสองก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน รวมถึงไม่ได้รวมตัวกัน

ทว่าต่อจากนั้น สือจวินได้พบกับโอสถศักดิ์สิทธิ์รักษาบาดแผล ใบไม้ไข่มุก

ในตอนที่กำลังเก็บโอสถนั้น คนของสำนักมังกรโลหิตก็ไปถึงที่นั่นเช่นกัน เมื่อเห็นใบไม้ไข่มุกก็พลันหวั่นไหว คิดแย่งชิง ทั้งสองประจัญหน้ากัน สถานการณ์กำลังจะปะทุขึ้น

ต่อมาเฉินอิ๋งออกหน้า เกลี้ยกล่อมพวกเหนียนเหว่ย บอกว่าบนเกาะยังมีคนจากสำนักอื่น ขณะเดียวกันยังมีฝ่ายมารอยู่ด้วย เพื่อไม่ให้กลายเป็นที่หัวเราะเยาะ คนของสำนักมังกรโลหิตจึงวางมือแล้วถอยไป

ต่อมามีพายุไต้ฝุ่นล้อมน่านน้ำใกล้ๆ ไว้ คนบนเกาะไม่อาจออกไป จึงปักหลักอยู่บนเกาะ

ในตอนกลางคืนสือจวินนั่งทำสมาธิฝึกปรืออยู่บนทะเลด้านหนึ่ง พลันได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

หลังจากรีบไปดู ก็มาถึงใกล้โพรงหินแห่งหนึ่ง เห็นที่นั่นมีลูกศิษย์สำนักมังกรโลหิตสองคนลังเลไม่ทราบควรจะทำอย่างไร

แม้ว่าจะสงสัย ทว่าสือจวินก็ตัดสินใจทะลวงการขัดขวางของคนทั้งสองเข้าไปในโพรงหิน เห็นเหนียนเหว่ยคิดกระทำการสกปรก

สือจวินทำร้ายเหนียนเหว่ย พาเฉินอิ๋งพุ่งออกจากโพรงหิน ส่วนพวกเหนียนเหว่ยไล่ตามอยู่ด้านหลัง

ในตอนแรกสือจวินไม่ได้ลงมือสังหาร ทั้งสองฝ่ายวิ่งๆ หยุดๆ ขณะที่ต่อสู้กันจอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตคนอื่นก็พากันไล่ตามมา ยังมีคนของสำนักอื่นตามมาสืบสาวต้นสายปลายเหตุเพราะได้ยินข่าว

พวกเหนียนเหว่ยบอกว่าสือจวินคิดทำมิดีมิร้ายเฉินอิ๋ง ลักพาตัวเฉินอิ๋งไป เหนียนเหว่ยคิดขัดขวางแต่ถูกทำร้ายร่างกาย

ในตอนที่สู้กันเฉินอิ๋งได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ จึงหมดสติไป

ขณะนั้นมีคนจับจ้องอยู่เป็นจำนวนมาก สือจวินกอดเฉินอิ๋งที่สวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ทำให้ชั่วขณะนั้นไม่อาจแก้ตัวได้

สือจวินคิดรอให้เฉินอิ๋งฟื้นขึ้นมาเพื่อบอกความจริง ทว่าพวกเหนียนเหว่ยกลับพุ่งมาแล้ว

ระหว่างสำนักมังกรโลหิตและเขาหงส์วิเศษเดิมทีก็ไม่ปรองดองกันอยู่แล้ว ยิ่งเหนียนเหว่ยถูกทำร้าย เฉินอิ๋งถูกลักพาตัว จอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตจึงลงมืออย่างดุดัน คิดสับสือจวินเป็นชิ้นๆ

เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น สือจวินก็เดือดดาลขึ้นมาบ้าง เขาลงมืออย่างไม่ปราณีอีก แทงคนสองคนตายไป

เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ยิ่งมายิ่งมากขึ้น สุดท้ายเขาก็กอดเฉินอิ๋งกระโดดลงไปในน้ำวน

ต่อมา หลังจากหนีผ่านน้ำพุแสงดาวตกเสร็จ สือจวินก็คิดหาวิธีกลับเขาหงส์วิเศษ เพื่อขอให้คนของเขาหงส์วิเศษรักษาความยุติธรรมให้กับตัวเอง

แต่ว่าสำนักมังกรโลหิตไล่ติดตามอย่างเต็มกำลัง พวกเหนียนเหว่ยค้นพบร่อยรอยของพวกเขา จนสุดท้ายหลบหนีไปหลบอยู่ในมิติต่างแดน

สือจวินพบว่าในหุบเหวหลึกมีกลไกลที่สามารถทำให้กระแสน้ำแสงดาวทำงานได้ ต่อมาพวกเหนียนเหว่ยไล่ตามเข้ามา เกิดการต่อสู้กันที่ก้นเหวอีกครั้ง เขาสังหารอีกฝ่ายตายคาที่ จากนั้นเขาก็เปิดใช้กลไก ส่งผลให้กระแสน้ำแสงดาวกลืนกินจอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตที่เหลือ

ส่วนเหตุการณ์ต่อมาเยี่ยนจ้าวเกอได้ทราบแล้ว

หลังจากฟังจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็ก็มองสือจวิน ฝ่ายเด็กหนุ่มยิ้มอย่างขื่นขม “ตอนที่ถูกรุมบนเกาะ ข้าไม่กล้าทิ้งแม่นางเฉินแล้วหนีไปคนเดียว

“นางหมดสติไปแล้ว เกิดเหนียนเหว่ยคิดทำอะไรอีก นางย่อมไม่อาจป้องกันตัวได้”

เฉินอิ๋งเป็นบุตรสาวของเจ้าสำนักเฉินซื่อเฉิง แต่ว่าท่านตาของเหนียนเหว่ยกลับเป็นอาจารย์ของเฉินซื่อเฉิง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักมังกรโลหิต เหนียนเชิน

ในตอนนั้นจอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิรบนเกาะต่างยกให้เหนียนเหว่ยกับเฉินอิ๋งเป็นผู้นำ เมื่อเฉินอิ๋งสลบไป คนอื่นย่อมยึดถือให้เหนียนเหว่ยเป็นผู้นำเพียงคนเดียว

เหนียนเหว่ยทราบดีว่าไม่อาจทำอะไรได้ จึงฉวยโอกาสลงมือตอนที่เฉินอิ๋งไม่ได้ นั่นง่ายดายยิ่งกว่า

เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจความคิดของสือจวิน เขาไม่ได้กังวลว่าเหนียนเหว่ยจะเกิดความคิดชั่วร้ายอีก

แต่กลัวว่าจะเป็นการสังหารคนปิดปากต่างหาก

เรื่องในตอนนั้นเกิดขึ้นแล้ว น้ำสกปรกอยู่บนตัวสือจวิน คนที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาได้มีพียงคนเดียว ซึ่งก็คือเฉินอิ๋ง

สือจวินกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ในมิติต่างแดน เหนียนเหว่ยยังพอทำเนา คนของสำนักมังกรโลหิตต่างไม่ฟังคำอธิบายของแม่นางเฉิน คิดสังหารข้าที่นั่น”

“เนื่องจากว่าในตอนนั้น ก่อนที่เจ้าจะฆ่าเหนียนเหว่ย เรื่องราวได้เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอตบบ่าของสือจวิน “ไม่เป็นไร อาจารย์ของเจ้ามาถึงทะเลตาข่ายดาวแล้วเช่นกัน พวกเราไปรวมตัวกับเขาก่อนค่อยว่ากัน”