ตอนที่ 140-4 ศึกใหญ่ระหว่างหานจื่อปะทะเฒ่าชั่วแซ่หลิว

จำนนรักชายาตัวร้าย

“หลิวเซิ้ง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เห็นใบหน้าของหลิวเซิ้งเริ่มม่วงคล้ำ อวี้เฟยเยียนจึงยื่นมือไปจับชีพจรตรวจอาการให้กับเขา ส่วนตี้อู่เฮ่ออี้เองก็จับชีพจรจากมืออีกข้างอย่างเป็นกันเอง 

 

 

“ฮูหยิน ข้ามองไม่เห็นแล้ว เบื้องหน้าของข้ามืดสนิท ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย!” 

 

 

ท่าทางของหลิวเซิ้งนิ่งสงบไม่มีอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินเสียงของอวี้เฟยเยียน เขาก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก 

 

 

“พิษร้ายแรงยิ่งนัก!” หลังจากที่ตรวจอาการของหลิวเซิ้งแล้ว อวี้เฟยเยียนก็มีสีหน้าหนักใจเล็กน้อย 

 

 

“น้องพี่ พี่ในร่างของเขาก็คือพิษจากชาวตันขวา!” ตี้อู่เฮ่ออี้ที่อยู่ด้านข้างกล่าวเสียงเครียด 

 

 

ชาวตันขวา คือชาวตันผู้ทรยศ พวกเขาปรากฏตัวแล้ว! 

 

 

สำหรับพี่ชายญาติทางมารดาของอวี้เฟยเยียนคนนี้ เสิ่นถูเลี่ยเพิ่งเคยพบหน้าเป็นครั้งแรก แต่ทว่าในตอนแรกก่อนที่ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนจะเดินทางไปที่สกุลสุ่ยนั้น เขาก็เคยได้ยินชื่อคนๆนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว 

 

 

ตอนนี้อีกฝ่ายเพียงแค่ตรวจชีพจรของหลิวเซิ้ง ก็สามารถคาดเดาได้ทันทีว่าพิษชนิดนี้เกี่ยวข้องกับชาวตันขวา นั่นทำให้เสิ่นถูเลี่ยต้องเปลี่ยนมุมมองต่อตี้อู่เฮ่ออี้คนนี้ใหม่เสียแล้ว 

 

 

“หลิวเอ้าวหลานบอกว่า นี่คือพิษของตันขวาที่ชื่อว่า กวนอิมยิ้ม!” 

 

 

“ต้องรีบถอนพิษให้เร็วที่สุด!” อวี้เฟยเยียนและตี้อู่เฮ่ออี้เอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน 

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นถูเลี่ยก็ไม่รอช้า รีบแบกหลิวเซิ้งขึ้นหลังตรงดิ่งไปที่โรงเตี๊ยมเซียนเค่อทันที ตอนนี้เขายังไม่มีที่พำนักเป็นหลักแหล่งอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงเหมาโรงเตี๊ยมแห่งนี้เอาชั่วคราว  

 

 

อวี้เฟยเยียนและตี้อู่เฮ่ออี้ตามไปช่วยถอนพิษให้หลิวเซิ้ง ส่วนซย่าโหวฉิงเทียนกลับก้มมองหลิวอ้าวหลานที่นอนหอบหายใจอยู่บนพื้น  

 

 

เขาได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากหานจื่อแล้ว  

 

 

‘ฉวยโอกาสตอนที่ตนเองไม่อยู่มาหาเรื่องที่เมืองเฮ่อ?’ 

 

 

‘ยังทำร้ายหลิวเซิ้งจนบาดเจ็บ?’ 

 

 

‘คนผู้นี้ช่างกล้าหาญชาญชัยยิ่งนักนะ!’ 

 

 

“ข้านี่แหละคือประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น เจ้าไม่ใช่ต้องการแก้แค้นให้กับลูกชายลับๆของเจ้าหรือ? ลุกขึ้นมาสิ!” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยืนหลังตรง สวมชุดสีม่วงที่ปักลวดลายดอกไอริสทั้งชุด 

 

 

“ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น?” 

 

 

หลิวอ้าวหลานเงยหน้าขึ้น มองดูชายหนุ่มตรงหน้า 

 

 

‘รูปหล่อ สูงศักดิ์ ดูราวกับเทพบุตรก็ไม่ปาน’ 

 

 

หลิวอ้าวหลานเคยได้พบเห็นลูกหลานของตระกูลทั้งแปดมามากมาย ไม่มีคนไหนมีสง่าราศีเทียบเท่าชายหนุ่มชุดสีม่วงตรงหน้านี้ได้เลย 

 

 

“เจ้าสังหาร…หลิวติง?” 

 

 

หลิวอ้าวหลานพยายามฝืนยืนหยัดจนลุกขึ้นนั่งได้ แม้ว่าเขาจะถูกหานจื่อเล่นงานเสียจนร่างกายช้ำอย่างหนัก แต่เมื่อได้พบหน้าศัตรูที่สังหารลูกชายของเขาแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็อัดแน่นไปด้วยความคลั่งแค้น 

 

 

“คนเลว สมควรตาย!” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยื่นมือไปลูบหัวหานจื่อ 

 

 

“เจ้า——” 

 

 

อีกฝ่ายพูดออกมาราวกับสิ่งที่ตนเองกระทำเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักทำนองครองธรรมเสียเต็มประดา ทำเอาหลิวอ้าวหลานโกรธแค้นจนแทบกระอัก 

 

 

“เจ้าบังอาจยิ่งนัก! เจ้าไม่กลัวว่าจะล่วงเกินสกุลหลิวหรืออย่างไร?!”  

 

 

ก่อนหน้านี้หลิวอ้าวหลานจนปัญญาที่จะพูดเรื่องเหตุผลกับเจ้าสุนัขสีดำตัวยักษ์นั่นได้ เพราะเขารู้ดีว่าเดรัจฉานจะมาเข้าใจเรื่องราวของสกุลทั้งแปดได้อย่างไรกัน! 

 

 

ตอนนี้นายของมันเผยตัวออกมาแล้ว ทำให้หลิวอ้าวหลานฮึดสู้จนมีเรี่ยวแรงและพลังขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

ดังนั้น เขาจึงยกสกุลหลิวขึ้นมา เพื่อต้องการข่มขู่ซย่าโหวฉิงเทียน 

 

 

“สกุลหลิว?” เมื่อได้ยินชื่อนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ้มเยาะครั้งหนึ่ง 

 

 

“สกุลหลิวคืออะไร! แล้วเจ้าละ เป็นตัวอะไรอีก!” 

 

 

“เจ้า เจ้า——”หลิวอ้าวหลานได้ยินดังนั้นก็โมโหจนแทบกระอักเลือด 

 

 

“เจ้าหนุ่มอวดดี ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ! เจ้าคิดว่าสกุลหนานกงสามารถเทียบเทียมสกุลหลิวเราได้อย่างนั้นหรือ? อย่าคิดนะว่าเจ้าล้างบางสกุลหนานกงได้แล้ว ตนเองจะเก่งกาจเหนือใคร! หากไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลที่เหลือ เจ้าก็จะไม่มีทางเชิดหน้าชูตาบนแผ่นดินอู๋โยวได้…” 

 

 

หลิวอ้าวหลานพูดด้วยเสียงอันดัง ก็เพื่อต้องการให้ผู้คนโดยรอบได้ยินในสิ่งที่ตนเองพูด 

 

 

เพียงแต่ คำพูดข่มขู่นี้ของเขา ซย่าโหวฉิงเทียนกลับไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย 

 

 

“ดูเจ้ายังสดชื่น มีกำลังวังชายังดี ถึงสามารถพูดประโยคยาวๆได้อย่างนี้ คงจะได้รับบทเรียนไม่พอสินะ!” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนแตะที่ลำตัวของหานจื่อเบาๆ 

 

 

“หานจื่อ เจ้าแก่นี่ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าก็แล้วกันนะ! จำเอาไว้ว่า อย่าไปกินเนื้อของเขาเข้าละ! ของน่าสะอิดสะเอียดพันธุ์นี้ เอามาทำเป็นปุ๋ย ยังสกปรกพื้นที่ของข้าด้วยซ้ำไป!” 

 

 

ถูกซย่าโหวฉิงเทียนมอบหมายหน้าที่สำคัญให้ ทำเอาหานจื่อตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก 

 

 

“นายท่าน ข้าน้อยรับรองว่าจะทำหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วง” 

 

 

หานจื่อขานรับอย่างฮึกเหิม จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าหาหลิวอ้าวหลานทันที 

 

 

“ต่ำช้า! ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น เจ้าช่างต่ำช้าเหลือเกิน!” เมื่อเห็นเจ้าสุนัขตัวยักษ์กระโจนเข้ามาหาตนเองด้วยท่าทีดุดัน เขาก็กระเด้งตัวขึ้นทันที 

 

 

เมื่อเห็นหลิวอ้าวหลานด่าทอซย่าโหวฉิงเทียน หานจื่อก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป มันกัดเข้าที่ก้นของหลิวอ้าวหลานซึ่งเป็นส่วนที่เล็ดลอดร่มผ้า ตะปบเอาเนื้อก้นโชกเลือดหลุดติดมือมาด้วย  

 

 

“อ๊าก”  

 

 

หลิวอ้าวหลานที่กำลังเจ็บปวดแสนสาหัส ราวกับได้รับแรงม้าดั่งช้างสารเขาพุ่งตัวหนีอย่างรวดเร็ว 

 

 

เขาจะไม่รอความตายอยู่ที่นี่อีกแล้ว เจ้าหมายักษ์สีดำตัวนี้น่ากลัวเหลือเกิน! 

 

 

หลังจากที่หานจื่อไล่กวดตามหลิวอ้าวหลานไปจนทัน มันก็จดจำคำสั่งของซย่าโหวฉิงเทียนที่ว่าอย่าให้หลิวอ้าวหลานมาตายที่นี่ เพราะจะสกปรกพื้นดินเขตแดนของเขา ดังนั้น ฉับพลันหานจื่อจึงไล่ต้อนหลิวอ้าวหลานอย่างหนัก จนเขาหนีหัวซุกหัวซุนออกไปจากเขตเมืองเฮ่อไกลกว่าร้อยลี้ 

 

 

ผลสุดท้ายหลิวอ้าวหลานเหน็ดเหนื่อยจนขาดใจตายอยู่ที่นอกเขตเมืองเฮ่อ 

 

 

เขตของสกุลหลิวอยู่ทางใต้ของเมืองอู๋โยว ติดกับเขตของซย่าโหวฉิงเทียนนั่นเอง 

 

 

วินาทีที่ก้าวเท้าข้ามพ้นเขตเมืองเฮ่อของซย่าโหวฉิงเทียนไปนั่นเอง หานจื่อก็กระโจนขึ้นมากัดลำคอของหลิวอ้าวหลานจนขาดสะบั้น 

 

 

“ฉึก——” ศีรษะของหลิวอ้าวหลานหล่นลงบนพื้น วันนี้เขามาเพื่อแก้แค้นให้กับลูกชายแท้ๆ แต่ทว่าสุดท้าย เขากลับต้องมาจบชีวิตลงที่นี่เสียเอง 

 

 

มองดูหลิวอ้าวหลานนอนตาย ตายไม่หลับอยู่ในเขตแดนของตนเอง หานจื่อก็ตวัดหางไปมาด้วยความพึงพอใจ 

 

 

“ถือว่าทำภารกิจที่นายท่านมอบจนสำเร็จลุล่วง!” 

 

 

“ข้าน้อยจะไม่ยอมให้เจ้าเฒ่านี่ทำให้เขตแดนของนายท่านสกปรกเด็ดขาด!” 

 

 

เมื่อทำภารกิจสำเร็จ หานจื่อก็สะบัดก้นเดินกลับไปด้วยอารมณ์ที่แจ่มใส่เปรมปรีดิ์สุดๆ คงเหลือไว้เพียงศพของหลิวอ้าวหลานที่นอนตายอยู่บนพื้นอย่างเดียวดาย 

 

 

หลังจากที่หานจื่อกลับไปได้ไม่นาน บังเอิญมีฝูงหมาป่าเดินผ่านมาตรงบริเวณนี้พอดี เมื่อพวกมันเห็นว่ามีอาหาร พวกมันก็รีบพุ่งตัวเข้ามาเข้ารุมทึ้งฉีกร่างของหลิวอ้าวหลานเพียงสองสามครั้ง จนสุดท้ายศพของหลิวอ้าวหลานเหลือเพียงโครงกระดูกส่วนล่างทิ้งเอาไว้เท่านั้น 

 

 

ด้านนี้หานจื่อไล่กรวดหลิวอ้าวหลานไปไกลกว่าร้อยลี้  

 

 

ส่วนอีกด้านอวี้เฟยเยียนและตี้อู่เฮ่ออี้กำลังช่วยกันถอนพิษให้กับหลิวเซิ้ง 

 

 

พิษที่ชาวตันขวาปรุงขึ้นที่ชื่อว่า ‘กวนอิมยิ้ม’ ไม่อาจขับออกได้ง่ายๆ 

 

 

แม้ว่าตี้อู่เฮ่ออี้จะได้รับการฝึกฝนวิชาแพทย์ที่สืบทอดต่อมาจากชนเผ่าตัน แต่ตันซ้ายก็หลบหลีกจากโลกภายนอกมานาน ตัดขาดการติดต่อสื่อสารทุกด้าน หลายปีที่ผ่านมานี้ ตันขวาก็มีพัฒนาการจนยิ่งใหญ่และก้าวรุดหน้าไปมาก จึงได้คิดค้นยาพิษแปลกประหลาดต่างๆนานาขึ้นมามากมาย 

 

 

สำหรับตี้อู่เฮ่ออี้แล้ว นี่นับเป็นครั้งแรกที่ได้คลุกคลีสัมผัสกับพิษของตันขวา 

 

 

รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นตี้อู่เฮ่ออี้จึต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก 

 

 

เมื่อตี้อู่เฮ่ออี้เห็นอวี้เฟยเยียนระบายเลือดพิษของหลิวเซิ้งออกมา เขาก็พยักหน้าเบาๆ 

 

 

“น้องพี่ เจ้าต้องการจะตรวจสอบปริมาณของพิษจากเลือดของหลิวเซิ้ง แล้วค่อยหาทางปรุงยาถอนพิษจากพิษแต่ละชนิดที่พวกเขาใช้ ใช่หรือไม่?” 

 

 

“พี่เฮ่ออี้ ท่านหลักแหลมยิ่งนัก!” 

 

 

อวี้เฟยเยียนอมยิ้มเล็กน้อย ในขณะที่ทำการรักษาคนนั้น นางและตี้อู่เฮ่ออี้เข้าขากันได้เป็นอย่างดี และเนื่องด้วยคนทั้งสองทำงานร่วมกันเข้าขากันเป็นอย่างดี ดังนั้นเวลาที่ใช้ในการรักษาจึงสั้นลงมากกว่าที่ควรจะเป็นเกินกว่าครึ่ง