ตอนที่ 140-3 ศึกใหญ่ระหว่างหานจื่อปะทะเฒ่าชั่วแซ่หลิว

จำนนรักชายาตัวร้าย

แม้ว่าบรรดาช่างและคนงานเหล่านั้นจะแอบกระซิบกระซาบพูดคุยกันก็ตาม แต่หูของราชาอาวุโสนั้นสามารถได้ยินเสียงที่เบามากๆได้ เสียงหัวเราะเยาะ เสียงล้อเลียนของผู้คน ทำเอาหลิวอ้าวหลานโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เขาก็ทำอะไรสุนัขยักษ์ที่อยู่ด้านหลังของเขาไม่ได้เลย

 

 

“โอ้โห! ก้นของเจ้าเฒ่านี่ก็มีเนื้อมีหนังไม่หยอกนี่นา!”

 

 

“มิน่าเล่าถึงสามารถหลับนอนกับลูกสะใภ้จนนางตั้งท้องได้ ที่แท้ก็มีน้ำยานี่เอง!”

 

 

หานจื่อตะปบอุ้งเท้าเข้าไปอีกครั้งด้วยความสะใจ คราวนี้ผ้าทั้งชิ้นถูกอุ้งเท้าของหานจื่อตะปบจนร่วงลงมา ส่วนล่างของหลิวอ้าวหลานจึงเปลือยเปล่าทันที

 

 

แม่เจ้า…หลิวอ้าวหลานในเวลานี้อยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา

 

 

ฉับพลันหลิวอ้าวหลานก็รู้สึกว่า เมื่อครู่ที่หลิวเซิ้งเสียสละตัวเอง เพื่อล่อให้เขาลงมาที่พื้นนี่ ก็เพื่อให้เจ้าเดรัจฉานนี่รังแกโดยเฉพาะนี่เอง

 

 

น่าโมโหที่สุด!

 

 

ในขณะที่หลิวอาวหลานที่เนื้อตัวเปล่าเปลือยล่อนจ้อนกำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตนั่นเอง พลันเขาก็เหลือบเห็นกระบี่ของตัวเองหล่นอยู่บนพื้น

 

 

รู้ดีว่าหานจื่อนั้นเฉลียวฉลาด หลิวอ้าวหลานจึงเจตนาวิ่งอ้อมเส้นทางไปมา จนสุดท้ายก็มาถึงยังตำแหน่งใกล้ๆกระบี่ของตนจนได้ เขารีบพุ่งตัวเข้าไปคว้ากระบี่ขึ้นมา แล้วหมุนกายหันกลับมาจ่อกระบี่ไปที่สุนัขสีดำตัวยักษ์ทันที

 

 

เยี่ยมไปเลย!

 

 

เมื่อครู่นี้ข้าไม่มีอาวุธ จึงคิดจะต่อสู้กับเจ้าเดรัจฉานตัวนี้ด้วยมือเปล่า เท่ากับเป็นการฝันเฟื่องชัดๆ!

 

 

ตอนนี้เขาได้กระบี่กลับคืนมา เขาและกระบี่เป็นหนึ่งเดียวกัน สามารถตัดหัวเจ้าสุนัขสีดำตัวยักษ์นี่ได้ทันทีทันใด

 

 

“เดรัจฉาน ตายเสียเถอะ!”

 

 

หลิวอ้าวหานเงื้อกระบี่ขึ้น ฟันฉับไปที่หานจื่ออย่างแรง

 

 

“หานจื่อ——”

 

 

เสิ่นถูเลี่ยเริ่มเคร่งเครียด ด้วยเกรงว่าหานจื่อจะถูกกระบี่ของหลิวอ้าวหลานฟันจนขาดเป็นสองท่อน

 

 

วินาทีกระบี่กำลังจะฟันฉับเข้าที่หัวของหานจื่อนั่นเอง ทันใดนั้นมันก็ยกอุ้งเท้าอ้วนๆของมันขึ้นมา ‘ฉึก’ รับกระบี่เอาไว้

 

 

“โอ้! ใต้เท้าสุนัขเก่งกาจเหลือเกิน!” มีคนร้องขึ้นมา หานจื่อเองก็เลื่อนขั้นถูกยกย่องให้เป็น ‘ใต้เท้าสุนัข’ ที่ผู้คนพูดกันปากต่อปากไปเสียแล้ว

 

 

“โจรเฒ่า เมื่อกี้เจ้าว่าใครเป็น เดรัจฉาน?”

 

 

หากเป็นเมื่อสักครู่ละก็ หานจื่อยังมีแก่ใจหยอกเย้าล้อเล่นกับหลิวอ้าวหลานอยู่บ้าง แต่คราวนี้ มันเช่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธเคืองเสียแล้ว

 

 

“ไอ้เฒ่า!”

 

 

“เจ้าต่างหากที่เป็นเดรัจฉาน!”

 

 

“เจ้ามันเป็นเดรัจฉานทั้งตระกูล!”

 

 

“ข้าเกลียดที่ถูกด่าว่าเดรัจฉานที่สุด!”

 

 

หานจื่อใช้อุ้งเท้าของมันตวัดกระบี่ของหลานอ้าวหลานหล่นไปบนพื้น จากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบซ้ำอีกสองครั้ง

 

 

“เคร้งๆ!” กระบี่คู่กายที่ติดตามเคียงข้างหลิวอ้าวหลานมาหลายปีหักเป็นท่อนๆ

 

 

“อ๋าว——บรู๊ว——”หานจื่อกระโจนเข้าใส่ร่างของหลิวอ้าวหลาน ใช้ปากงับแขนขวาของหลิวอ้าวหลานที่ใช้จับกระบี่เมื่อครู่แล้วกระชากจนแขนนั้นขาดห เลือดสดๆไหลออกมาจนชุ่ม ความเจ็บปวดสุดแสนสาหัสนี้ทำเอาหลิวอ้าวหลานต้องนอนเกือกกลิ้งไปมาบนพื้นทีเดียว

 

 

“เจ้าคิดจะรังแกข้าเหมือนที่รังแกเสี่ยวหลิวหลิว? ข้าไม่ได้ใจดีขนาดหรอกนะ!”

 

 

หานจื่อยังบดเคี้ยวแขนขวาของหลิวอ้าวหลานต่อหน้าต่อตาเขา แล้วค่อยปิดท้ายด้วยการบ้วนเศษซากแขนใส่หน้าหลิวอ้าวหลานเอง

 

 

กระดูกแขนถูกบดเคี้ยวจนแหลกละเอียดมองเห็นเป็นเศษชิ้นเนื้อปะปนกับกระดูก ดังนั้นภาพที่ทุกคนเห็นในตอนนี้ดูราวกับแผ่นมาร์กหน้าเนื้อมนุษย์ที่ปกคลุมอยู่บนใบหน้าของหลิวอ้าวหลาน เล่นเอาผู้คนตื่นตระหนกจนขวัญกระเจิง

 

 

“สัตว์ประหลาด เจ้ามันเป็นสัตว์ประหลาด!”

 

 

ความเจ็บปวดทำให้หลิวอ้าวหลานได้สติ เขาจึงรีบสกัดจุดเพื่อห้ามเลือดให้ตนเองทันที หลังจากนนั้นเขาก็กระเด้งตัวลุกขึ้นวิ่งหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต

 

 

เมื่อเขาวิ่ง หานจื่อก็ไล่ตามหลังเขาไปอย่างไม่รีบร้อนนัก ทุกครั้งที่หลิวอ้าวหลานหันหน้ากลับมามอง หานจื่อก็จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ทำให้หลิวอ้าวหลานตกใจลนลานจนต้องสับขาตนเองให้เร็วขึ้นสุดชีวิต

 

 

เมื่อมีบทเรียนก่อนหน้านี้มาแล้ว หนึ่งหลิวอ้าวหลานจึงไม่กล้าทะยานขึ้นไปกลางอากาศอีก สองไม่กล้าวิ่งออกไปเกินกว่าขอบเขตสองร้อยเมตรอีก

 

 

เขาทำได้เพียงแค่วิ่งวนไปวนมาในขอบเขตที่หานจื่อกำหนดไว้ รอบแล้ว รอบเล่า

 

 

ขณะเดียวกัน เลือดก็ไหลออกจากร่างกายของเขาหยด ‘ติ๋งๆ’ ลงบนพื้น สีแดงไหลบนพื้น ไหลไปตามทางทุกกระเบียดนิ้วไปพร้อมๆกันกับหลิวอ้าวหลาน ที่วิ่งไปไม่หยุด จนลากรอยเลือดไปตามทางเป็นวงกลม

 

 

“คุณชายใหญ่ หานจื่อน่ากลัวเหลือเกิน!”

 

 

อาหูมองดูหลิวอ้าวหลานที่บัดนี้ใบหน้าซีดเซียว ขนลุกซู่ทั่วทั้งตัว เนื่องจากเสียเลือดมาก

 

 

ทั้งๆที่หานจื่อเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะอะไรมันถึงได้เ**้ยมโหด น่ากลัวมากถึงเพียงนี้นะ?

 

 

มันทำเช่นนี้ ตั้งใจจะทำให้หลิวอ้าวหลานเสียเลือดหมดตัวแน่แล้ว!

 

 

เห็นอาการของอาหูแล้ว เสิ่นถูเลี่ยก็อยากจะบอกเหลือเกินว่า ที่หานจื่อเป็นเช่นนี้ก็เพราะซย่าโหวฉิงเทียนสั่งสอนมันมาทั้งสิ้น! นี่ที่เขาเรียกว่านายมันเป็นอย่างไรสัตว์เลี้ยงมันก็เป็นอย่างนั้นอย่างไรเล่า!

 

 

“ตาเฒ่าหลิวตายหรือยัง?”

 

 

หลิวเซิ้งดวงตามองไม่เห็น ได้ยินเพียงเสียงผู้คนซุบซิบกัน

 

 

หลิวเซิงติดตามซย่าโหวฉิงเทียนมานานที่สุด จึงรู้ความสามรถของหานจื่อดี

 

 

หลิวอ้าวหลานมาหาเรื่อง คิดว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็คงนึกไม่ถึงว่าตนเองจะต้องตายด้วยน้ำมือของหานจื่อ

 

 

“ยังไม่ตาย แต่ ก็ใกล้แล้วละ!”

 

 

เสิ่นถูเลี่ยแอบคิดวิเคราะห์อยู่ในใจ ราชาอาวุโสมีพลังสูงกว่าจักรพรรดิอาวุโสมากนัก ต่อให้เขาลงมือเอง แล้วอีกฝ่ายคือหลิวอ้าวหลาน ก็ยังไม่แน่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายชนะ

 

 

แต่หลิวอ้าวหลานที่เป็นถึงราชาอาวุโส กลับต้องมาพินาศด้วยน้ำมือของหานจื่อ เห็นทีว่าเขาต้องมองหานจื่อใหม่เสียแล้ว!

 

 

หลิวอ้าวหลานที่เสียแขนขวา ในที่สุดก็ล้มลงในช่วงกลางดึก เพราเสียเลือดมาก

 

 

ในเวลานั้น รอบข้างเต็มไปด้วยผู้คน

 

 

สัตว์เลี้ยงของท่านประมุขทำศึกใหญ่และกำชัยชนะเหนือราชาอาวุโส เมื่อเรื่องนี้ถูกป่าวประกาศออกไป เดิมทีผู้คนไม่ค่อยมีใครเชื่อเท่าไหร่นัก ดังนั้นจึงได้วิ่งกรูกันมาที่นี่เพื่อดูให้เห็นกับตา

 

 

กระทั่งได้มาเห็นหลิวอ้าวหลานที่นอนสลบเหมือด หายใจรวยรินอยู่บนพื้นนั่นแหละ ชาวบ้านต่างก็พากันยกมือทาบอกทีเดียว

 

 

“โอ้โห——”

 

 

สุนัขสีดำยักษ์ตัวนี้น่ากลัวเหลือเกิน

 

 

เท่าที่รู้มันคือสัตว์เลี้ยงแสนรักของฮูหยินของท่านประมุข ต่อไปหากพบฮูหยินของท่านประมุข เห็นทีว่าจะต้องเคารพยำเกรงให้มาก ห้ามไปล่วงเกินนางเด็ดขาด

 

 

แต่ทว่าจนแล้วจนเล่า ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นก็ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลย

 

 

นอกจากคนสนิทของเขาแล้ว คนอื่นไม่มีล่วงรู้เลยว่าซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนไม่ได้อยู่ที่นี่ และชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็ยิ่งเคารพเทิดทูนซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนเพิ่มมากขึ้นไปใหญ่ เพราะแค่สำหรับราชาอาวุโส ไม่จำเป็นต้องให้ท่านประมุขแหละฮูหยินออกหน้าด้วยซ้ำ ปล่อยสุนัขมาตัวหนึ่งก็เรียบร้อย!

 

 

พวกเขาเพิ่งจะค้นพบว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นยอดเยี่ยม เก่งกาจเหลือเกิน!

 

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งดังแว่วเข้ามา

 

 

“ท่านประมุขและฮูหยิน!”

 

 

มีคนร้องขึ้น

 

 

ทันใดนั้นทุกคนก็เปิดทางให้คณะของซย่าโหวฉิงเทียนเดินผ่านเข้ามาด้านใน

 

 

“อ๋าว——บรู๊ว——”ทันทีที่เห็นอวี้เฟยเยียนเดินเข้ามา หานจื่อก็แสดงท่าทีดีอกดีใจเป็นอย่างมาก มันรีบเดินโยกย้ายก้นใหญ่ๆของมันเข้ามาหาอวี้เฟยเยียนทันที

 

 

“แม่นางน้อย เจ้ากลับมาแล้ว ข้าคิดถึงเจ้าที่สุดเลย!”

 

 

รอจนกระทั่งหานจื่อเดินเข้ามาถึงตัว อวี้เฟยเยียนก็เข้าสวมกอดมัน แล้วลูบหัวใหญ่ๆของมันแผ่วเบา

 

 

“ข้าก็คิดถึงเจ้า หานจื่อ!” ภาพความสนิทสนมใกล้ชิดของสาวน้อยในชุดสีชมพูกับสุนัขสีดำตัวยักษ์ปรากฎแก่สายตาของทุกคน ยิ่งทำให้ทุกคนพึงระลึกว่า ไม่ว่าจะอย่างไรอย่าได้ไปล่วงเกินฮูหยินของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเด็ดขาด! มิเช่นนั้นจะมีจุดจบเฉกเช่นราชาอาวุโสที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำผู้นั้น!

 

 

พวกเขามิได้มีกึ๋นเทียมเท่าราชาอาวุโสเสียด้วย!

 

 

“เสี่ยวอวี้ หลิวเซิ้งถูกพิษ!” เมื่อเสิ่นถูเลี่ยมองเห็นอวี้เฟยเยียน ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายแห่งความหวังขึ้นมา

 

 

“เจ้ารีบมาดูอาการเขาเร็ว!”

 

 

ได้ว่าหลิวเซิ้งถูกพิษ อวี้เฟยเยียนก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันที พร้อมด้วยตี้อู่เฮ่ออี้ที่ตามหลังนางมาติดๆ ในเวลาเช่นนี้จะขาดเจ้าทึ่มผู้รักในการศึกษาวิชาแพทย์ได้อย่างไรกัน